บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1683 นักเรียนที่ไม่พัฒนา
เหยี่ยโซ่วพูดขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า แต่ว่าหนึ่งเดือนมีวันอาทิตย์แค่สี่วัน ก็แสดงว่าสามารถติวได้แค่สี่วัน จะเรียนทันหรือ?
หยู่เหวินหวงพูดขึ้นว่า พยายามให้มากที่สุด นอกจากวันอาทิตย์แล้ว ปกติกลับมาถึงหอพักแล้วก็ห้ามคุยเล่นไร้สาระ ติวต่อไป ตอนเที่ยงกับตอนกลางคืนรวมกันแล้วก็น่าจะได้ 1 ชั่วโมง นอนพักกลางวันครึ่งชั่วโมงก็พอแล้ว
งั้นก็แสดงว่าต้องกินข้าวอย่างตะกละตะกลามแล้ว
นอกจากหลี่เจี้ยนฮุยแล้ว คนอื่นหลายคนต่างคิดว่าทรมานขนาดนี้จะมีประโยชน์ไหม? เหนื่อยมากเลยนะ
หยู่เหวินหวงก็ไม่พูดให้กำลังใจพวกเขา เพียงแค่พูดว่า ชีวิตของตนเอง ต้องเลือกด้วยตนเอง
คนเราต่างก็กลัวที่จะล้าหลัง โดยเฉพาะคนที่เล่นอยู่กับตนเองมาตลอด
ดังนั้นต่อให้มีความลังเลกับความไม่ยินยอม พวกเขาก็ยังคงยอมรับ
หลายสัปดาห์ต่อมา หลี่เจี้ยนฮุยพัฒนาขึ้นค่อนข้างเร็ว เขามีความตั้งใจ จึงมีความพยายามยิ่งกว่าคนอื่น
ว่าไปแล้วก็น่าแปลก นับตั้งแต่หลี่เจี้ยนฮุยตั้งใจเรียน เพื่อนนักเรียนในห้องก็เริ่มตั้งใจเรียน ทบทวน ทำแบบฝึกหัด แม้แต่เวลาพักก็ไม่ออกไปเล่น ยังคงทำแบบฝึกหัดต่ออยู่ในห้อง
สัญญาณซึมซับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมและสิ่งอื่น ๆ เข้าไปโดยไม่รู้ตัวเช่นนี้ ครูจางเองก็เห็นแล้ว เขาภาคภูมิใจอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าคาดหวังอะไรมาก มักคิดว่าวันเวลาแบบนี้คงเป็นไปได้เพียงไม่กี่วัน
การทดลองสอบครั้งที่สองของโรงเรียนเริ่มขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้โรงเรียนยังคงค่อนข้างตื่นเต้น เพราะหากครั้งนี้หยู่เหวินหวงยังคงสอบได้คะแนนเต็มทุกวิชา แสดงว่าเขามีความสามารถจริง
เพราะหลังจากการทดลองสอบครั้งที่สองแล้ว ก็จะเป็นการสอบกลางภาค ถึงตอนนั้นต้องเรียงอันดับระดับเมือง ถึงตอนนั้นคะแนนของเขาจะต้องเป็นที่ตกตะลึงทั่วทั้งเมืองก่วง
ผู้อำนวยการ ประธานกรรมการผู้อำนวยการหลายคน ยังมีผู้นำคนอื่นๆของโรงเรียนต่างก็ตื่นเต้นและรอคอยอย่างมาก
หลังจากสอบเสร็จแล้ว ก็ทำการตรวจข้อสอบกันในคืนนั้นเลย ข้อสอบของหยู่เหวินหวง
หลังจากตรวจเสร็จแล้ว ผลคะแนนสอบถูกส่งมาให้กับผู้อำนวยการโรงเรียน
ผู้อำนวยการถือไว้ในมือ จ้องมองอยู่เนิ่นนาน ท่าทีแลดูเคร่งเครียด
จากนั้นก็วางผลการสอบ หยิบมือถือกับกุญแจรถขึ้นมา พร้อมพูดกับครูจางว่า เรียกทุกคนไปมื้อดึกกันที่ร้านขายอาหารหยูซุ่ยฮัวเหมิน ผมเลี้ยงเอง
ครูจางหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า พาครอบครัวไปด้วยได้ไหม? ผู้นำที่บ้านบอกว่าหากมีกิจกรรมกลางคืนต้องพาเธอไปด้วย
ได้ ผู้อำนวยการพูดขึ้นอย่างใจกว้าง
ครูจางจึงรีบออกไปโทรศัพท์
ผู้อำนวยการก็เดินตามออกไป ตอนที่ปิดประตู ก็คิดขึ้นมาได้ว่ายังมีเรื่องหนึ่งยังทำไม่เสร็จ จึงตะโกนพูดกับครูจางว่า พวกคุณไปนั่งจองที่ก่อน ผมไปวิ่งแปบหนึ่ง
ยัดเสื้อคลุมมือถือกุญแจให้กับครูจาง วัยกลางคนในอายุสี่สิบสาม วิ่งท่ามกลางลมกลางคืนอย่างภาคภูมิใจ
หลังจากสองวัน คะแนนทั้งหมดก็ออกมาแล้ว
ครูจางหอบผลคะแนนสอบ เดินเข้ามาอย่างอกผายไหล่ผึ่ง เหมือนดั่งไก่ที่เพิ่งกลับมาจากการขัน สีหน้าเต็มไปด้วยความดีใจกับความมั่นใจ
ทั้งห้องเงียบสงัด ต่างจ้องมองดูผลคะแนนอย่างตื่นเต้น
เพราะการสอบในครั้งนี้ ทั้งห้องพยายามกันอย่างที่สุด เป็นครั้งแรกที่มีความตั้งใจขนาดนี้
ครูจางวางผลคะแนนไว้บนโต๊ะอย่างมีพิธีรีตอง เงยหน้าขึ้นมามองดูนักเรียนทั้งห้อง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า ผลคะแนนสอบในครั้งนี้ออกมาแล้ว ครูภาคภูมิใจอย่างมาก เพราะนักเรียนทั้งห้องนอกจากนักเรียนคนหนึ่งแล้ว ต่างพัฒนาขึ้น มีนักเรียนบางส่วนพัฒนาขึ้นอย่างมาก
ครูครับ มีใครไม่พัฒนาขึ้นหรือ? มีนักเรียนคนหนึ่งถามขึ้น
สายตาของครูจางหันมามองหยู่เหวินหวง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงติดตลกว่า นักเรียนคนที่ไม่พัฒนา ก็คือหยู่เหวินหวง เขายังคงสอบได้ที่หนึ่ง และก็ได้คะแนนเต็มทุกวิชา ขอให้หยู่เหวินหวงรักษาความดีเช่นนี้ต่อไป โรงเรียนไม่ต้องการให้เธอพัฒนาไปมากกว่านี้แล้ว
ทั้งห้องพากันหัวเราะ
ครูครับ ผมคิดว่าให้เขาถอยหลังหนึ่งก้าว จะยิ่งเหมาะสมกับความเป็นห้องหกของเรา หลี่เจี้ยนฮุยลุกขึ้นมาพร้อมหัวเราะพูดขึ้น
ทุกคนหัวเราะดังยิ่งกว่าเดิม
ครูจางขยี้ตา จ้องมองหลี่เจี้ยนฮุยพร้อมพูดขึ้นว่า นายพูดเสียงดังหน่อย อีกห้าวิผู้อำนวยการก็จะมาถึง….
พูดยังไม่ทันเสร็จ ผู้อำนวยการก็มาปรากฏตรงหน้าห้องเรียน เดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้มพร้อมพูดขึ้นว่า สวัสดีนักเรียนทุกคน ได้ยินมาว่าวันนี้ผลสอบออกมาแล้ว คะแนนห้องหกพัฒนาขึ้นอย่างมาก จะต้องได้รับคำชื่นชม
หลี่เจี้ยนฮุยรีบนั่งลงทันที