บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1712 สะใภ้ที่อยู่ด้วยกันตลอดชีวิต
คืนนี้เจ้าห้าดื่มไปไม่น้อย
เขาอารมณ์ดีที่สุด เพราะทุกคนต่างออกไปข้างนอกได้ มีเพียงเขาที่ถูกจำกัดอยู่แต่ในวังหลวง จะพักสักสองสามวันไปเยี่ยมญาติที่ยุคปัจจุบัน ท่องเที่ยวสักหน่อยก็หาได้ยากยิ่ง
ท่านชายสี่ก็ดื่มจนวิงเวียนเล็กน้อย หันหน้าไปมองเจ้าหญิง สองสายตาสบกัน เจ้าหญิงเอ่ยอย่างไร้เสียง ดื่มน้อยหน่อย!
เมื่อนั้นท่านชายสี่ก็วางจอกสุราลง
อ๋องอานและพระชายาไม่ได้พบกันนาน ย่อมรักใคร่กันมากกว่าเดิม แต่ราตรีนี้ดื่มหนักไปหน่อย ใบหน้าดำคล้ำเจือแดง ดื่มไปดื่มมา จู่ๆ ก็ลุกขึ้นชูจอกสุรากับหยู่เหวินเห้า ฝ่าบาท หม่อมฉันคารวะพระองค์หนึ่งจอก!
ทุกคนตะลึงงัน
อ๋องอานเรียกว่าฝ่าบาทนั้นมิแปลก แต่กลับใช้คำว่า ‘พระองค์’ ที่เป็นวาจาเชิดชูเกียรติ
ท่าทางเขาเมาหนัก ลุกขึ้นยืนโซเซ น้ำสุรากระฉอกออกมาเล็กน้อย แต่กลับยังชูจอกมองหยู่เหวินเห้าด้วยดวงตาเคลิบเคลิ้ม
จากนั้นก็ดื่มรวดเดียวหมดจอกแล้ววางลง ตบหน้าตัวเองแรงฉาด เมื่อก่อนกระหม่อมเป็นคนเลว ต่อไปกระหม่อมจะทำตัวเสียใหม่พ่ะย่ะค่ะ
ทุกคนตะลึงงันอ้าปากค้าง
ไยคืนนี้จึงมาพูดเยี่ยงนี้ในโอกาสแบบนี้กะทันหันได้? ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องในอดีตของเขาสักหน่อย
แถมคืนนี้ครึกครื้น มีความสุขเช่นนี้ พูดถึงเรื่องที่แล้วมาจะไม่เหมาะหรือเปล่า?
หยู่เหวินเห้าผงะ จากนั้นก็กระซิบที่ข้างใบหูหยวนชิงหลิง คำพูดเขาช่างสัมผัสดีเสียจริง
หยวนชิงหลิงยิ้มเจื่อน สัมผัสดีอะไร? นั่นมันคำเดียวกันต่างหาก!
ได้ ข้าจะดื่มจอกนี้! หยู่เหวินเห้าก็ลุกขึ้นมาด้วย ถึงคืนนี้จะดื่มหนักไปหน่อย แต่สุขภาพในตอนนี้ก็ต่างจากแต่ก่อนแล้ว กรอกเข้าไปไหแล้วไหเล่า ปัญหาไม่ใหญ่ แต่จะรีบไม่ได้เท่านั้น รีบแล้วจะย่อยไม่ทัน
ผ่านมาหลายปี ทั้งสองทิ้งเรื่องราวในอดีต ชนจอกกันอีกครั้ง
หยวนชิงหลิงเห็นแล้วก็ประทับใจอยู่บ้าง
นางมิได้ประทับใจอ๋องอาน แต่เป็นเจ้าห้า อันที่จริงเขายังเคืองแค้นอ๋องอานมาตลอด ต่อหน้าก็ต้องไม่มีอะไรอยู่แล้ว เพราะยังต้องให้เขาไปประจำอยู่ที่จวนเจียงเป่ย
นางประทับใจที่ตอนนี้เจ้าห้าจัดการอารมณ์และความรู้สึกได้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วกล่าวได้ว่าเขาจะตรึกตรองในมุมของราชามากกว่า มิใช่ใช้อารมณ์ส่วนตัวส่งผลกับส่วนรวม
ดังนั้นเขาชนจอกกับอ๋องอาน ให้บุญคุณความแค้นทั้งหมดผ่านไป ต่อไปเจ้าให้เกียรติที่ข้าเป็นราชา และข้าก็ใช้ที่เจ้าเป็นขุนนาง
อ๋องเว่ยก็มองมาด้วย แต่ท่าทางกลับดูไม่ค่อยชอบใจนัก เจ้าสี่เป็นพวกเหลี่ยมจัดที่ขึ้นชื่อในจวนเจียงเป่ย ในเวลาสำคัญเช่นนี้ยังมาแย่งความโดดเด่นจากเขาอีก ทั้งที่เมื่อครู่ทุกคนต่างจับจ้องมาที่เขากับจิ้งเหอ หากมีคนผลักดันช่วยพูดสักหน่อย เช่นนั้นเรื่องนี้ก็จะก้าวยาวไปในทิศทางที่ดีแล้ว
ไท่ซ่างหวงเห็นแล้วก็ให้สะท้อนใจ แอบดื่มกับอู๋ซ่างหวงจอกหนึ่ง อู๋ซ่างหวงฉวยโอกาสที่ย่าหยวนสนทนากับลูกชายและลูกสะใภ้ของตน รีบดื่มสุราจอกนี้ที่ลูกชายตนคารวะด้วยความเร็วปายสายฟ้าแลบ
บรรดาผู้สูงวัยค่อยๆ ออกจากงาน ไปนั่งผิงไฟอยู่ในตำหนัก สนทนา คุยเรื่องที่คนหนุ่มสาวไม่เข้าใจ
สำหรับพวกชายหญิงกลางคนยังกิน ดื่ม พูดคุยกันต่อ
เด็กๆ ออกไปเล่นหิมะข้างนอกแล้ว
การอยู่ข้ามปีคืนนี้จะไม่ออกจากวังไวขนาดนั้น
แต่คืนนี้ฮูหยินเหยาต้องกลับก่อนเวลาเล็กน้อย เพราะลูกยังเล็กมาก จะกลับจวนดึกเกินไปไม่ได้
ทว่าฮุ่ยเทียนรู้ว่านางอยากอยู่นานอีกหน่อย จึงเสนอตัวพาลูกกลับไปก่อน ให้ฮูหยินเหยาได้สนทนากับบรรดาเครือญาติสตรีให้สนุก
ในบรรดาพวกนาง คืนนี้ที่ดื่มจนเมาที่สุด กลับเป็นพระชายาซุน
ที่ขึ้นโต๊ะรอบแรกเป็นสุราผลไม้ นางรู้สึกว่ามีรสหวาน ดื่มมากไปหน่อย ครึ่งชั่วยามให้หลังครั้นฤทธิ์สุราออกนางก็ไม่ไหวแล้ว แต่ก็ไม่ถึงกับเมาหนัก เอาแต่ดึงมือหรงเยว่ที่อยู่ข้างๆ พูดเรื่อยเปื่อยวกไปวนมาไม่มีสิ้นสุด
หยวนชิงหลิงจึงพาพวกนางไปที่ตำหนักข้าง ให้คนในวังนำซุปสร่างเมามา เมื่อทุกคนดื่ม แม้ยังวิงเวียนอยู่บ้าง แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว
สุราเป็นตัวปลุกเร้าอารมณ์ บรรดาสะใภ้มองกัน ต่างรู้สึกชื่นชอบอีกฝ่ายอย่างที่สุด
จากนั้นหรงเยว่ก็กล่าวคำหนึ่งอย่างลวกๆ หวังจริงๆ ว่าต่อไปจะได้แบบนี้ทุกปี ใครจะคิดว่าข้าออกเรือนแล้ว กลับต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนมากมายเช่นนี้ตลอดชีวิต
วาจานี้มีพลังมาก เหล่าสะใภ้มองกันแวบหนึ่ง น้ำตาคลออยู่กระบอกตาเล็กน้อย