บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1732 โรคระบาด
หยวนชิงหลิงหยิบหูฟังออกมา ฟังเสียงปอดของเขา ใต้เท้าฉียื่นมือออกมาหมายจะหยุดนางไว้ อย่างไรชายหญิงก็ควรเว้นระยะห่างกัน
แต่เพราะเขาอ่อนแอมาก อีกทั้งท่านหมอผู้นี้ก็ดูค่อนข้างมีรังสีคุกคามดุดัน แม้ว่าเขาจะสวมหน้ากาก แต่ประกายแสงอันแน่วแน่ในดวงตาของนาง ก็ยังทำให้เขาแตกตื่นไม่น้อย
หยวนชิงหลิงฟังจากด้านหน้า แล้วค่อยเลื่อนไปฟังที่ด้านข้าง จากนั้นค่อยฟังปอดด้านหลัง ขมวดคิ้วเล็กน้อย เจ้ารู้สึกไม่สบายมากี่วันแล้ว?
ใต้เท้าฉีค่อยหันตัวกลับมาช้า ๆ มีอาการคัดจมูกไม่น้อย ตอบว่า รู้สึกไม่สบายก็ช่วงสองสามวันมานี้ขอรับ ตอนที่ออกมาก็ยังสบายดีทุกอย่าง บางทีอาจเพราะขี่ม้าตากแดดตากลมมาหลายวัน บวกกับพยายามเร่งเดินทางตอนกลางคืนด้วย อาจต้องลมหนาวโดยไม่รู้ตัวก็ได้ขอรับ
นอกจากไอแล้ว ยังรู้สึกปวดที่หัวใจด้วยหรือไม่?
เจ็บขอรับ เจ็บที่นี่! ใต้เท้าฉีกดไปที่หน้าอกตัวเอง ฝ่ามือสั่นเทาเล็กน้อย พยายามหายใจเข้าอย่างยากลำบาก พูดว่า ที่นี่ก็เจ็บเช่นกัน กระดูกทั้งหมดในร่างกายรู้สึกเจ็บปวดไปหมดเลย
หลังจากหยวนชิงหลิงสอบถามอาการโดยละเอียด ก็พูดว่า ข้าจะสั่งยาให้เจ้า ให้น้ำเกลือเถอะ
ให้น้ำเกลือ? ใต้เท้าฉีมองหยวนชิงหลิงอย่างโง่งม
อื้ม ไม่ต้องถามหรอก รับการรักษาไปก็พอ อาการป่วยของเจ้าค่อนข้างรุนแรง สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นโรคปอดบวม ทั้งยังเป็นโรคปอดบวมที่รุนแรงมากเสียด้วย
เมื่อใต้เท้าฉีได้ยินคำว่าป่วยหนัก ในใจก็ร้อนรนกังวลอย่างยิ่ง พูดขึ้นว่า ท่านหมอ ท่านโปรดช่วยข้าให้สุดความสามารถด้วยเถิด ที่บ้านข้ายังมีแม่ที่แก่ชราที่ต้องเลี้ยงดู พี่ชายของข้าเพิ่งป่วยตายไปเมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง ข้ายังต้องดูแลลูก ๆ ของพี่ชายด้วย ข้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้นะ
หยวนชิงหลิงตอบว่า ข้าย่อมทำจนสุดความสามารถอยู่แล้ว เจ้าวางใจเถอะ แค่ให้ความร่วมมือในการรักษาก็พอ
ใต้เท้าฉีกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง ขอบพระคุณขอรับท่านหมอ
หยวนชิงหลิงจัดยา แล้วแขวนถุงน้ำเกลือให้เขา
ในระหว่างกระบวนการให้น้ำเกลือ ใต้เท้าฉีดูหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่หยวนชิงหลิงอธิบายว่าสิ่งนี้คล้ายกับการฝังเข็ม การรักษาผ่านวิธีนี้ ตัวยาจะถูกส่งไปในร่างกายโดยตรง แบบนี้จะช่วยให้เห็นผลเร็วขึ้นมาก
จากนั้นก็หยิบยาลดไข้ออกมาให้เขากิน ไข้สามสิบเก้าจุดห้าองศา ต้องหาทางลดไข้ลงก่อน
หยวนชิงหลิงถามไปเรื่อย ๆ ว่า พี่ชายของเจ้าป่วยเป็นโรคอะไรจนตายจากไปรึ?
ใต้เท้าฉีถอนหายใจอย่างหมองเศร้า เขาเป็นหัวหน้าพลตระเวนประจำที่ทำปกครอง เพราะฝืนทำงานหนักเกินไป เริ่มแรกก็แค่ไอไม่กี่ครั้ง จึงไม่ได้สนใจรักษาจริงจัง ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นร้ายแรงขึ้นเรื่อย ๆ รอจนมีไข้ขึ้นสูงไม่ยอมลดถึงค่อยไปหาหมอ แต่ก็รักษาไม่ทันการณ์เสียแล้ว
หืม? อาการป่วยของเขาเหมือนกับเจ้าหรือไม่? หยวนชิงหลิงรั้งความสนใจ ถามขึ้นอีกครั้ง
โดยพื้นฐานแล้วเหมือนกัน อากาศเย็นเข้าสู่ร่างกาย ต้องลมไม่ดีจากภายนอก
นอกจากเขาแล้ว ยังมีใครที่เจ้ารู้จักล้มป่วยอีกบ้างหรือไม่? คนในครอบครัวของเจ้าล่ะ? ภรรยากับลูก ๆ ของเขาล่ะ?
ใต้เท้าฉีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตอนที่ข้าออกมา ก็ไม่ได้ยินว่าพวกเขาล้มป่วยอะไร ยกเว้นแค่พี่สะใภ้ของข้าที่เศร้าเสียใจเกินจะทำใจจนหมดสติไปหลายต่อหลายครั้ง ก็ไม่มีใครที่ติดโรคมาด้วย
เพื่อนร่วมงาน….คนในกรมการปกครองที่เจ้าทำงานด้วยล่ะ?
ใต้เท้าฉีตอบว่า ท่านใต้เท้าผู้ดูแลเมืองก็รู้สึกไม่สบาย ดังนั้นจึงให้ข้ามาทูลรายงานที่เมืองหลวงขอรับ
คนของกรมการปกครองที่เหลือล่ะ? หยวนชิงหลิงถามอีกครั้ง
ใต้เท้าฉีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งมืดมน ท่านหมอ พอท่านถามแบบนี้ ข้าก็นึกขึ้นมาได้ว่า ก่อนที่ข้าจะมาเมืองหลวง มีเจ้าหน้าที่ของที่ทำการปกครองหลายคนล้มป่วย กระทั่งซือเย่ (ที่ปรึกษาประจำที่ทำการปกครอง) ก็คงไม่อาจกลับไปที่ทำการปกครองได้อีกแล้ว
เขาถามอย่างวิตกกังวลว่า ท่านหมอ ข้าป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่?
หยวนชิงหลิงตอบว่า ข้อสรุปเบื้องต้นคือเป็นไข้หวัดใหญ่!
ใต้เท้าฉีแย้งว่า แต่ที่เมืองหวูกุ้ยไม่ค่อยเกิดโรคไข้หวัดใหญ่มากนัก อีกทั้งโรคไข้หวัดใหญ่ขอแค่กินยา ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ จะถึงขั้นทำให้คนตายได้อย่างไรกัน? นอกเสียจากว่าร่างกายของผู้ที่กินยาอ่อนแอเกินไป ถึงจะตายได้
หยวนชิงหลิงไม่คิดจะอธิบายให้เขาฟังในตอนนี้ พูดว่า นี่เป็นเพียงการเดาของข้า เจ้าทำใจให้สงบแล้วเข้ารับการรักษาก็พอ ข้าจะส่งคนไปที่เมืองหวูกุ้ย เพื่อไปตรวจสอบดูว่ามีการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ที่นั่นหรือไม่
ส่งคนไป? แม้ว่าใต้เท้าฉีจะป่วย แต่เขาไม่ได้สมองเลอะเลือน ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็จ้องมองหยวนชิงหลิงทันที ท่านคือ?
คนของโรงหมอหุ้ยหมิง! หยวนชิงหลิงเก็บข้าวเก็บของ จากนั้นพูดว่า เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ อีกสักครู่ข้าจะกลับมาใหม่
นางหิ้วกล่องยาเดินออกไป เมื่อไปถึงด้านนอกก็ใช้แอลกอฮอล์ฉีดพ่นให้ตัวเอง รวมถึงใช้แอลกอฮอล์เช็ดมือจนทั่ว