บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1733 ร้ายแรงกว่าที่นางคิด
หยวนชิงหลิงออกไปบอกทุกคนว่า ที่เมืองหวูกุ้ยเวลานี้น่าจะเกิดโรคระบาดขึ้นแล้ว
เมืองหวูกุ้ยตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ภูมิอากาศค่อนข้างร้อน มีโรคระบาดเกิดขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว แต่คนในท้องถิ่นชื่นชอบต้มชาสมุนไพรดื่ม ในชาสมุนไพรมีคุณสมบัติพิเศษ ซึ่งออกฤทธิ์ต่อโรคระบาดประเภทไข้หวัด ดังนั้นจึงแทบไม่มีโรคระบาดใหญ่ใด ๆ แพร่ระบาดเลย
ใต้เท้าเหลิ่งพูดว่า เมืองหวูกุ้ยไม่ได้เขียนฎีการายงานเรื่องนี้มา แต่ทุกปีที่เมืองหวูกุ้ยมักเกิดโรคระบาด แต่ก็ถูกควบคุมได้อย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ก็จะเหมือนกับปีก่อน ๆ หรือไม่?
หยวนชิงหลิงพูดว่า บางทีอาจจะร้ายแรงกว่านิดหน่อย เพราะพี่ชายของใต้เท้าฉีตายเพราะติดโรคระบาดนี้เข้า อีกทั้งหลายคนที่อยู่ใกล้ตัวเขาก็ติดเชื้อนี้ด้วย ซึ่งหมายความว่ามีคนจำนวนมากในแวดวงเล็ก ๆ เกิดติดเชื้อเข้าแล้ว ข้าคิดว่าบางทีอาจจะร้ายแรงกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา
ถึงอย่างนั้นก็อาจไม่ต้องกังวลให้มากเกินไปก็ได้กระมัง ? ในเมื่อทางนั้นเหมือนจะมีโรคระบาดแทบทุกปีอยู่แล้ว น่าจะพอรับมือกับอะไรพวกนี้ได้
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า ข้าไม่คิดอย่างนั้น เป็นเพราะมันเกิดโรคระบาดทุกปีจริง ๆ ทั้งยังไม่เกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นจึงนึกชะล่าใจ คิดว่ามันจะควบคุมได้ง่าย ๆ เหมือนปีที่ผ่าน ๆ มา
หยู่เหวินเห้าถามว่า เจ้าหยวน ตามความคิดเห็นของเจ้า โรคระบาดนี้ควรควบบคุมอย่างไร?
ข้าแค่สงสัยว่าเกิดการระบาด แต่ในความเป็นจริงสถานการณ์เป็นอย่างไรนั้นพวกเราไม่รู้เลย ใต้เท้าฉียังมีไข้สูง ข้าเพิ่งจะให้น้ำเกลือเขาไป กับให้กินยาลดไข้ อีกสักครู่ข้าจะให้ใต้เท้าเหลิ่งเข้าไปด้วย เพื่อสอบถึงสถานการณ์โดยรวม แต่ต้องไม่ลืมสวมหน้ากากป้องกันให้ดีด้วยล่ะ
หยวนชิงหลิงสงสัยเป็นการชั่วคราวว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ หรืออาจเป็นการกลายพันธุ์ของไวรัสไข้หวัดใหญ่
ในโลกก่อนที่นางอยู่ ทุก ๆ หลายสิบปีมักเกิดการกลายพันธุ์ครั้งใหญ่ของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A สักครั้ง อีกทั้งโรคไข้หวัดใหญ่กลายพันธุ์ที่เกิดการระบาดในยุคปัจจุบัน ยังสร้างภาระอันมหาศาลให้กับการรักษาพยาบาลเสมอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่นี่ด้วยซ้ำ
ถ้ามันแพร่ระบาดจริง เช่นนั้นจะต้องควบคุมให้ได้โดยเร็วที่สุด
หยวนชิงหลิงพูดไว้แบบนี้ แต่หยู่เหวินเห้ากับใต้เท้าเหลิ่งต่างก็ไม่ได้มีท่าทางกังวลอะไรมากมาย สาเหตุหลักคือ โรคระบาดนี้เกิดขึ้นทุกปี และยังไม่เคยกลายเป็นระดับวิกฤต
ใต้เท้าฉีกินยาลดไข้ไปได้ไม่นาน ไข้ก็ลดลงไปเล็กน้อย หยวนชิงหลิงช่วยตรวจอุณหภูมิให้ พบว่ามีอุณหภูมิอยู่ที่สามสิบแปดองศา ยังมีไข้อยู่ แต่เจ้าตัวดูกระฉับกระเฉงขึ้นมาก
ใต้เท้าเหลิ่งกับหยู่เหวินเห้าเข้ามาด้วยตัวเอง ทั้งคู่สวมหน้ากากป้องกันพร้อม หยู่เหวินเห้าไม่ได้มีปัญหาอะไร สภาวะร่างกายในตอนนี้ของเขา แทบจะเรียกได้ว่าร้อยหมื่นพันพิษก็ไม่อาจกล้ำกรายได้ไปแล้ว
หลังจากเข้าไปแล้ว ทั้งคู่ไม่ได้เปิดเผยตัวตน เพียงบอกแค่ว่าพวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่จากโรงหมอหุ้ยหมิง มาถามไถ่ให้เข้าใจสถานการณ์
แต่ใต้เท้าฉีเห็นว่าพวกเขาทั้งสองมีท่าทางไม่ธรรมดา มีอำนาจบารมียิ่งใหญ่แบบที่ไม่มีใครเทียบได้ เป็นลักษณะของพวกชนชั้นระดับสูง
เขาฝืนลุกขึ้นนั่ง บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดในท้องถิ่นทั้งหมดให้พวกเขาสองคนฟัง
เขาได้ฟังเรื่องการระบาดของโรคระบาด ก็โบก ๆ มือแล้วพูดว่า โรคระบาดนั้นนับว่ามีจริง แต่พื้นฐานแล้วการระบาดใหญ่นั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ ในฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิของทุกปี สองฤดูกาลนี้ล้วนเป็นเช่นนั้น ดื่มชาสมุนไพรนิดหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้ว ตลอดทางที่ข้าน้อยเดินทางไปเมืองหลวงก็ดื่มชาสมุนไพรเช่นกัน แต่เพราะเมื่อสองวันก่อนชาสมุนไพรหมด สาเหตุนี้เองที่ทำให้เริ่มแสดงอาการ
พอจะให้ข้าดูสูตรชาสมุนไพรของพวกเจ้าหน่อยได้หรือไม่? หยวนชิงหลิงถาม
ข้าไม่มีสูตรหรอกขอรับ แค่ไปที่ร้านขายยาแล้วให้เขาจัดมาให้ จากนั้นข้าน้อยก็พกมาเมืองหลวงด้วย นำติดตัวมาราว ๆ สิบกว่าห่อ แต่ดื่มหมดไประหว่างทาง ข้าน้อยไม่เข้าใจศาสตร์การปรุงยา จึงไม่รู้เลยว่ามีตัวยาอะไรอยู่ในชาสมุนไพรบ้าง
หยู่เหวินเห้ามองไปที่ดวงตาของเขา แล้วหันไปพูดกับหยวนชิงหลิงว่า ตาของเขาแดงมากเลย
อื้ม! หยวนชิงหลิงหันไปมองดวงตาของเขา ที่เวลานี้เหมือนจะแดงกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย ใต้เท้าฉี เจ้ามีอาการปวดท้องกับท้องเสียด้วยหรือไม่?
ใต้เท้าฉีตอบว่า มีอาการปวดท้องเล็กน้อย แต่ไม่ร้ายแรงขอรับ แต่น่าจะเกิดจากความไม่คุ้นชินกับสภาพดินและน้ำของที่นี่ ทุกครั้งที่ข้าน้อยออกบ้าน มันจะเป็นเช่นนี้เสมอ บ้างก็ท้องเสีย บ้างก็ท้องผูก
หยวนชิงหลิงถามว่า แล้วเจ้าเคยได้ยินว่า มีสัตว์ปีกจำนวนมากตายในเมืองหวูกุ้ยบ้างหรือไม่?
ใต้เท้าฉีเงยหน้าขึ้นทันที มีขอรับ ๆ ช่วงนี้ไม่รู้ว่าทำไม มีชาวบ้านหลายคนบอกว่าไก่ที่เลี้ยงไว้ที่บ้าน จู่ ๆ ก็พากันตายโดยไม่ทราบสาเหตุ
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว ถ้าอย่างนั้น สถานการณ์นี้อาจร้ายแรงกว่าที่นางคิดไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว