บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1742 สวีอีอะซี่ผู้มีความสุข
สามวันต่อมา ฮ่องเต้กับฮองเฮาทรงนำขุนนางน้อยใหญ่จากราชสำนัก และเจ้าหน้าที่ของเมืองหวูกุ้ยหลายคนไปยังโรงหมอหลักประจำเมือง เพื่อทักทาย ให้กำลังใจ และกล่าวขอบคุณสำหรับการร่วมแรงร่วมใจในช่วงที่เกิดโรคระบาด
ทุกที่ที่เขาไป ล้วนเกิดความโกลาหล อลหม่านไปหมด
ผู้คนมารุมล้อม จากก็อยากมาเห็นกับตาว่า ฮ่องเต้กับฮองเฮาของพวกเขาหน้าตาเป็นอย่างไร
เมื่อพวกเขาเห็นว่าทั้งฮ่องเต้และฮองเฮา ต่างยังดูอ่อนเยาว์ทั้งยังหล่อเหลางดงามน่ามอง สีหน้า
ท่าทางอ่อนโยนใจดีทั้งยังเป็นกันเอง ทุกคนต่างก็ตกหลุมรัก ตลอดทางมีคนร้องตะโกนไม่หยุดว่า
ฮ่องเต้ทรงพระเจริญหมื่น ๆ ปี ฮองเฮาทรงพระเจริญพัน ๆ ปี
บรรดาหมอที่ได้รับการทักทายปลอบขวัญต่างพากันหลั่งน้ำตา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฮ่องเต้ถึงขั้นจับมือกับพวกเขาเลยด้วย แม้จะไม่รู้ว่ามารยาทการจับมือมันสื่อถึงอะไร แต่พวกเขาได้จับมือ
กับฮ่องเต้เชียวนะ ได้สัมผัสพระหัตถ์ของฮ่องเต้ ฮือ ๆ ถ้าไม่เพราะโรคระบาดนี้ยังไม่ถูกกำจัดดี
พวกเขาก็ไม่อยากจะล้างมือกันเลยด้วยซ้ำ
ตลอดทั้งวัน แขกผู้มีเกียรติจากเมืองหลวงต่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ฝ่ายเจ้าหน้าที่น้อยใหญ่ของเมือง
หวูกุ้ย กลับเหน็ดเหนื่อยกันแทบตายแล้ว เพราะตั้งแต่รับราชการมา ก็แทบไม่ได้ใช้สองขานี้
เดินทางไปไหนมาไหนเลย ทั้งยังเดินนานมากขนาดนี้อีกด้วย
อะซี่แอบพูดกับหยวนชิงหลิงว่า พี่หยวน คิดไม่ถึงเลยว่าผู้คนจะชื่นชอบฝ่าบาทมากขนาดนี้ ข้า
เห็นแล้วยังรู้สึกซาบซึ้งใจไปด้วยเลย ชักอยากจะร้องไห้ขึ้นมาแล้วสิ
หยวนชิงหลิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า ใครทำให้ประชาชนท้องอิ่มได้ ประชาชนก็ชื่นชอบคนนั้นนั่นล่ะ
ข้ารู้สึกว่าฝ่าบาทสูงขึ้นมากเลย อะซี่ปิดปากแอบหัวเราะคิกคัก
หรงเยว่เดินตามอยู่ข้างหลัง ได้ยินพวกนางที่เดินอยู่ด้านหน้ากระซิบกระซาบกัน จึงเดินขึ้นมาถามว่า ใครดื่มได้มากขึ้นอย่างนั้นรึ?
เจ้าก็คิดแต่เรื่องดื่มอยู่เรื่องเดียวนี่ล่ะ! อะซี่ปรายตามองนางอย่างเอือมระอา
คิดสิ ทำไมจะไม่คิดล่ะ? ครั้งนี้ได้ออกมาข้างนอกทั้งที ก็ต้องอยากดื่มเหล้าสักหน่อย ชมทิวทัศน์
สักนิด นี่มันก็ครึ่งเดือนกว่าแล้วนะ ยังไม่ได้ใช้ชีวิตสงบ ๆ บ้างเลย หรงเยว่บ่น
เหนื่อยแล้วหรือ? หยวนชิงหลิงถาม
เหนื่อยน่ะไม่เหนื่อยหรอก ข้าแค่หวังว่าได้ออกมาเที่ยวครั้งนี้ จะไม่ต้องเห็นภัยพิบัติอะไรอีก
หวังสิ จากนั้นพวกเราก็จะได้เห็นแผ่นดินที่สวยงามร่มเย็นจนทั่วหล้าเลย หยวนชิงหลิงก็หวังอย่างนั้นเช่นกัน
ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้น ใต้หล้าล้วนสงบสุข
ในตอนเย็นกลับไปถึงจวนปกครอง ก็เชิญเจ้าหน้าที่น้อยใหญ่มากินข้าวด้วยกัน ในที่สุดก็สามารถดื่มเหล้าได้เสียที หรงเยว่มีความสุขมาก
นางเอาแต่ซุกตัวคลอเคลียอยู่ข้าง ๆ อ๋องหวย เมาแอ๋จนหัวราน้ำ
อะซี่ก็ดื่มด้วยเช่นกัน สวีอีเอาแต่จับตามองนาง เพราะทั้งสองไม่ได้นั่งด้วยกัน สวีอีได้นั่งอยู่ข้าง ๆ
หยู่เหวินเห้า ก่อนงานเลี้ยงจะเริ่ม เขาได้รับคำสั่งจากฮองเฮาให้คอยเฝ้าจับตาดูฝ่าบาทอย่างเคร่งครัด
อย่าให้ฝ่าบาทดื่มมากจนเกินไป
ผลสุดท้ายคือ ฝ่าบาทถูกจับตาอย่างเข้มงวด กลายเป็นอะซี่แม่ผู้หญิงเซ่อซ่า ที่เทเหล้าใส่ปากเอา ๆ จนนับไม่หวาดไม่ไหว คนอื่นดื่มเหล้าเอาสนุก แต่นางดื่มแบบเอาชีวิตเข้าแลก ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี
ผ่านไปครึ่งทางของงานเลี้ยง อะซี่ก็เมาแอ๋แล้ว สวีอีถอนหายใจเฮือก อุ้มอะซี่เข้ามาในอ้อมแขน
แล้วเดินกลับไปที่ห้องต่อหน้าต่อตาทุกคน
อะซี่เมาได้ที่ ยื่นมือไปเกี่ยวคอของสวีอี ลืมตาขึ้นครึ่งหนึ่ง มุมปากยกยิ้มในสภาพของคนเมาจน
เคลิบเคลิ้ม พูดเสียงอ้อแอ้แบบคนเมาว่า สวีอี ข้าดีใจ!
ข้าไม่ดีใจด้วยหรอก เจ้าดื่มมากเกินไปแล้ว สวีอีพ่นลมหายใจดังฟู่ ๆ
ข้าไม่ได้ดื่มมากขนาดนี้มานานแล้วสินะ
รู้ก็ดี มันไม่ดีกับสุขภาพ สวีอีกอดนางแน่น จากนั้นก็สาวเท้ายาว ๆ ก้าวเดินกลับไปที่ห้อง
หลังวางนางลงบนเตียง ห่มผ้าห่มให้เรียบร้อย ก็เอาผ้าขนหนูร้อนมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ อะซี่คว้า
แขนเสื้อของเขาหมับ สองขาเตะผ้าห่มออกไป สวีอี ข้าดีใจ เจ้าอยู่คุยเป็นเพื่อนข้าหน่อยสิ
ไม่ใช่แค่ดื่มเหล้าหรอกหรือ มีอะไรให้น่าดีใจกันล่ะ? ทั้งยังดื่มเข้าไปเสียมากมายขนาดนี้ด้วย
แม้ว่าสวีอีพูดอย่างนั้น แต่เขาก็ยังนั่งลง ยื่นมือออกไปลูบที่ขมับของนาง พูดด้วยน้ำเสียงกังวลว่า
พรุ่งนี้ตื่นมา เจ้าต้องปวดหัวแน่ เหล้าพวกนี้แรงไม่น้อยเลยเชียวล่ะ
หลายปีมานี้ ถ้าไม่อยู่ในวัง ก็อยู่ในจวนอ๋องฉู่ หรือไม่ก็กลับไปบ้านแม่ ข้าแทบไม่เคยไปที่อื่นเลย แต่ครั้งนี้ข้าได้ออกมาที่อื่นบ้าง ได้พบเห็นผู้คนมากมาย ได้พบเจอเรื่องราวหลากหลาย มากมายจนนับไม่ถ้วน รู้สึกว่าโลกนี้มันช่างกว้างใหญ่จริง ๆ
สวีอีตะลึงไปชั่วขณะ ข้า… ข้าขอโทษนะ แต่ก่อนนี้ทำให้เจ้าต้องน้อยเนื้อต่ำใจเหลือเกินแล้ว
ไม่หรอก ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไร อะซี่มองเขาอย่างร้อนแรง นั่นคือสิ่งที่เจ้าพยายามมอบความปลอดภัยให้แก่ข้าในโลกใบนี้ คอยปกป้องข้าอย่างรอบด้าน ให้ข้าได้อยู่อย่างสงบสุขปลอดภัย มีชีวิตที่มีความสุข หลังจากออกเดินทางมา ได้ไปยืนดูชีวิตผู้คนที่อยู่ห่างออกไปจากเมืองหลวงหลายพันลี้ ข้าก็รู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านมาของข้านั้นมีความสุขมากจริง ๆ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะมีเจ้าคอยกั้นขวางอยู่ตรงหน้าข้า….
นางรั้งแขนเสื้อของสวีอีแน่น ดวงตาเป็นสีแดงเรื่อ สวีอี ตลอดหลายปีมานี้ เพื่อพวกเราสามคนแม่ลูก ต้องลำบากเจ้าเหลือเกินแล้ว
สวีอียิ้มกว้าง ไม่ได้ลำบากเลย ข้ายินดีเป็นที่สุด ข้ายังสามารถทำได้ดีมากขึ้นกว่านี้อีกนะ ขอแค่เจ้ารู้สึกว่ามีความสุข รู้สึกว่านั่นทำให้เบิกบานใจ ข้าก็จะมีความสุข จะรู้สึกเบิกบานใจด้วยเช่นกัน สวีอี ได้แต่งให้เจ้า มันช่างดีเหลือเกิน! อะซี่น้ำตาไหลอาบแก้ม!