บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 580 ถูกรีดไถแล้ว
ฮ่องเต้หมิงหยวนไตร่ตรองการใช้คำครู่หนึ่ง “ตอบข้า เจ้ารู้มากน้อยเท่าไหร่”
บนใบหน้าของฮ่องเต้หมิงหยวนมองความดีใจความโกรธเคืองไม่ออก ดวงตาเฉยเมยเป็นอย่างมาก “หากว่าตรวจสอบความจริง ศีรษะนี้ของนางรักษาไว้ไม่ได้”
หยวนชิงหลิงไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เพียงแค่ตอบรับคำหนึ่งด้วยใบหน้าเหยเก
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูนาง “เจ้าคิดว่าข้าควรจะตรวจสอบให้ถึงที่สุด ตัดหัวแม่สามีของเจ้าทิ้งหรือ?”
หยวนชิงหลิงเงยหน้ามองดูฮ่องเต้หมิงหยวนด้วยความรวดเร็วเป็นที่สุด ในใจรู้สึกแปลกใจเป็นที่สุด ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ควรถามนาง? เช่นนั้นก็เท่ากับก้าวก่ายการเมืองแล้วไม่ใช่หรือ?
นางคิดแล้วคิดอีก กล่าว “หม่อมฉันไม่รู้เพคะ เรื่องของราชสำนัก หม่อมฉันไม่กล้าก้าวก่าย”
ฮ่องเต้หมิงหยวนกล่าวอย่างเรียบๆ “ตอนนี้ข้าถามความเห็นของเจ้า เจ้าบอกมาก็ได้แล้ว”
นี่ไม่ใช่ว่าทำให้นางลำบากใจหรือ? นางบอกว่าตรวจสอบหรือไม่ตรวจสอบก็ล้วนไม่เหมาะสม ถ้าหากนางบอกว่าตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบจริงๆแล้ว ตัดหัวเสียนเฟยแล้ว แม้ว่าโดยผิวเผินเจ้าห้าจะไม่พูดอะไร แต่ในใจจะสามารถไม่ถือสาได้หรือ?
หากบอกว่าไม่ตรวจสอบ แต่ต้องการปกป้องคนผิดทำเป็นไม่สนคนที่เป็นหายนะต่อประเทศทำร้ายราษฎรระดับนี้ ไม่มีทางที่จะยอมรับได้
เพื่อป้องกันตัวเอง นางทำได้เพียงกล่าว “เสด็จพ่อ หม่อมฉันไม่รู้จริงๆเพคะ และไม่กล้าไปก้าวก่าย”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหัวเราะอย่างเย็นยะเยือก “ล้วนพูดกันว่าพระชายารัชทายาทตรงไปตรงมากล้าพูด วันนี้ข้าเห็นว่า กลับเป็นผู้ที่เก่งในการปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง”
หยวนชิงหลิงไม่รู้ว่าทำไมฮ่องเต้หมิงหยวนต้องกดดันนางไปสู่สถานการณ์การที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เรื่องนี้นางจะเข้าร่วมหรือไม่ มีผลกระทบอะไรต่อสถานการณ์โดยรวม?
นางไม่เอ่ยวาจา ก้นบึ้งของจิตใจคำนวณว่าฮ่องเต้หมิงหยวนกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่
ฮ่องเต้หมิงหยวนกล่าว “เรื่องนี้หากว่าจัดการแล้ว มีผลกระทบต่อเจ้าห้าเป็นอย่างมาก มีเสด็จแม่ผู้หนึ่งที่มีราคี เขาก็จะถูกคนประณาม อนาคตยิ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะถูกคนเอาจุดนี้มาโจมตี แต่ว่าที่เจ้าเป็นห่วงไม่ใช่เรื่องของชื่อเสียง เสียนเฟยท้ายที่สุดเป็นเสด็จแม่ของเจ้าห้า หากว่าจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ศีรษะของเสียนเฟยก็ต้องย้ายที่อยู่แล้ว ดังนั้น ข้าคิดว่า ตอนนี้ไม่สามารถจัดการได้ เก็บไว้ก่อนเถอะ ยังไงก็ตามนางก็เก็บความชั่วร้ายไว้ไม่น้อยแล้ว”
หยวนชิงหลิงตอบรับต่ออีกคำหนึ่ง ไม่ได้แสดงความคิดเห็น รอเพียงฮ่องเต้หมิงหยวนพูด เขาแสดงท่าทีแล้ว ความจริงนางคาดเดาได้รางๆนิดหน่อย กระทั่งรู้สึกได้ว่าการคาดเดานี้ของตัวเองยังค่อนข้างวางใจได้
เป็นดังคาด ต่อจากนั้นฮ่องเต้หมิงหยวนกล่าว “แต่ ไม่จัดการนางก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สืบสวน ในเมื่อเรื่องนี้โสวฝู่รู้เรื่องแล้ว ที่ควรตรวจสอบก็ยังต้องตรวจสอบ เพียงแค่ไม่มีผลกระทบต่อนางเท่านั้น วันนี้ข้าเรียกคนมาตรวจสอบตัวเลขแล้ว ทั้งหมดคือเงินแปดแสนตำลึง หากนางต้องการให้ซูต๋าเหอมีชีวิตอยู่ ก็ต้องคืนเงินที่โกงไปทั้งหมดแปดแสนตำลึงแล้วชำระเงินค่าปรับห้าแสนตำลึงทั้งหมดรวมเป็นหนึ่งล้านสามสิบตำลึง เช่นนี้ข้าจึงสามารถผ่อนปรนได้ เอานางออกไป แล้วไว้ชีวิตสุนัขชีวิตหนึ่งของซูต๋าเหอไปชั่วคราว”
เมื่อหยวนชิงหลิงได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกว่าแผนการในใจของฮ่องเต้ลึกล้ำนัก เป็นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์จริงๆ ฆ่าซูต๋าเหอ ก็คือฆ่าหลานของไทเฮา ไทเฮาจะต้องความโกรธโจมตีหัวใจแล้วก่อความวุ่นวายป่วยเป็นอะไรอีก ดังนั้น เขาน่าจะไม่ฆ่าซูต๋าเหอทันที แต่หลังจากนั้นจะต้องคิดบัญชีย้อนหลังแน่นอน ในคำพูดของเขาคำว่า “ชั่วคราว” นั่นก็สามารถมองออกได้
ในเมื่อต้องการที่จะใช้ชีวิตเขาแล้ว ทำไมไม่ฉวยโอกาสเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง?
ดูท่า ฮ่องเต้ยากจนมากจริงๆ
ตอนนี้หยวนชิงหลิงแสดงความคิดเห็นแล้ว “หม่อมฉันคิดว่าเสด็จพ่อพูดมีเหตุผลเพคะ ตระกูลซูเป็นตระกูลใหญ่การค้ามากมาย ควรที่จะเอาเงินซื้อชีวิตเหล่านี้ออกมาได้”
นางสัมผัสได้ถึงวัตถุประสงค์ของฮ่องเต้แล้ว ดังนั้น จำเป็นต้องรีบอุดประตูหลังไว้
นางคิดว่า กษัตริย์ของประเทศจะต้องเข้าใจคำว่าไม่ฝืนบังคับคนในสถานการณ์ที่ลำบากสี่คำนี้
เห็นได้ชัด นางผิดไปแล้ว กษัตริย์ของประเทศเข้าใจ แต่กษัตริย์ของประเทศที่อับจนจนเสียสติไม่แยแสสิ่งเหล่านี้ ฮ่องเต้หมิงหยวนเห็นโดยนัยว่าไม่สำเร็จ จึงกล่าวตรงๆแล้ว “เงินนี้ ตระกูลซูทางนั้นออกห้าแสนตำลึง ที่เหลือแปดแสนตำลึง เป็นเสียนเฟยที่ควรจ่าย ที่นางทางนั้นมีเท่าไหร่ ก็ให้เท่านั้นก่อน ที่เหลือก็เป็นเศษเงินแล้ว เจ้ากับเจ้าห้าชำระส่วนที่เหลือให้นางเถอะ ถือว่าเป็นการช่วยสนับสนุนจิตใจที่มีความกตัญญูของเจ้าห้าและเจ้า”
หยวนชิงหลิงได้ยินคำนี้ เบิกตาโพลงกล่าวเสียงสั่น “เสด็จพ่อ ไม่รู้ว่าเศษเงินเหล่านี้ คือมากเท่าไหร่เพคะ?”
“ข้าคาดว่า ที่เสียนเฟยทางนี้เงินหยิบเงินออกมาได้เกือบหมื่นตำลึง” ขณะที่ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดจา หลบเลี่ยงสายตาเล็กน้อยแล้ว แม้ว่าเป็นการปล้นหยวนชิงหลิงอย่างชัดเจน แต่ว่า ทำอย่างผ่าเผยเช่นนี้ก็ไม่ดีนี่
หยวนชิงหลิงมีความคิดชนิดหนึ่งรู้สึกอยากจะเป็นลมไปเดี๋ยวนี้ ก็รู้ว่ากินข้าวกับเสด็จพ่อไม่ได้ อาหารมื้อนี้ชั่งแพงนัก
“ทำไม? ความกตัญญูของเจ้าห้า เทียบไม่ได้กับเศษเงินเล็กน้อยนั่น?” ฮ่องเต้หมิงหยวนขมวดคิ้ว “ดูท่าทางที่ตระหนี่ขี้เหนียวของเจ้า เงินเล็กน้อยแค่นี้ทำร้ายอะไรเจ้าไม่ได้ อีกทั้งยังสามารถช่วยสนับสนุนความกตัญญูของเจ้าห้าอีก พระชายารัชทายาท บุญคุณการให้กำเนิดนะ ไตร่ตรองดู”
หยวนชิงหลิงเบิกตาโต เรื่องที่ทำให้ขุ่นเคืองไม่มีเพียงเรื่องเดียว นางตระหนี่ขี้เหนียว? คนที่แม้แต่พระราชทานรางวัลก็ยังต้องเขียนหลักฐานการยืมก็พูดคำนี้ได้อย่างไม่กระดากใจหรือ? นับว่านางได้รู้จักแล้วว่าอะไรที่เรียกว่าเมื่อคนอับจนจนเสียสติ ก็ไม่มีเหตุผลใดในโลกทัดทานได้
หยวนชิงหลิงโต้แย้งอย่างดื้อรั้น กล่าวเบาๆ “แต่ว่า เงินด้านในเหล่านั้นของหม่อมฉัน ส่วนใหญ่เป็นเงินที่ไท่ซ่างหวงประทานเป็นเงินทุนให้เมื่อลูกๆโตขึ้น ไม่ได้รับความยินยอมจากพวกเขา หม่อมฉันโยกย้ายถ่ายเทมาใช้ได้ยากเพคะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนโบกมือ กล่าวอย่างมีพลังมหาศาล “เจ้าวางใจ เข้าเข้าใจกระจ่างแล้ว ไท่ซ่างหวงประทานให้เด็กๆคือหมาป่าหิมะสามตัว ทองคำเหล่านั้นล้วนให้เจ้า เจ้าวางใจที่จะให้ได้ มีเรื่องอะไร ข้ารับผิดชอบให้เจ้าอย่างสุดความสามารถ”
หยวนชิงหลิงได้ยินคำนี้ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ ความหมายคือนางทั้งต้องควักเงินและซาบซึ้งในบุญคุณของเขาอีกหรอ?
หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างแผ่วเบา “เสด็จพ่อ เจ้าห้ารู้เรื่องนี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนถอนหายใจแล้วกล่าว “รู้เป็นธรรมดา แต่ เขาบอกว่าไม่สามารถกลับไปบอกให้เจ้าหยิบเงินได้ เขาไปคิดหาวิธียืมเองแล้ว นั่นคือเสด็จแม่ของเขา เขาไม่ช่วยได้หรือ? เด็กคนนี้ก็คือแข็งทื่อไปหน่อย แต่ความกตัญญูกลับกตัญญูเป็นอย่างมาก ข้าคิดว่า เป็นถึงรัชทายาทที่สูงส่งยืมเงินไปทั่วก็ไม่เหมาะสมตามแบบแผน คิดว่าเจ้าก็เป็นผู้ที่คิดอ่านมีเหตุผล จึงเรียกเจ้าเข้าวัง ถามความเห็นของเจ้าน่ะสิ”
“เข้าไปยืมเงินแล้ว?” หยวนชิงหลิงตะลึง เขาต้องการออกไปยืมแปดแสนตำลึง? ทำไมไม่กลับไปหารือกับนางล่ะ? เพียงแค่เขาพูด แม้ว่าจะนางจะปวดใจเพียงใดก็จะหยิบออกมาให้เขา
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่พูดจา มองดูนาง ราวกับมีความหมายว่าเจ้าพิจารณาเอาเองเช่นนั้น
รุ่นของฮ่องเต้เจ้าเล่ห์ รู้ลึกๆว่าพูดจาถึงระดับหนึ่งแล้วก็ต้องให้คนช่องว่างคนอื่นเขาพิจารณา ทำให้คนอื่นเขายินยอมพร้อมใจจะอุทิศให้
หยวนชิงหลิงไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ แม้จะมองออกว่านางกัดฟันแน่นเลือดหยดอยู่ในใจ แต่นางยังก็ยังพูดประโยคนั้นที่ทำให้คนตื่นเต้นเร้าใจได้ออกมา “หม่อมฉัน…….ยินยอมชำระค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือ แต่ขอให้เสด็จพ่อไปถามเสด็จแม่ว่าสามารถเอาออกมาได้เท่าไหร่กันแน่ อย่าให้หม่อมฉันจ่ายทั้งหมดแปดแสนตำลึงเลยเพคะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนกล่าวเสียงดัง “ขอให้เจ้าวางใจได้ ข้าจะให้นางนำเครื่องประดับเงินเครื่องประดับทองของเก่าออกมาขาย และจะต้องให้นางออกเงินมากหน่อย ไม่ทำให้เจ้าเสียเปรียบมากนัก ข้าจะไม่ให้นางทำให้เจ้าน้อยใจมากนัก ทำเจ้าลำบากใจ วางใจเถอะ!”
หยวนชิงหลิงเดินขาลากออกจากวัง ค้ำกำแพงวังค่อยเดินไปทางด้านนอก พยับเมฆมืดครึ้มกดดันอยู่ในใจ เดิมทีเงินก็ไม่พอแล้ว ตอนนี้ยังถูกหลอกอีกจำนวนมากมาก จะเต็มใจอย่างไรกัน? หากบอกว่าเสียนเฟยปฏิบัติดีต่อนาง เงินจำนวนนี้ให้ไปก็ยินยอมพร้อมใจ บังเอิญ คือแทบจะอยากทำให้นางตาย ตัวเองยังต้องเอาเงินจำนวนมากมายไปช่วยนางอีก
ไม่เต็มใจมากๆเลย!