บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 586 ไปหาสำนักเหลิ่งหลังแล้วจริงๆ
หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว พระชายารัชทายาทสามารถเปลี่ยนได้ เงื่อนไขข้อแรกคือเขาไม่ไม่ได้เป็นรัชทายาทแล้ว
ภรรยาของเขาหยู่เหวินเห้า ต้องเป็นเพียงหยวนชิงหลิงเท่านั้น
“หากว่าสำนักเหลิ่งหลังรับงานนี้แล้ว เจ้ามีวิธีรับรู้หรือสามารถหยุดยั้งได้หรือไม่?”
เสี้ยวหงเฉิงกล่าว “สามารถรู้ได้ เวลาที่พวกเขาส่งนักฆ่าออกมาก็รู้ได้แล้ว สำหรับการหยุดยั้ง……” นางถอนหายใจ หัวเราะเยาะ “ไม่สามารถหยุดยั้งได้ จนถึงตอนนี้สำนักเหลิ่งหลังก็ไม่มีภารกิจที่ทำไม่สำเร็จ เพียงแค่รับเงินแล้ว ก็คือจนสุดขอบหล้าฟ้าเขียวก็สามารถเอาหัวคนหิ้วกลับมาให้เจ้าได้”
หยู่เหวินเห้าสีหน้าเคร่งขรึม
เสี้ยวหงเฉิงมองดูเขา “แน่ใจจริงๆว่าเสด็จแม่ของท่านต้องการฆ่าพระชายารัชทายาทหรือ?”
หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ในวังวันนี้ข้าทะเลาะกับนางรอบหนึ่ง สุดท้ายนางกล่าวประโยคหนึ่ง บอกว่าข้าเปลี่ยนเป็นคนอกตัญญูเช่นนี้ล้วนเป็นเพราะยายหยวนทำร้าย นางบอกว่าตอนนั้นที่ยายหยวนให้กำเนิดลูก นางก็ควรคว้าโอกาสลงมือโดยไม่ลังเล ขณะที่นางกล่าวคำนี้ ในตาเต็มเปี่ยมด้วยความแค้นเคือง แววตาที่แสดงออกมานั่นทำให้ข้าหวาดกลัวเป็นที่สุด”
“นั่นนางก็ไม่ได้บอกว่าต้องการจะฆ่าพระชายารัชทายาทนี่ ท่านเป็นกังวลมากไปหรือไม่?” เสี้ยวหงเฉิงยังคงรู้สึกว่าเสียนเฟยไม่ได้ถึงขึ้นขาดสติขนาดนั้นหรอก? สังหารมารดาผู้ให้กำเนิดพระราชนัดดา ผลกระทบมากเพียงใดล่ะ!
หยู่เหวินเห้ามองดูนาง ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยจุดๆประกายดวงดาวของความโกรธแค้นและไม่ยอมให้สงสัย “หากว่าข้ากังวลมากไป จะมาหาเจ้าในคืนนี้หรือ? แม่ลูกจิตใจเชื่อมถึงกันนะ ในใจข้าคิดอะไร นางรู้ เหมือนกันในใจนางคิดอะไร ข้าก็รู้ ตอนนี้เสด็จพ่อและไท่ซ่างหวงล้วนพึ่งพาอาศัยและไว้วางใจยายหยวน ยายหยวนให้กำเนิดเด็กสามคนให้ราชวงศ์ ทำงานลำบากความดีความชอบยิ่งใหญ่ ในที่สว่างนางไม่สามารถทำร้ายยายหยวนได้แม้แต่ขนสักเส้นเดียว ดังนั้นนางทำได้เพียงลงมือในความมืด จ้างนักฆ่าเป็นสิ่งที่สะดวกที่สุด หงเฉิง เรื่องนี้เจ้าต้องเป็นธุระให้หน่อย ไม่สามารถชะล่าใจได้ จะมีความพลาดพลั้งเสียหายแม้สักครึ่งก็ไม่ได้ จากสองครั้งก่อน ตอนนี้ข้าก็คิดระแวงตื่นตระหนกเองไปเรื่อย หากว่าข้าเดาผิดแล้วก็ดีแน่นอน แต่หากว่าไม่ผิด พวกเราทำการป้องกันไว้ล่วงหน้าก็ดี”
เสี้ยวหงเฉิงเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ก็อดเศร้าแทนเขาไม่ได้ กล่าว “เรื่องของพระชายารัชทายาทข้าจะต้องเป็นธุระให้แน่นอน ท่านวางใจเถอะ อีกครู่พวกเขามาแล้ว ข้าจะแนะนำให้ท่าน พวกเขาล้วนเป็นหัวโจกขององค์กรนักฆ่า สนิทสนมกับข้าไม่น้อย หากว่าท่านถ่ายทอดลงไป พวกเขาจะต้องไม่รับงานนี้เป็นแน่ หากว่ามีคนมาหา พวกเขาจะบอกท่านทันที ตอนนี้ก็ดูสำนักเหลิ่งหลังทางนั้นแล้ว”
หยู่เหวินเห้าพยักหน้า มีความซาบซึ้ง “ขอบใจ!”
“ระหว่างท่านกับข้า พูดจาเกรงอกเกรงใจเหล่านี้ทำอะไร?” เสี้ยวหงเฉิงชำเลืองมองเขา ถอนหายใจเบาๆ “น้อยมากที่จะเคยเห็นท่านได้ใช้ชีวิตดีๆหน่อย ก่อนหน้านี้ขณะที่บุ่มบ่ามดื่มเหล้ากับหวางเจียง พวกเรายังพูดขึ้นมาว่าต่อจากนี้น่าจะราบรื่นขึ้นหน่อยแล้ว ไม่คิดว่ายังจะมีอุปสรรคมากมายเพียงนี้ ทำให้ท่านต้องลำบาก และก็ทำให้พระชายารัชทายาทลำบากแล้ว”
หยู่เหวินเห้ากำหมัด กล่าวอย่างเย็นชาและเคร่งขรึม “เรื่องใหญ่คับฟ้า หากว่าพุ่งมาทางข้า ข้าล้วนไม่กลัว แต่จะต้องพุ่งไปทางนางให้ได้ ราวกับว่านางอยู่ข้างกายกับข้าก็คือกำบังภัยพิบัติเพื่อข้า หงเฉิง เจ้าว่าถ้าหากนางมีใจที่คิดจะทำร้ายคนก็แล้วไป แต่จิตใจของนางอันที่จริงแล้วดีกว่าใครทุกคน นางเป็นคนที่ใจคอกว้างขวาง แม้ข้าก็ไม่ได้มีจิตใจเช่นนาง”
เสี้ยวหงเฉิงพยักหน้า มีความชื่นชมต่อหยวนชิงหลิงเพิ่มขึ้น “พระชายารัชทายาทเปลี่ยนไปอย่างมากกับในอดีตจริงๆ นางดีมาก คุ้มค่าที่ท่านจะปฏิบัติดีรักและทะนุถนอมนางดีๆ”
ทั้งสองคนพูดจา ถึงเวลาช่วงตีหนึ่งถึงตีสามโดยไม่รู้ตัวแล้ว ด้านนอกจึงมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
เสี้ยวหงเฉิงยืนขึ้นมา กล่าว “ท่านรออยู่ที่นี่ก่อน ข้าออกไปพูดคุยกับพวกเขา ค่อยให้พวกเขาเข้ามาเข้าพบท่าน”
“ดี!” หยู่เหวินเห้ากล่าว
เสี้ยวหงเฉิงจึงดึงประตูแล้วออกไป ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม ก็เห็นเสี้ยวหงเฉิงนำคนห้าคนเข้ามา หลังจากที่คนทั้งห้าเข้ามาแล้ว ก็ทำความเคารพหยู่เหวินเห้า เสี้ยวหงเฉิงแนะนำทีละคนๆ พวกเขาส่วนมากเป็นคนขององค์กรนักฆ่า ในนั้นมีคนหนึ่งเป็นเจ้าสำนักของสำนักป่ายซี่
สำนักป่ายซี่เชี่ยวชาญในการสืบข่าวคราว สายสืบของพวกเขาแทรกซึมทุกๆระดับชั้น ต้องการตรวจสอบเรื่องราวง่ายดายเป็นอย่างมาก
ผู้นำขององค์กรนักฆ่าไม่กี่คนล้วนบอกว่าไม่เคยได้รับภารกิจต้องสังหารพระชายารัชทายาทมาก่อน แต่ว่า เจ้าสำนักของสำนักป่ายซี่กลับบอกว่ารู้มาว่าก่อนที่ซูต๋าเหอจะถูกเนรเทศเคยสืบข่าวของสำนักเหลิ่งหลังมาก่อน สำหรับได้ติดต่อกับสำนักเหลิ่งหลังทางนั้นแล้วหรือไม่ ก็ไม่ชัดเจน
ข่าวคราวนี้ ทำให้จิตใจของหยู่เหวินเห้าหนักหน่วงขึ้นมาทันที
ในความจริง เขาหวังมากเพียงใดว่าจะสามารถได้ยินจากปากพวกเขาว่าซูต๋าเหอไปหาพวกเขาให้ไปสังหารหยวนชิงหลิง องค์กรเหหล่านี้ล้วนสามารถควบคุมได้ ตั้งใจว่าเลวร้ายที่สุดก็คือเสียทรัพย์สินเพื่อป้องกันภัยเท่านั้น
แต่สำนักเหลิ่งหลังไม่เหมือนกัน เป็นคนโหดเหี้ยมเลือดเย็น เหี้ยมอำมหิต ถือทิฐิ โหดเหี้ยมทารุณ ไม่บรรลุความสำเร็จไม่เลิกละ นี่คือความคิดเห็นของคนบนโลกที่มีต่อพวกเขา
ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูง เพียงแค่ได้ยินว่าสำนักเหลิ่งหลังก็อดไม่ได้ที่จะต้องสั่นเทา
เขากล่าวต่อเสี้ยวหงเฉิง “หงเฉิง ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร เจ้าช่วยข้าติดต่อกับคนของสำนักเหลิ่งหลัง หรือช่วยข้ายืนยันว่าสำนักเหลิ่งหลังได้มีการรับงานนี้แล้วหรือไม่ด้วย?”
เจ้าสำนักสำนักป่ายซี่กล่าว “องค์ชาย ต้องการรู้ว่าสำนักเหลิ่งหลังได้รับหรือไม่ได้รับ ไม่ยาก แต่ว่า ถ้าหากรับแล้ว ต้องการให้พวกเขาละทิ้งภารกิจนี้ กลับจัดการยากเป็นที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
เขาทำมือเคารพ “รบกวนเจ้าสำนักช่วยข้าสืบข่าวที่แน่นอนก่อน”
“องค์ชายวางใจพ่ะย่ะค่ะ ภายในสองวัน จะต้องมีข่าวคราว ก่อนที่สำนักเหลิ่งหลังจะรับภารกิจ ล้วนจะสืบก่อนจากนั้นก็ตรวจสอบ หลังจากแน่ใจว่าสามารถรับได้จะปฏิบัติการภายในสิบวัน”
สิบวัน!
ก้นบึ้งในจิตใจของหยู่เหวินเห้าแอบร้อนรน เวลาเร่งด่วนมากแล้ว
ใกล้ฟ้าสาง หยู่เหวินเห้าเพิ่งจะกลับถึงจวน
หยวนชิงหลิงหลับลึกมาก เขานั่งอยู่ข้างเตียง จ้องมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างสงบของนาง จิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่าย ยิ่งเป็นเวลานี้ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์
หยวนชิงหลิงรับรู้ได้ว่าข้างกายมีคน ลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ เห็นเขานั่งไม่ถอดเสื้อผ้ามองดูนางอยู่ข้างเตียง มีกลิ่นคาวเลือดลอยมาจางๆ นางทั้งคนก็มีสติแล้ว
“อย่าลุกขึ้นมา นอนต่อ” หยู่เหวินเห้าโน้มตัวไปหอมแก้มของนางเล็กน้อย กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน
หยวนชิงหลิงดึงมือไว้ค่อยๆขึ้นมานั่ง กล่าวถามด้วยเสียงแหบพร่าที่มีโดยเฉพาะหลังจากที่หลับสนิทมาแล้ว “แผลเป็นอย่างไรแล้ว?”
เขากอดนางไว้ “ไม่เป็นไร แผลเล็กๆนิดหน่อย”
“ข้าดูหน่อย!” หยวนชิงหลิงไม่วางใจ
“ไม่ต้อง ไม่เป็นไร เจ้านอนต่อ” หยู่เหวินเห้าจับมือนางไว้ นางร้องด้วยความเจ็บปวดเบาๆทีหนึ่ง ขมวดคิ้วขึ้นมา
“ทำไมหรือ?” หยู่เหวินเห้าจับข้อมือของนาง ยืดอุ้งมือของนางให้ตรงเบาๆ เห็นรอยแดงก่ำใหญ่ๆในอุ้งมือ มีจุดหนึ่งที่ยังพองเป็นน้ำขึ้นมา เขาขมวดคิ้วอย่างเคร่งขรึม “ทำยังไงกัน?”
หยวนชิงหลิงไม่ได้ปิดบังแทนเสียนเฟย “ขณะที่ปรนนิบัติเสด็จแม่ของท่านกินยา นางตียาคว่ำโดนลวกแล้ว”
“ตั้งใจหรือ?” ในตาของหยู่เหวินเห้ามีแววความเย็นยะเยือก
“ตั้งใจ” หยวนชิงหลิงหดมือกลับไป มองดูเขาแล้วกล่าว “นางให้ข้าออกห้าแสนตำลึง ข้าไม่ยอม นางก็โกรธแล้วพูดคำที่ไม่น่าฟัง ข้าโต้กลับไปแล้ว ท่านจะโกรธไหม?”
“เจ้าไม่โต้ถึงจะโกรธ” หยู่เหวินเห้ายื่นมือไปกอดนางเข้าในอ้อมอก ความกลัดกลุ้มอัดแน่นเต็มเปี่ยมในอก อีกทั้งสงสารนาง
หยวนชิงหลิงมุ่งมั่นต้องการดูบาดแผลของเขา พันแผลได้ดีมาก ใส่ยาจินชวงแล้ว บาดแผลมีความยาวขนาดหนึ่งนิ้วมือ และค่อนข้างลึก เพราะเขาเตะไปบนล้อรถ ล้อรถแตกหักเฉียดขาของเขาทำให้เกิดขึ้น
หยวนชิงหลิงตรวจบาดแผลแล้วเสี้ยนไม้ล้วนคัดออกไปสะอาดแล้ว กล่าวถาม “เป็นเจ้าสำนักเสี้ยวช่วยจัดการบาดแผลให้ท่านหรือ?”
“ใช่ นางจัดการเสร็จแล้ว ละเอียดมาก เจ้าวางใจได้” หยู่เหวินเห้าพูดพลางก็นึกถึงความระมัดระวังของนางที่มีต่อผู้หญิงจึงกล่าว “เจ้าวางใจได้ เสี้ยวหงเฉิงไม่ได้มีความคิดเลยเถิดต่อข้าเด็ดขาด”
หยวนชิงหลิงพันแผลกลับให้เขา “ข้าก็ไม่ได้หึงหวงกับผู้หญิงทุกคน ข้ามองออกระหว่างเสี้ยวหงเฉิงกับท่านเป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่บริสุทธิ์มาก อีกทั้ง ท่านไม่ใช่เคยบอกว่า นางมีคนที่ชอบอยู่หรือ?”
หยู่เหวินเห้ายิ้มแล้วกล่าว “ไม่ผิด เจ้าไม่เข้าใจผิดก็พอแล้ว”