บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 593 กระบี่ชิงหมัง
ก่อนที่จะมา ก็ได้วางแผนมาการมาแล้ว สิ่งที่ผู้หญิงชอบก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก ให้ของขวัญ พูดจาไพเราะ ส่งสายตา เรื่องเหล่านี้ท่านชายสี่เหลิ่งถนัดอยู่แล้ว อย่างไรเสียเขานั้นเป็นถึงเถ้าแก่ในซาวโถ๋จุ้ย
ช่วงนี้ที่เขาพักฟื้น ยังได้คอยสอดส่องสถานการณ์ภายในจวน ดังนั้นจึงไม่ได้ลงมือเสียที บัดนี้แม้อาการบาดเจ็บจะยังไม่หายดี แต่ก็ไม่เป็นปัญหาต่อแผนการของเขา สามารถดำเนินการได้เลย
เช้าวันรุ่งขึ้น ก็ได้ให้หรงเยว่ไปเอาของขวัญที่ซาวโถ๋จุ้ยในเมืองหลวง ระบุให้เอาของที่มีราคาหน่อย
หรงเยว่กลับมาพร้อมกับกล่องผ้าไหมยาวกล่องหนึ่ง วางลงบนโต๊ะ ยิ้มแล้วพูด “กระบี่ชิงหมังเล่มนี้ ท่านทิ้งไว้ในห้องเก็บของโดยไม่เคยจับมันเลย ก็เลยเอามาเป็นของขวัญน่ะ”
“กระบี่เล่มนี้……….” คุณชายสี่เหลิ่งหยิบมันขึ้นมา ดึงกระบี่ออกมา ก็เห็นสายตาที่เศร้า เหมือนจะเสียดาย “มันเหมือนกระบี่หลิวเยว่ที่ท่านอาเคยมอบให้ข้า มันมีค่ามาก มอบให้หยวนชิงหลิงดูเหมือนจะเสียดายอยู่บ้าง”
หรงเยว่กล่าว “งั้นก็เปลี่ยนอีกเล่ม”
“มีของอย่างอื่นมั้ย?” ท่านชายสี่เหลิ่งถาม
หรงเยว่ส่ายหัว “ตรงนี้ของน้อย นอกจากกล่องทองคำพวกนั้นแล้ว ก็มีอาวุธไม่กี่เล่ม แต่ถ้าจะให้คนอื่นรู้สึกดี คงจะให้ทองคำไม่ได้หรอก มันดูต่ำและเฉย อีกอย่างพระชายารัชทายาทก็ไม่ได้ขาดแคลนสิ่งเหล่านี้”
ท่านชายสี่เหลิ่งก็รู้สึกไม่เหมาะ สมัยนี้แล้ว คนไม่ค่อยจะขาดแคลนเงินทอง อาวุธถึงจะเป็นของหายาก ช่างเถอะ ในเมื่อต้องการให้นางทิ้งลูกทิ้งสามี หากไม่ยอมลงทุนหรือจะได้สิ่งที่ต้องการ ก็มอบกระบี่ชิงหมิงเถอะ
“งั้นก็มอบกระบี่เล่มนี้เถอะ”
หรงเยว่กล่าว “ใช่แล้ว ตอนที่ข้าน้อยออกไป ได้ยินคนในจวนพูดว่าคืนนี้จะจัดงานเลี้ยงรับรองพวกเรา ตอนนี้ข้างนอกครึกครื้นอย่างมาก”
ท่านชายสี่เหลิ่งมีอารมณ์แล้ว “จริงรึ? งั้นก็ดีมากเลย พักอยู่ที่นี่หลายวัน ไม่มีสุราชั้นดีเลย ปากแห้งจะตายอยู่แล้ว เห็นสุราชั้นดีแล้วหรือไม่?”
หรงเยว่ขมวดคิ้ว “ก็เห็นพวกบ่าวขนสุราออกมาอยู่ แต่ว่ากลิ่นสุราที่ได้นั้นเหมือนจะไม่เท่าไหร่ พูดแล้ว ห้องใต้ดินในซาวโถ๋จุ้ยยังซ่อนสุราชั้นดีไว้หลายไห ไม่สู้ให้ข้าน้อยไปเอามันมา?”
ท่านชายสี่เหลิ่งก็เลยให้นางไป อารมณ์ถือว่าดี ชีวิตนี้สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือขาดแคลนรสชาติของชีวิต ทำการค้ามาหลายปี ล้วนได้แต่กำไร ช่างน่าเบื่อนัก เป็นคนยังมีความหมายอะไรอีก?
โชคดีที่มีสำนักเหลิ่งหลัง ดังนั้นเขาจึงตั้งกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมากสำหรับสำนักเหลิ่งหลัง ใครก็ไม่ห้ามละเมิด
ตอนที่ตั้งกฎขึ้นมานั้น เขาก็ได้ประกาศ หากกฎถูกทำลาย สำนักเหลิ่งหลังก็ต้องยุบตัวลง
นี่ก็คือสาเหตุที่ว่าทำไมเขาต้องออกโรงเอง
เขาใช้มือข้างหนึ่งหนีบกล่องที่ทำมาจากผ้าไหมเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งถือไม้เท้า เดินกะเผลกออกมา
ข้างนอกครึกครื้นจริงๆ แต่เช้าก็เห็นคนกำลังยุ่งกับการทำงาน ในลานสวนลมแรง พัดเต็มไปด้วยใบไม้สีทอง งดงามอย่างมาก
มาถึงตำหนักเซี่ยวเยว่ สวีอีก็ได้เดินมาจากอีกทาง เมื่อเห็นท่านชายสี่เหลิ่ง จึงถามราวกับเป็นศัตรู “ท่านมาทำไม?”
ท่านชายสี่เหลิ่งมองสวีอี ไอ้หนุ่มหยาบคายคนนี้หากอยู่ในสำนักเหลิ่งหลัง ต้องไม่มีข้าวกินแน่ ฝึกวรยุทธ์ก็ไม่เอาไหนยังโอหังอีก
“ข้างในกล่องคืออะไร?” สวีอีเห็นเขาไม่ตอบ ก็เลยถาม
“ของขวัญ” ท่านชายสี่เหลิ่งตอบอย่างเรียบเฉย แล้วมองไปด้านใน
รัชทายาทคนนี้ขยันหมั่นเพียรรักประชาชน หลังจากที่พักอยู่ที่นี่สองสามวันแล้ว ส่วนใหญ่เขาจะออกไปแต่เช้าและกลับมาตอนค่ำ ยามนี้รัชทายาทน่าจะออกไปแล้ว
สวีอีเห็นว่ามามอบของขวัญ ก็เลยลดการป้องกัน แล้วกล่าว “เชิญเข้ามา”
พูดจบ เขาก็ตะโกน “องค์รัชทายาท ท่านชายสี่เหลิ่งมามอบของขวัญให้พระองค์”
ท่านชายสี่เหลิ่งขมวดคิ้ว คนยังอยู่ด้านใน? นี่มันกี่ยามแล้ว? หากเขาอยู่ นี่ไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดในการมาจีบภรรยาของคนอื่นเลย
หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงเดินออกมาพร้อมกัน ทั้งสองคนแต่งกายได้อย่างประณีตมาก วันนี้หยู่เหวินเห้า สวมชุดสีขาวปักลายนกอินทรี พร้อมเข็มขัดหยกเลี่ยมทอง กล้าวผมด้วยวงแหวนทองคำ ดวงตาคมดั่งเสือ ดูแล้วช่างสง่างามยิ่งนัก
สำหรับวันนี้หยวนชิงหลิงก็ได้แต่งกายอย่างพิถีพิถัน ชุดผ้าไหมสีพื้นปักลายดอกโบตั๋นดอกใหญ่ และเสื้อตัวนอกเป็นสีแดงทับทิม เสื้อตัวในเป็นสีขาวเมื่อยืนอยู่กับหยู่เหวินเห้าดูเหมาะสมกันมาก และเสื้อตัวนอกที่เป็นสีแดงทับทิมยิ่งขับผิวให้ดูขาวราวกับหิมะ และสิวบนใบหน้าก็หายไปแล้ว แต่งหน้าอ่อนๆ การแต่งกายเช่นนี้ เป็นเหมือนกับเป็นคนละคนเลย
ตอนที่ทั้งสองคนมองท่านชายสี่เหลิ่งนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ราวกับมองไข่ทองคำที่ตกลงไปในชุมชนคนยากจน รอยยิ้มนั้นแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
และท่านชายสี่เหลิ่งมองหยู่เหวินเห้าไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันมามองหยวนชิงหลิง เห็นการแต่งกายที่ประณีตของนางในวันนี้ มีสง่าราศีอย่างที่หรงเยว่พูดเล็กน้อย เมื่อมองลำคอที่ขาวระหงของนาง เหมือนจะอ่อนมาก ใช้มือข้างเดียวในการหักคอ น่าจะไม่เปลืองแรงมากนัก
ใบหน้าของเขาก็ยิ้มเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังมองหนูที่ตกเข้าไปในรังแมว เป็นรอยยิ้มที่มีความแอบแฝง
สวีอีพูดขัดขึ้นมา “นี่มันคือของขวัญอะไร?”
ท่านชายสี่เหลิ่งกำลังคิดวิธีจะเอาชีวิตของหยวนชิงหลิง ได้ส่งกล่องของขวัญออกไปโดยไม่รู้ตัว สวีอีรับมาแล้วเปิดออก ตาก็ลุกวาวทันที “โอ้โอ้โอ้สวรรค์ กระบี่เล่มนี้ถูกฝังด้วยมรกต นี่มันคือกระบี่อะไร”
“กระบี่ชิงหมัง!” ท่านชายสี่เหลิ่งมองสวีอีอย่างเรียบเฉย ตกอกตกใจอะไรกัน แค่มองก็รู้ว่าไม่เคยเห็นของดี เสียงดัง คนแบบนี้น่าจะตัดลิ้นของมันทิ้ง
“กระบี่ชิงหมัง!” สวีอีอุทาน “โอ้สวรรค์ กระบี่เล่มนี้ก็คือกระบี่ชิงหมังที่เล่าขานกันรึ? ข้าเคยได้ยิน ได้ยินว่ากระบี่เล่มนี้ตัดเหล็กง่ายเหมือนตัดดินเหนียว สุดยอดจริงๆ”
ทังหยางก้าวเดินมาข้างหน้า แย่งกระบี่ไป กล่าวอย่างไม่พอใจ “นี่มันเป็นของขวัญที่ท่านชายสี่เหลิ่งมอบให้กับองค์รัชทายาท เจ้าดูอะไร? ต่อหน้าแขก ยังรู้จักมีมารยาทมั้ย?”
พูดจบ ก็ได้เอากระบี่ชิงหมังยื่นให้กับหยู่เหวินเห้า
ท่านชายสี่เหลิ่งตกใจไปครู่หนึ่ง “ช้าก่อน…….”
กระบี่เล่มนี้จะมอบให้กับหยวนชิงหลิงนะ
หยู่เหวินเห้าที่ยื่นมือออกไปรับกระบี่ ได้ยินคำว่าช้าก่อน มือที่ยืนออกไปกลางอากาศ ก็อึดอัดเล็กน้อย
ทังหยางกับสวีอีก็มองท่านชายสี่เหลิ่ง
ทันใดนั้นท่านชายสี่เหลิ่งก็รู้สึกลำบากใจ บรรยากาศก็หยุดอยู่ตรงนี้ หากพูดว่าไม่ใช่มอบให้กับองค์รัชทายาท มันก็คงอึดอัดน่าดู
เขารับกระบี่มา กล่าวอย่างเป็นทางการ “ในเมื่อเป็นของขวัญที่กระหม่อมจะมอบให้กับองค์รัชทายาท ก็ต้องให้กระหม่อมเป็นคนถวายให้กับองค์รัชทายาทด้วยตัวเองถูกจะถูก เขาใช้สองมือยกกระบี่ถวาย ยื่นไปตรงหน้าของหยู่เหวินเห้า แล้วกล่าว หวังว่าพระองค์จะไม่รังเกียจ กระหม่อมเข้ามาในเมืองหลวงกะทันหัน ไม่ได้นำของมีค่าอะไรมา ซาวโถ๋จุ้ยในเมืองหลวงนอกจากหีบทองคำสองสามหีบแล้วก็มีของมีค่าเพียงไม่กี่อย่าง คงไม่ดีหากจะเอาทองคำมามอบให้กับพระองค์ ก็เลยให้หรงเยว่เลือกกระบี่ชิงหมังเล่มนี้มามอบให้พระองค์ เพื่อเป็นการขอบคุณที่ดูแลข้าในหลายวันมานี้
หยวนชิงหลิงได้ยินคำว่าหีบทองคำสองสามหีบ ดวงตาก็เบิกกว้างทันที จากนั้นก็คิดอย่างเสียดาย ทำไมไม่ให้ทองคำล่ะ?
หยู่เหวินเห้านั้นมีความสุขมาก ยื่นสองมือไปรับกระบี่ชิงหมัง ชื่นชมไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ดึงกระบี่ออกมาจากในฝัก เห็นความคมและไอเย็น ก็กล่าวอย่างชื่นชม “เป็นกระบี่ที่ดีเล่มหนึ่ง ท่านชายสี่เหลิ่ง ได้ยินมาว่าท่านสันทัดในการดีดพิณ ไม่สู้ ท่านมาดีดสักหนึ่งบทเพลง แล้วข้ามารำกระบี่สักหนึ่งชุด?”
ท่านชายสี่เหลิ่งที่ชื่นชมหยู่เหวินเห้ามาโดยตลอด ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็สนใจเหมือนกัน “ดี!”
ทังหยางก็รีบสั่งคนให้ไปเอากู่เจิน มาวางในทิศทางของที่ใกล้ราวในลานสวน แล้วก็จุดธูปหอม กล่าวกับท่านชายสี่เหลิ่ง “เชิญนั่ง!”
ท่านชายสี่เหลิ่งยกชายผ้าขึ้นแล้วนั่งลง มือที่เรียวยาวก็กวาดไปยังสายพิณ เริ่มบรรเลงทำนองเพลง
พิณดี เขาพยักหน้าอย่างพอใจ