บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 613 ถามอ๋องหวย
เนิ่นนาน หยู่เหวินเห้าค่อยถามคำถามที่เขาต้องการถามว่า “ไม่รู้ว่าสำนักเหลิ่งหลังเคยได้รับงานให้สั่งฆ่าพระชายารัชทายาทหรือเปล่า?”
ท่านชายสี่พูดขึ้นว่า “สำนักเหลิ่งหลังไม่ฆ่าผู้หญิงที่ไม่มีฝีมือการต่อสู้”
หยู่เหวินเห้ามองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ดังนั้น ท่านชายสี่ไม่ได้มาฆ่าเจ้าหยวนจริงๆใช่ไหม?”
ท่านชายสี่ กั้นประโยคนั้นที่ร้องอยู่ในใจว่า ไม่ผิด ข้ามาเพื่อจะฆ่าหยวนชิงหลิง เขาเปลี่ยนสีหน้า อมยิ้มอย่างไร้พิษภัย พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมองค์ชายรัชทายาทถึงคิดเช่นนี้?”
หยู่เหวินเห้าค่อยโล่งอก พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ก็ดี พูดตามความจริง ช่วงนี้ข้าคอยระวังคนของสำนักเหลิ่งหลัง ตอนนี้ท่านชายสี่พูดกับข้าด้วยตนเองว่าไม่ใช่ งั้นข้าก็วางใจแล้ว งั้นที่ท่านชายสี่เข้ามาในเมืองหลวง ก็เป็นอย่างที่หรงเยว่พูดว่า มาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีกับข้า?”
เป็นคำถามที่ยากอีกแล้ว ท่านชายสี่ทำได้เพียงพยักหัวอย่างเงียบๆ
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างไม่ยอมเสียโอกาสว่า “งั้นก็ดีมากเลย ที่จริงข้ามีเรื่องมากมายที่อยากจะคุยกับท่านชายสี่ วันหลังเราค่อยมานั่งคุยกันดีๆ ทางราชสำนักสนใจอยากที่จะทำความร่วมมือกับท่านชายสี่ ส่งเสริมพัฒนาเป่ยถังเราให้เจริญรุ่งเรือง คิดว่าท่านชายสี่ก็มีความสนใจ ใช่ไหม?”
“…….” เป็นคำถามที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย ดูเหมือนเป็นการปรึกษา แต่ความจริงคือเผด็จการ
ท่านชายสี่เงยหน้าขึ้นมองดูดวงตาที่เร้าร้อนของหยู่เหวินเห้า ผู้ชายที่คิดถึงแต่ประเทศชาติคนนี้ ที่จริงก็ดูมีเสน่ห์ ในใจลึกๆของท่านชายสี่ถอนหายใจเบาๆ ลูกศิษย์ของเขาได้แต่งงานมีสามีที่ดีคนหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “วันหนึ่งค่อยมาคุยเรื่องนี้กันดีๆ”
“ได้ ได้ วันหลังค่อยคุย” คราวนี้หยู่เหวินเห้าดีใจอย่างมากจริงๆ
สุดท้ายหยู่เหวินเห้าเอามือไขว้หลัง ร้องฮัมเพลงกลับมายังตำหนักเซี่ยวเยว่ เข้าประตูไปแล้วก็ลืมตัว ยื่นมือเชยคางหยวนชิงหลิงขึ้นมา เผยรอยยิ้มอย่างลึกลับของชายชาวตะวันตก พร้อมพูดขึ้นว่า “หยวน ข้ากลับมาแล้ว”
หยวนชิงหลิงวางหนังสือลง เงยหน้ามองดูท่าทีสบายอกสบายใจของเขา ก็พูดขึ้นอย่างหงุดหงิดว่า “เจ้าดีใจอะไรหรือ?”
หยู่เหวินเห้าโอบกอดนางไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านชายสี่รับปากจะทำความร่วมมือกับเราแล้ว”
“จริงหรือ?” หยวนชิงหลิงก็ดีใจ แต่แล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่าท่านชายสี่มีความรู้สึกแบบนั้นต่อเขา จึงเบิกตาโตพร้อมถามขึ้นว่า “เจ้าอย่าอาศัยประโยชน์จากความรู้สึกของคนอื่น ทำร้ายจิตใจของคนอื่น”
“ไม่ ชายชาตรีอกสามศอก ไขว่คว้ามาได้ ก็ต้องปล่อยวางได้ ท่านชายสี่เป็นคนตรงไปตรงมา เรื่องของประเทศชาติตั้งอยู่ตรงหน้า ไม่ยึดติดกับอารมณ์ส่วนตัว” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างแน่วแน่
หยวนชิงหลิงโกรธจนร้องไห้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ต้องวางตัวให้เหมาะสม”
หยู่เหวินเห้ากอดนางเอนพิงบนหมอนนุ่ม หลับตาพร้อมพูดขึ้นว่า “รู้แล้ว ข้านอนสักครึ่งชั่วโมง ยังต้องกลับไปที่ทำการปกครองอีก วันนี้เจ้าไม่ขึ้นเขาใช่ไหม?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “อืม สองสามวันนี้ไม่ต้องขึ้น ข้าจัดยากับไอโอดีนไว้แล้ว แบ่งคนกลุ่มละยี่สิบ แต่ละกลุ่มเลือกหัวหน้ากลุ่มขึ้นมาหนึ่งคน ให้หัวหน้ากลุ่มกำชับผู้ป่วยทานยา พ่นไอโอดีนบนบาดแผล และก็ได้ให้เงินในครัวไว้ ให้เขาซื้อเนื้อส่งขึ้นเขาไปเพื่อเสริมโภชนาการ”
หลายวันนี้ ผู้ป่วยที่อาการค่อนข้างหนัก นางล้วนจัดการรักษาไว้ก่อนแล้ว ผู้ป่วยอาการไม่หนักก็ได้ให้ยาไว้ พักสักหลายวันแล้วค่อยขึ้นไป
เมื่อมีเวลาพัก นางก็ควรช่วยหรงเยว่ถามแล้ว
ดังนั้น หลังจากหยู่เหวินเห้ากลับไปที่ทำการปกครอง นางก็พาอะซี่ไปยังจวนอ๋องหวย
นางจะไปถามอ๋องหวยก่อนว่าคิดยังไง แล้วค่อยเข้าวังไปถามเสด็จพ่อ
เมื่อมาถึงจวนอ๋องหวย คนใช้บอกว่าอ๋องหวยอ่านหนังสืออยู่ในลาน จึงพาทั้งสามคนไปหา
มองจากไกลๆก็เห็นชุดสีเขียวภายใต้ร่มต้นดอกไม้ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ดมได้กลิ่นหอมละมุน มีกระถางธูปทองแดงสามขาตั้งอยู่บนโต๊ะหิน ข้างโต๊ะหินมีเก้าอี้นั่งนอนเล่นขนาดใหญ่ อ๋องหวยเอนนอนอยู่ข้างใน มือถือตำรา อ่านอยู่อย่างตั้งใจ ใบหน้าหล่อเหลา แฝงไปด้วยความซีดเซียว ทำให้ผู้หญิงเห็นแล้วก็ทั้งชอบทั้งเอ็นดู
ได้ยินเสียงฝีเท้า อ๋องหวยเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นเป็นหยวนชิงหลิงก็รีบลุกขึ้นยืน ทำความเคารพพร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้ห้ามานี่เอง เสียมารยาทแล้ว”
หยวนชิงหลิงยิ้มมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “อ่านหนังสืออยู่หรือ?”
อ๋องหวยวางหนังสือลง พร้อมยิ้มพูดขึ้นว่า “อ่านผ่านไปวันๆ”
“อ่านหนังสืออะไรหรือ?” หยวนชิงหลิงกับอะซี่เดินขึ้นไปนั่งลงบนเก้าอี้ ด้านข้างโต๊ะหิน คนใช้มาจัดน้ำชามาให้
อ๋องหวยหัวเราะอย่างเอียงอาย พูดขึ้นอย่างเกรงใจว่า “ก็พวกบันทึกของนักท่องยุทธภพ ไม่ใช่ตำราปราชญ์ความรู้อะไร”
แววตาหยวนชิงหลิงกระพริบ พร้อมพูดขึ้นว่า “บันทึกของนักท่องยุทธภพ?”
อ๋องหวยก็นั่งลง นึกว่าหยวนชิงหลิงไม่เข้าใจ จึงพูดอธิบายขึ้นว่า “ก็คือบันทึกเรื่องราวของพวกนักรบฝีมือยอดเยี่ยม มีความน่าสนใจอย่างมาก”
“มีความน่าสนใจก็ดี” หยวนชิงหลิงมองดูเขา พร้อมพูดเข้าประเด็นว่า “เจ้าหก ปีนี้เจ้าก็อายุไม่น้อยแล้ว ก่อนหน้านี้ท่านแม่หลู่พูดว่าอยากเห็นเจ้าแต่งงานมีลูก แต่สุขภาพร่างกายไม่อำนวย ตอนนี้อาการป่วยของเจ้าไม่เป็นไรแล้ว จึงควรที่จะคิดถึงเรื่องมีครอบครัวได้แล้ว?”
ใบหน้าขาวซีดของอ๋องหวยแดงระเรื่อขึ้นมา แววตาหลบสายตาอย่างเอียงอาย เหมือนคำพูดนี้ไม่ควรที่จะเป็นหยวนชิงหลิงมาพูดกับเขา
“เรื่องนี้ไม่รีบ เสด็จพ่อจะเป็นคนจัดการเอง” เขาพูดขึ้นด้วยเสียงเบา เปลี่ยนท่านั่งอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ดูระมัดระวังตัวอย่างมาก
หยวนชิงหลิงมองดูผู้ชายที่เหมือนดั่งกระต่ายน้อยสีเทาคนนี้ หรงเยว่เผด็จการกล้าหาญขนาดนี้ หญิงแกร่งชายอ่อนแอ ทั้งสองคนเหมาะสมกันอย่างมาก อ๋องหวยควรมีผู้หญิงจัดจ้านอย่างหรงเยว่เช่นนี้คอยปกป้อง จวนอ๋องหวยก็ต้องการนายหญิงที่แกร่งคนหนึ่ง จะได้ไม่ถูกคนอื่นฉวยโอกาส
หยวนชิงหลิงจึงพูดขึ้นมาตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “ที่จริง ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อมาเป็นแม่สื่อ”
“อ๋า” อ๋องหวยอึ้งไปสักพัก ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองดูหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นแม่สื่อ? พี่สะใภ้ห้า ท่านหมายถึงสาวจวนไหนหรือ?”
“ไม่ใช่คุณหนูจวนตระกูลใหญ่ เป็นน้องสาวของพ่อค้าท่านชายสี่เหลิ่ง เจ้าเคยเห็นอยู่ ชื่อหรงเยว่ วันนั้นวันที่เจ้าไปที่จวนข้า คนที่ล้มหน้าประตู คนนั้นก็คือนาง” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
อ๋องหวยค่อยคิดขึ้นมาได้ ผู้หญิงที่ทุลักทุเลที่สุดคนนั้น
วันนั้นเห็นนางครั้งแรก ทุลักทุเลอย่างมากจริงๆ แต่ต่อมาหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาแล้ว กลับงดงามอย่างน่าทึ่ง ตลอดชีวิตนี้เขาเห็นผู้หญิงมาก็ไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยเห็นสวยขนาดนี้ เหมือนดั่งนางฟ้ามาจุติ
เขาหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้ห้า” น้องคงไม่อาจเอื้อมถึงนาง
หยวนชิงหลิงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่อาจเอื้อมถึง? ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนี้?”
น้ำเสียงของอ๋องหวยแฝงไปด้วยความขมขื่น พร้อมพูดขึ้นว่า “ดั่งไข่มุกที่สวยสดงดงามขนาดนี้ จะแต่งงานกับองค์ชายที่ดีแบบไหนไม่ได้? ทำไมจะต้องมาแต่งงานกับคนที่ป่วยอย่างข้า? ค่าด้อยความรู้ ไม่มีวิชาการต่อสู้ นอกจากสถานะที่เป็นราชวงศ์นี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรเลย เรื่องการแต่งงานไม่สามารถที่จะดูเพียงสถานะ ยังจำเจ้าเจ็ดกับฉู่หมิงชุ่ยได้ไหม? สุดท้าย ฉู่หมิงชุ่ยก็รังเกียจที่เจ้าเจ็ดไม่มีอนาคต จนกลายเป็นเรื่องโศกเศร้า น่าเสียดายยิ่งนัก”
“ทำไมเจ้าถึงได้ดูถูกตนเองขนาดนี้?” หยวนชิงหลิงคิดไม่ถึงว่าเขาจะดูถูกตนเอง จึงพูดขึ้นว่า “หรงเยว่กับฉู่หมิงชุ่ยไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน สิ่งที่ฉู่หมิงชุ่ยต้องการกับสิ่งที่หรงเยว่ต้องการ ไม่เหมือนกัน”
อ๋องหวยยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “ใครไม่อยากที่จะเห็นลูกสาวของตนเองมีสามีที่เป็นวีรบุรุษ? หากนางไม่ได้มีหน้าตางดงามเช่นนี้ก็ว่าไปอย่าง แต่นางมี นางสามารถเลือกคนที่ดีกว่าข้า แต่งงานกับข้า ข้ายังสงสารนางเลย ข้าไม่มีความสามารถ และก็รู้ตัวดีว่าไม่ควรที่จะเป็นตัวถ่วงของคนอื่นไปตลอดชีวิต”
หยวนชิงหลิงโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่ต้องพูดพวกนี้กับข้า ก็เพียงบอกข้าว่า หากให้เจ้าแต่งงานกับนาง เจ้ายินยอมหรือไม่?”
อ๋องหวยครุ่นคิด แต่ก็ยังคงส่ายหัว หัวเราะอย่างขมขื่นพร้อมพูดขึ้นว่า “ผู้หญิงเช่นนี้ผู้ชายในโลกคนไหนจะไม่อยากแต่งงานด้วย? แต่ปัญหาไม่ใช่ยินยอมหรือไม่ยินยอม แต่ไม่ควรที่จะเป็นตัวถ่วงคนอื่น พี่สะใภ้ห้าไม่ต้องพูดแล้ว เสด็จพ่อคงจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว”
หยวนชิงหลิงได้ฟังคำพูดเช่นนี้ ในใจก็รู้แล้ว จึงไม่พูดเรื่องนี้อีก หลังจากถามอาการสุขภาพร่างกายของเขาแล้ว ก็เอาวิตามินรวมไว้ให้กับเขาแล้วก็กลับไป