บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 628 พ่อของหรงเยว่มาล่มงาน
ที่จริงคนที่มีความคิดสุขที่สุด คือหลู่เฟย
คืนนี้ฮ่องเต้หมิงหยวนพาฮองเฮาฉู่กับหลู่เฟยออกมาจากวัง มาร่วมงานแต่งของอ๋องหวย
เมื่อเห็นคู่บ่าวสาวคุกเข่าไหว้ น้ำตาหลู่เฟยก็อดกลั้นไว้ไม่ไหวแล้ว ร่วงหล่นลงมาเหมือนลูกปัดหัก นางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาไปด้วย ยิ้มพร้อมพูดขึ้นไปด้วยว่า “ดี ดี รีบประคองขึ้นมา”
หากพูดว่าก่อนงานแต่งงาน นางยังค่อนข้างเสียใจกับชาติกำเนิดของหรงเยว่ แต่ตอนนี้ไม่มีเลยสักนิดแล้วจริงๆ
เหลือเพียงความดีใจ
ในขณะที่งานแต่งงานกำลังเข้าสู่ถึงขั้นสุดขีด ฮ่องเต้หมิงหยวนก็กำลังเตรียมที่จะกลับวังพร้อมกับหลู่เฟย กลับได้ยินคนด้านนอกประตูรายงานขึ้นว่าอ๋องชินสู้ของแคว้นต้าซิงมา
ในทั้งหมดเจ็ดแคว้น แคว้นต้าซิงกับแคว้นต้าเยว่รุ่งเรืองที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการทำนาหรือเศรษฐกิจ หรือกำลังทหาร ล้วนดีกว่าเป่ยถัง
แคว้นต้าซิงกับเป่ยถัง ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตขึ้นในช่วงแรก แต่เนื่องจากปัญหาพรมแดนบางอย่าง หลังจากที่ฮ่องเต้หมิงหยวนขึ้นครองบัลลังก์ ระหว่างทั้งสองประเทศมีการเสียดสีกันบ้างเล็กน้อย ไม่ทำร้ายถึงรากฐาน กลับก็เคยทะเลาะกันอย่างไม่เป็นที่พอใจ
หลายปีมานี้ แคว้นต้าซิงกับเป่ยถัง ไปมาหาสู่กันน้อยมาก แม้แต่ตอนที่แต่งตั้งองค์ชายรัชทายาท ทูตที่แคว้นต้าซิงส่งมา ก็เป็นเพียงขุนนางระดับสามคนเท่านั้น พอเป็นพิธีลวกๆ
แต่ตอนนี้ อ๋องชินสู้ของแคว้นต้าซิงมา และก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้รับหนังสือแจ้งจากแคว้นต้าซิง เป็นการพุ่งตรงมายังงานเลี้ยงแต่งงาน ทำให้ในใจฮ่องเต้หมิงหยวนตกตะลึง
วันนี้โสวฝู่มาในฐานะคนจับคู่ ก็ค่อนข้างเมานิดหน่อย ได้ยินว่าอ๋องชินสู้ของแคว้นต้าซิงมา ก็ตกตะลึงอย่างมาก
อ๋องชินสู้เป็นน้องชายแท้ๆของฮ่องเต้เหวินแคว้นต้าซิง ตอนนั้นฮ่องเต้จิ้นหลิงหยางหันหลุนของแคว้นต้าซิง เคยชื่นชมอ๋องชินสู้ที่อายุห้าขวบว่าเก่งและฉลาด มีความกล้าหาญ เกือบที่จะยกอ๋องชินสู้ผู้สืบทอดบัลลังก์
อ๋องชินสู้เป็นแม่ทัพเสือที่มีชื่อเสียงของแคว้นต้าซิง ความดีความชอบในการสู้รบล้นหลาม ตอนนี้ดำรงตำแหน่งเลขานุการกรมทหารของแคว้นต้าซิง
อ๋องชินสู้ที่มีตำแหน่งดูแลทหารมาในเวลานี้ เพื่อเรื่องอะไรกันแน่?
งานเลี้ยงที่คึกคักมีชีวิตชีวา หยุดลง ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นมามองดูอ๋องชินสู้ของแคว้นต้าซิง พาองครักษ์สองคนเดินเข้ามา
อายุของเขาน่าจะประมาณสี่สิบกว่า สวมชุดสีเขียวหลวมสบาย ดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ผมเผ้ายุ่งเหยิง แลดูเหนื่อยล้า แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารีบเดินทางมายังร้อนใจ
รูปร่างของเขาสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลา ในระหว่างที่เคลื่อนไหว เผยให้เห็นถึงความปราดเปรียวของแม่ทัพ เพียงชั่วครู่ ก็เข้ามาถึงภายในห้องโถง ยืนอยู่ตรงหน้าฮ่องเต้หมิงหยวน
เขายกมือประสานคำนับ พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จน้องถวายบังคมฮ่องเต้”
ได้ยินคำพูดนี้ ฮ่องเต้หมิงหยวนค่อยโล่งอก
เขาเรียกตัวเองว่าเสด็จน้อง แสดงว่าแคว้นต้าโจวกับแคว้นต้าซิง ยังคงมีความสัมพันธ์เป็นพี่น้องกัน เขาเป็นน้องชายฮ่องเต้เหวินแคว้นต้าซิง ตอนที่อยู่ต่อหน้าฮ่องเต้หมิงหยวน แทนตัวเองว่าเสด็จน้องถูกต้องแล้ว
ฮ่องเต้หมิงหยวนอมยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “จื่อซุ่นรีบเชิญนั่ง”
จื่อซุ่นเป็นชื่อของอ๋องชินสู้
หลังจากอ๋องชินสู้นั่งลง โสวฝู่ฉู่ก็ถามขึ้นว่า “ไม่รู้มาก่อนว่าอ๋องชินสู้จะเสด็จ เป่ยถังเสียมารยาทแล้ว ท่าอ๋องอย่าได้ถือสา”
อ๋องชินสู้ค่อยมองเห็นโสวฝู่ฉู่ ก็รีบลุกขึ้นมายกมือประสาน พร้อมพูดขึ้นว่า “สวัสดีโสวฝู่”
“ท่านอ๋องเกรงใจไปแล้ว รีบเชิญนั่ง” โสวฝู่ฉู่พูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม
หลังจากอ๋องชินสู้นั่งลงแล้ว ก็เห็นหยู่เหวินเห้ากับเจ้าบ่าวอ๋องหวยเดินเข้ามา ด้านหลังยังตามด้วยแขกมากมาย ส่วนใหญ่เป็นญาติในราชวงศ์กับเหล่าขุนนางในราชสำนัก
หลังจากเห็นทุกคนแล้ว อ๋องชินสู้มองดูอ๋องหวย อย่างพินิจพิจารณา ยังมีความรู้สึกหลายอย่างที่บอกไม่ถูก
หลู่เฟยเห็นแล้วในใจค่อนข้างไม่สบายใจ อ๋องชินสู้ของแคว้นต้าซิงนี้ ทำไมถึงไม่มีมารยาทขนาดนี้? มีคนอยู่ตั้งเยอะแยะขนาดนี้ กลับเจ้ามองเจ้าหกอย่างไม่ยอมละสายตา
เพราะนางเป็นนางในวังหลัง ไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้
อ๋องหวยถูกกมองอย่างค่อนข้างแปลกประหลาด จึงเดินหน้าไปยกมือประสาน พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องเดินทางมาไกล ดื่มเหล้ามงคลของข้าสักแก้วก่อนไหม?”
อ๋องชินสู้ละสายตา ถอนหายใจเบาๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “เหล้ามงคลไม่ดื่มแล้ว ข้าดื่มก็ไม่เหมาะสม เจ้ายกน้ำชาให้ข้าสักแก้วดีกว่า พร้อมเรียกข้าว่าพ่อตาก็พอแล้ว”
เมื่อพูดเช่นนี้ออกมา ทุกคนต่างตกตะลึง อ๋องหวยก็ตกใจจนอึ้ง มองดูอ๋องชินสู้ พร้อมคิดว่าหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
ยังดีที่หยู่เหวินเห้ามีไหวพริบ พูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ความหมายของท่านก็คือ หรงเยว่เป็นลูกสาวของท่าน?”
อ๋องชินสู้พยักหัวเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “อืม ใช่”
หลู่เฟยอดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว พรวดลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “หรงเยว่เป็นจวิ้นจู่ของแคว้นต้าซิงหรือ? ทำไมนางถึงไม่พูด?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนไอขึ้นว่าเบาๆหนึ่งที หลู่เฟยค่อยรู้ตัวว่าเสียมารยาท นั่งลงแต่ใบหน้ายังคงมองดูอ๋องชินสู้อย่างตกตะลึง
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นว่า “จื่อซุ่น นี่เป็นมาอย่างไรกันแน่?”
อ๋องชินสู้ขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ฮ่องเต้ ขอให้เสด็จน้องได้ทูลอธิบายในวันพรุ่งนี้ เสด็จน้องอยากไปเจอหรงเยว่ก่อน”
ฮ่องเต้หมิงหยวนพยักหัว แล้วก็มีคนมาเชิญอ๋องชินสู้
อ๋องชินสู้ ฃลุกขึ้นถวายบังคมทูลลา ร่างกายสูงใหญ่หายลับไปต่อหน้าผู้คนอย่างรวดเร็ว
บรรดาแขกต่างก็ตกตะลึงอย่างมาก ก่อนหน้านี้ผู้คนมากมายต่างก็เห็นว่า อ๋องหวยเคยป่วยเป็นวัณโรค จึงได้แต่งงานกับลูกสาวพ่อค้า ถึงแม้สถานะจะไม่คู่ควร แต่ก็เพราะร่ำรวยเงินทอง เพราะฉะนั้นคนที่มาร่วมงานแต่งงาน มากๆน้อยๆต่างกันค่อนข้างดูถูกเจ้าสาว
แต่คนอื่นกลับเป็นจวิ้นจู่ของแคว้นต้าซิง
มีสถานะ มีเงิน อ๋องหวยมีบุญจริงๆ
วันนี้หรงเยว่ดีใจอย่างมาก หลังจากส่งเข้าห้องหอแล้ว ก็นั่งรออยู่อย่างสงบ ด้วยนิสัยปกติของนาง จะต้องทนไม่ได้กับการรอคอยอย่างทรมานเช่นนี้ แต่ตอนนี้ยังไม่กล้าขยับ เพราะผู้ส่งเจ้าสาวพูดไว้ว่า การเคลื่อนไหวทุกอย่างในห้องหอล้วนมีกฎธรรมเนียม นางกลัวว่าตนเองจะทำลายธรรมเนียม ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาในอนาคต
และรอจนมีคนมารายงานว่า อ๋องชินสู้ของแคว้นต้าซิงมาหานาง
นางตกตะลึงจนดึงผ้าแดงคุมหัวหลุดออก กระโดดลุกขึ้นมา แล้วก็โกรธโมโหอย่างมาก ทั้งๆที่นางส่งจดหมายไปบอกเขาว่าจะแต่งงานในปีถัดไป ทำไมถึงรีบมาถึงก่อน?
ด้วยความเย่อหยิ่งของเขา จะต้องไม่ชอบอ๋องหวยแน่ จะต้องพูดว่าอ๋องหวยไม่ใช่นักรบ ฝีมือการต่อสู้ไม่เหมาะสม รูปร่างหน้าตาไม่เหมาะสม ยังเคยป่วย เขาคนนี้พูดจาไม่นึกถึงความรู้สึกของคนอื่น หากพูดเช่นนี้ต่อหน้าอ๋องหวย งั้นก็เท่ากับเป็นการทำลายงานแต่งงานของนางไปตลอดชีวิต
นางรีบเดินไปถึงตรงหน้าประตู ขวางอ๋องชินสู้ไว้ตรงหน้าประตู เงยตาโตขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นอย่างหวงแหนว่า “ท่านพ่อ ท่านมาได้อย่างไร?”
อ๋องชินสู้มองดูนางอยู่สักพัก แล้วก็ยื่นมือไปจับติ่งหูของนางลากเข้าไปข้างใน พร้อมพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก กล้าโกหกข้าว่าวันแต่งงานคือเดือนแรกของปีหน้า?”
“เจ้าปล่อยมือ ปล่อยมือ ดูไม่ดีต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ปล่อยมือ…..” หรงเยว่โกรธแทบตาย แต่ก็ไม่กล้าตอบโต้ พ่อเป็นเหมือนดั่งฟ้า ประโยคนี้คนเฒ่ามักพูดอยู่ตลอด
อ๋องชินสู้ผลักนางไปยังบนเก้าอี้ค่อยปล่อยมือ จ้องมองนางอย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “อธิบาย”
หรงเยว่นวดหูตัวเอง มุ่ยปากแดง พร้อมพูดขึ้นว่า “อธิบายอะไร? งานแต่งเลื่อนมาข้างเข้าเลื่อนออก ไม่ใช่ข้าเป็นคนตัดสินใจ เจ้าไปถามท่านชายสี่สิ”
“หนังหนามากแล้วใช่ไหม? ไม่ได้ตีเจ้ามาสามปีแล้วใช่ไหม?” อ๋องชินสู้ยกฝ่ามือขึ้น พร้อมมองดูนาง
อ๋องหวยวิ่งตามมาตลอด ฝีเท้าตามไม่ทันอ๋องชินสู้ เพิ่งมาถึงก็เห็นอ๋องชินสู้ยกมือขึ้นกำลังจะตบหรงเยว่ เขาวิ่งเข้าไปด้วยความตกใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ห้ามทำร้ายนาง”
แล้วก็ยกมือทั้งคู่ขวางอยู่ตรงหน้าหรงเยว่ ห้ามไม่ให้อ๋องชินสู้แตะต้องหรงเยว่