บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 631 เป็นน้องสาวคนหนึ่งของข้า
ทางด้านจวนเหลิ่ง ประมาณยามเซิน(น.15.00-17.00)ก็มีคนมารายงานว่าแขกคนสำคัญได้มาถึงแล้ว เชิญพระชายารัชทายาทไป
หยวนชิงหลิงอยู่ในจวนก็ไม่ได้นั่งรอเฉยๆ อาศัยแดดกำลังดี พาเด็กๆออกไปเดินเล่นข้างนอกรอบหนึ่ง ตรวจการบ้านของหกเก๋อเอ๋อกับหูหมิง สอนบทกลอนไปอีกหลายบท ดื่มชาอย่างมีความสุขกับชีวิตอย่างเต็มที่ครู่หนึ่ง
ความเหน็ดเหนื่อยจากการยุ่งทำงาน ด้วยความว่างของวันนี้ทำให้หายเหนื่อยไปครึ่งหนึ่ง บวกกับได้ดื่มชา รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้าสีเหลืองราวผลซิ่ง ยังรวบผมเกล้ามวยสูงอย่างพิถีพิถัน ปิ่นหยกไข่มุกปักลงไปบนศีรษะ ยิ่งทำให้ดูเหมือนเป็นคุณหญิงผู้สูงศักดิ์คนหนึ่ง
วันนี้อากาศค่อนข้างดีเป็นพิเศษ อะซี่กลับบ้านไปแล้ว ฉะนั้นวันนี้จึงพาหมันเอ๋อกับสวีอีไปด้วยกัน ตลอดทางดูเหมือนจะมีองครักษ์ไม่เพียงพอ แต่ในที่ลับไม่รู้ว่ามียอดฝีมือคอยติดตามอยู่เท่าไหร่ ยอดฝีมือเหล่านั้นคอยสอดส่องคนที่เดินทางไปมาทุกคนด้วยสายตาถมึงทึง หวังเพียงว่าจะมีใครสักคนที่โหดเหี้ยมไม่กลัวตายพุ่งเข้าอย่างกะทันหันเพื่อมาฆ่าพระชายารัชทายาท ให้พวกเขาได้จัดการเพื่อรับรางวัลเป็นเงินสองแสนตำลึงจากสำนักเหลิ่งหลัง
เมื่อถึงจวนเหลิ่ง ฮูฮูกำลังรอนางอยู่ที่หน้าประตู แสงอาทิตย์สาดส่องเข้าไปยังลานบ้าน เต็มไปด้วยสีทองสว่างไสว ลมในฤดูใบไม้ผลิพัดมาอย่างแรง พัดเอาแขนเสื้อนางโบกสะบัด
ในลานบ้านเต็มไปด้วยใบสีเหลืองทองของต้นอู๋ถง บ่าวรับใช้กำลังเก็บกวาด ทำให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจาย ลอยล่องอยู่ภายใต้แสงสีทองของพระอาทิตย์ ละอองฝุ่นราวกับชุบไปด้วยสีทองหนึ่งชั้น
หยวนชิงหลิงเหมือนได้พบกับโฉมหน้าของกาลเวลา
ฮูฮูพานางเดินเข้าไปข้างใน พูดว่า “อ๋องชินสู้กับท่านชายสี่ต่างก็รอท่านอยู่ที่เรือนด้านข้าง”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า “ดี ”
นางเดินตามฮูฮูไปยังทางเดิน เลี้ยวผ่านเรือนหลังใหญ่ เข้าไปยังลานด้านหลัง เรือนด้านข้างอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามลานด้านหลังพอดี
ประตูใหญ่ทั้งสี่ด้านถูกเปิดออก ตะวันบ่ายคล้อยสาดส่องเข้าไป หยวนชิงหลิงมองเห็นอ๋องชินสู้กับท่านชายสี่กำลังนั่งคุยกันอยู่ในเรือนด้านข้างตั้งแต่ไกลๆ เห็นนางมา ต่างก็เงยหน้าขึ้นมองมาทางนางโดยมิได้นัดหมาย
ตอนที่หยวนชิงหลิงเข้าไป อ๋องชินสู้ลุกขึ้นมายกสองมือขึ้นคำนับ หลังจากที่หยวนชิงหลิงกับอ๋องชินสู้ทักทายกันแล้ว เห็นท่านชายสี่ยังคงนั่งนิ่งดุจภูเขา นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขาเป็นอาจารย์แล้ว จึงเดินเข้าไปทักทาย “สวัสดีท่านอาจารย์”
ท่านชายสี่มีความเย็นชายโสอยู่หลายส่วน เหลือบสายตาขึ้นมามองนางแวบหนึ่ง ค่อยพยักหน้าเล็กน้อย “นั่ง ข้ามีธุระต้องออกไปสักครู่”
เขาพูดจบก็ลุกขึ้นเอามือไขว้หลังเดินออกไปทันที เห็นได้ชัดว่าต้องการทิ้งให้หยวนชิงหลิงกับอ๋องชินสู้คุยกันตามลำพังที่นี่
อ๋องชินสู้ดื่มชาไปอึกหนึ่ง จึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นพูดว่า “พระชายารัชทายาท ที่เสียมารยาทเชิญท่านมา เพราะคิดจะแนะนำคนคนหนึ่งให้ท่าน”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “เป็นผู้อาวุโสของท่านใช่หรือไม่ ไม่ทราบว่าตอนนี้ผู้อาวุโสอยู่ที่ไหน”
“นางพักผ่อนอยู่ในเรือน ก่อนจะพบนาง ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะถามพระชายารัชทายาทก่อน ”
“เชิญท่านพูดได้เลย”หยวนชิงหลิงรีบปรับสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที
อ๋องชินสู้มองนาง ถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าที่ท่านรักษาคนไข้โรคเรื้อน ใช้ยาแพทย์แผนตะวันตกหรือยาแพทย์แผนจีน”
หยวนชิงหลิงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ราวกับคิดว่าตนเองนั้นฟังผิดไป “ท่านว่าอะไรนะ”
“ท่านรักษาคนไข้โรคเรื้อน ใช้ยาแพทย์แผนตะวันตกหรือยาแพทย์แผนจีน”อ๋องชินสู้มองนาง ทวนคำถามขึ้นมาอีกครั้ง
หยวนชิงหลิงลุกขึ้นมาทันที ยากที่จะปิดบังความตกตะลึงที่มีอยู่ในสายตา “ที่ข้าใช้ เป็นยาแพทย์แผนตะวันตก ท่านอ๋อง ท่าน ท่านรู้จักข้อแตกต่างของยากแพทย์แผนตะวันตกกับยาแพทย์แผนจีนได้อย่างไร ”
อ๋องชินสู้ส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ เป็นบรรพบุรุษข้าให้ข้าถาม นางบอกว่า ถ้าหากพระชายารัชทายาทตอบว่าเป็นยาแพทย์แผนตะวันตก เช่นนั้นก็เชิญพระชายารัชทายาทไปพบนางที่ห้อง ถ้าบอกว่าเป็นยาแพทย์แผนจีน ก็ให้ข้าถามอีกหนึ่งคำถาม ”
“เชิญถาม เชิญถาม ”หยวนชิงหลิงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก มีความรู้สึกใจร้อนเหมือนจะได้เจอเพื่อนเก่าในต่างแดน
อ๋องชินสู้ยิ้มบางๆ “ไม่จำเป็นต้องถามอีกแล้ว ในเมื่อท่านได้ให้คำตอบที่บรรพบุรุษข้าอยากได้แล้ว เช่นนั้นก็เชิญท่านเข้าไปเถอะ”
อ๋องชินสู้ยืนขึ้นมา ทำท่าผายมือเชื้อเชิญทีหนึ่งแล้วเดินออกไป หยวนชิงหลิงรีบตามไปทันที ในใจคิดว่าบรรพบุรุษคนนี้น่าจะเป็นเหมือนรุ่นพี่อะไรเทือกนั้นกระมัง นางมาได้อย่างไร จะเหมือนกับอ๋องสำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งต้าโจวหรือไม่ มีความสามารถพิเศษที่สามารถเดินข้ามเวลามิติหรือ
หัวใจของหยวนชิงหลิงเต้นเร็วและแรงไม่เป็นจังหวะ ราวกับจะกระโจนออกมานอกอกแล้ว ตอนเดินเหมือนจะล่องลอยอยู่บ้าง ราวกับตัวเองเหยียบไปบนอากาศอันว่างเปล่า ไม่รู้สึกเป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย
ทั้งสองเกินไปถึงหน้าประตูลานบ้านแห่งหนึ่ง หน้าประตูมีหญิงรับใช้สวมชุดสีเขียวสองคนยืนอยู่ ไม่ใช่ชุดของบ่าวรับใช้ในจวนเหลิ่ง กลับเหมือนเครื่องแต่งกายของแคว้นต้าซิง
อ๋องชินสู้ตะโกนอยู่หน้าประตูอย่างนอบน้อมเสียงหนึ่ง “ท่านบรรพบุรุษ”
มีแม่นมแก่คนหนึ่งเดินออกมา ย่อคำนับให้กับอ๋องชินสู้ “ท่านอ๋อง แขกมาแล้วหรือ”
อ๋องชินสู้ตอบว่า “แม่นม แขกมาถึงแล้ว”
แม่นมแก่มองหยวนชิงหลิงที่อยู่ด้านหลังอ๋องชินสู้ ยิ้มบางๆ “พระชายารัชทายาทใช่หรือไม่ ข้าน้อยคำนับพระชายารัชทายาท”
หยวนชิงหลิงสะกดกลั้นความตื่นเต้นในใจ พูดว่า “ท่านอย่ามากพิธีเลย”
แม่นมแก่อมยิ้มพูดว่า “พระชายารัชทายาทรีบเข้าไปเถอะ รอท่านมานานแล้ว”
หยวนชิงหลิงก้าวข้ามธรณีประตูไป เดินตามแม่นมคนนั้นเข้าไป
เพิ่งจะเดินเข้าประตู ก็รู้สึกได้ถึงลมอบอุ่นสายหนึ่งพัดปะทะหน้า ราวกับว่าในเรือนนี้ได้มีการจุดเตาถ่านไฟเอาไว้ หลังจากนางเข้าไปแล้ว ประตูก็ถูกปิดลง
หยวนชิงหลิงเดินตามแม่นมเข้าไป อยู่นอกผ้าม่าน แม่นมหยุดลงและพูดว่า “ฮูหยินเฒ่า พระชายารัชทายาทมาแล้ว”
“เข้ามา ”ด้านในมีเสียงอ่อนโยนสุขุมสายหนึ่งส่งผ่านออกมา น้ำเสียงไม่นับว่าแก่ชรานัก แต่ว่า ก็ไม่อ่อนเยาว์
ม่านถูกเลิกขึ้น หยวนชิงหลิงเดินตามเข้าไป ด้านหลังมีเสียงของม่านมุกที่ตกลงมาดังขึ้น ไพเราะเป็นอย่างยิ่ง
หน้าตาทางด้านใต้ของห้องถูกแง้มออกเล็กน้อย แสงอาทิตย์สาดส่องตกลงมายังพื้น ราวกับทำให้เกิดรอยแยกสีทองหนึ่งสาย
หยวนชิงหลิงมองไปยังผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ปรมาจารย์ นางไม่ได้สวมชุดที่ดูหรูหรามาก กระทั่งดูเรียบง่ายอยู่บ้าง ชุดผ้าไหมสีขาวทั้งตัว คลุมอยู่บนร่างอย่างหลวมๆ ดูสบายๆและตามใจชอบ
จากนั้นก็มองใบหน้าของนาง ดูแล้วอายุประมาณหกสิบกว่าๆ หางตามีรอยเหี่ยวย่น มุมปากก็มีริ้วรอย นอกจากสิ่งเหล่านี้ สีหน้าเห็นได้ชัดว่ายังคงแดงระเรื่องอวบอิ่มอยู่
นางรวบผมขึ้นสูงอย่างเรียบง่าย ปักปิ่นปักผมหยกหนึ่งอัน ไม่มีเครื่องประดับนอกเหนือจากนี้ ชายผมที่ละลงมาข้างแก้มเป็นสีขาว แม้จะมองเพียงผิวเผินก็จำได้ขึ้นใจ แต่ว่า หยวนชิงหลิงกลับรู้สึกประหลาดใจ
ผู้อาวุโสคนนี้ผมดกดำหนานุ่มมาก นอกจากชายผมที่ข้างแก้มจะมีสีขาวอยู่จุกหนึ่งแล้ว ส่วนอื่นๆล้วนดำสนิทเรียบสลวย ราวกับว่าสีขาวนั้นเป็นการจงใจแต่งแต้มย้อมสีลงไป
ยังมีรอยเหี่ยวย่นนั่นอีก ต่อจากบริเวณใต้ตาออกไป เห็นได้ชัดว่าใต้ตานั้นดูเรียบลื่นดี ทันใดนั้นก็มีริ้วรอยเหี่ยวย่นเชื่อมต่อขึ้นมา ไม่เป็นธรรมชาติเลย ราวกับว่าริ้วรอยนั้นก็เป็นการวาดเติมแต่งเข้าไปเอง
แต่ว่า ด้วยมารยาท นางจึงไม่ได้จ้องมองอย่างละเอียด เพียงแค่เดินอย่างรวดเร็วเข้าไปคำนับ “รุ่นน้องหยวนชิงหลิงคำนับผู้อาวุโส”
นางเดาว่าแม้ผู้อาวุโสคนนี้จะไม่ใช่คนของราชวงศ์แห่งต้าซิง ก็คงเป็นฮูหยินตราตั้งของต้าซิง เพราะว่า นางเป็นผู้อาวุโสของอ๋องชินสู้
ผู้อาวุโสมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน “พระชายารัชทายาทไม่ต้องเกรงใจ เชิญนั่ง ”
“ขอบคุณผู้อาวุโส”หยวนชิงหลิงย่อตัวคำนับ นั่งลงตรงเก้าอี้ที่อยู่ห่างจากฮูหยินเฒ่าประมาณครึ่งจั้ง(**หนึ่งจั้งประมาณ ‘3.3 เมตร’ ) ใบหน้ามีร่องรอยของความตื่นเต้นและคาดหวังที่ปิดเอาไว้ไม่อยู่ หลังจากนั่งลงแล้วก็เอ่ยปากถามขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหวว่า “ผู้อาวุโส เมื่อครู่ท่านอ๋องได้ถามคำถามข้าแทนท่าน คนป่วยที่เขาโรคเรื้อนใช้ยาแพทย์แผนจีนหรือยาแพทย์แผนตะวันตก ท่าน ท่านรู้จักการใช้ยาแพทย์แผนตะวันตกใช่หรือไม่ ”
ฮูหยินเฒ่ายกมือขึ้น ให้แม่นมออกไป จากนั้นจึงอมยิ้มมองมาทางหยวนชิงหลิง “พระชายารัชทายาท อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย เจ้าดื่มชารอสักครู่ คนที่ต้องการพบเจ้า ไม่ใช่ข้า เป็นน้องสาวคนหนึ่งของข้า”
หยวนชิงหลิงนิ่งอึ้ง น้องสาวของนาง
ขณะที่กำลังอยากจะถาม ก็ได้ยินเสียงม่านมุกดังขึ้น น้ำเสียงที่คุ้นเคยและร้อนรุ่มเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง “เสี่ยวหลิงเอ่อ”