บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 636 อย่ากังวลเลย
คุณย่าหยวนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมอง ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเหล่านี้นัก ฟังที่นางพูดเช่นนี้ก็ยอมรับโดยปริยาย
แต่ว่า หยวนชิงหลิงเองยังคิดไม่ออก ถ้าหากความตระหนักรู้ทุกสิ่งในสมองที่มีอยู่ตอนนี้ล้วนถูกควบคุมด้วยสมองจากร่างเดิมละก็ เช่นนั้น ตอนนี้ตัวเองก็ถูกแช่แข็งไว้แล้ว จะยังสามารถควบคุมสมองของร่างนี้ตลอดไปได้หรือไม่
ถ้าหากควบคุมไม่ได้อีก แล้วสุดท้ายจะเป็นอย่างไร
ตัวนางเองก็ไม่กล้าจะคิดต่อไป
รถม้ากลับมาถึงจวนอ๋องฉู่ หยวนชิงหลงเรียกผู้ดูแลจวนมา เรียกทังหยางกับแม่นมสี่แม่นมฉีเข้ามาพร้อมกัน บอกให้พวกเขารู้ คุณย่าหยวนเป็นน้องสาวของหมอหลินจากแคว้นต้าซิง มาที่นี่ก็เพื่อจะช่วยนางก่อตั้งโรงเรียนแพทย์ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะมาอยู่ที่จวนอ๋อง คนในจวนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามห้ามเสียมารยาทเด็ดขาด
เมื่อได้ยินว่าเป็นแขกคนสำคัญมาจากต้าซิง ทุกคนย่อมให้ความเคารพนับถือมาก แม่นมสี่จัดการให้นางพักที่หอเฟิ่งหยี ก่อนที่หยวนชิงหลิงจะย้ายไปอยู่ที่ตำหนักเซี่ยวเยว่ ก็เคยอยู่ที่หอเฟิ่งหยีมาก่อน
เดิมทีหยวนชิงหลิงอยากจะนอนเป็นเพื่อนคุณย่า คุยกับคุณย่า แต่ว่า เมื่อนึกถึงการเดินทางที่แสนจะลำบากเพื่อมาที่นี่ ต้องเหนื่อยล้ามากแน่ๆ ไม่ว่าอย่างไรหลังจากนี้คุณย่าก็จะอยู่ที่นี่ต่อไป คงยังไม่ต้องรีบร้อนในวันสองวันนี้
คุณย่าหยวนอยากจะเห็นหน้าเด็กๆมาก แต่ว่าเด็กๆถูกฮ่องเต้สั่งให้อุ้มเข้าวังไปแล้ว อยากเจอก็ไม่ได้เจอ
เกือบจะถึงยามจื่อแล้วหยู่เหวินเห้าเพิ่งจะกลับมา หยวนชิงหลิงยังไม่นอน เห็นเขาเดินย่องเขามาอย่างเงียบเชียบ ท่าทีราวกับโจรลักเล็กขโมยน้อย อดไม่ได้ที่จะยิ้มและถามว่า “เป็นโจรหรือ สีหน้าเหมือนกลัวถูกจับได้”
หยู่เหวินเห้าเห็นว่าคุณย่าไม่อยู่ด้วย ก็ค่อยผ่อนลมหายใจหนึ่งเฮือก ก้าวเท้าก้าวใหญ่ๆเข้ามา เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เป็นโจรอะไรกัน ก็แค่เกรงว่าเจ้าที่ไม่ได้เจอหน้าท่านย่ามานาน จะอยู่คุยกับนางที่ห้องซะอีก”
“นางเหนื่อยแล้ว ให้นางพักผ่อนเร็วหน่อย”หยวนชิงหลิงก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
“อืม สมควรแล้ว”หยู่เหวินเห้าเดินเข้าไปกอดนางจากทางด้านหลัง “อ่านหนังสืออะไร ทำไมจึงได้ขยันนัก”
“ยาแพทย์แผนจีน ฉวยโอกาสตอนที่ยังว่าง ข้าต้องเรียนรู้ให้มากหน่อย”หยวนชิงหลิงเอาศีรษะไปพิงบนร่างของเขา ยืดเอวอย่างเกียจคร้าน “หิวหรือไม่”
“ไม่หิว กินอาหารมื้อดึกที่กรมการปกครองมาแล้ว”หยู่เหวินเห้านั่งลง มองนางและพูดว่า “ยายหยวน มีบางเรื่อง ก่อนหน้านี้ข้าไม่กล้าถามเจ้ามาตลอด ถ้าเจ้าสะดวกก็พูด ข้าก็แค่อยากฟังให้ชัดเจนเท่านั้น ตอนนี้ท่านย่าก็มาแล้ว ข้าคิดว่า ควรจะทำความรู้จักเจ้าให้มากขึ้นสักหน่อยดีหรือไม่”
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยฟังนางพูดมาบ้างแล้ว ตอนนั้นรู้สึกว่าในเมื่ออย่างไรเสียงนางก็ได้ทำการยืมร่างเพื่อคืนวิญญาณอยู่ที่นี่แล้ว ให้กำเนิดลูกแล้วจะหนีก็คงหนีไม่ได้ รู้อย่างไม่ละเอียดมากนักก็ไม่เป็นไร มิใช่ว่าจะสามารถบินหนีไปได้เสียหน่อย
แต่ว่าการปรากฏตัวขึ้นของคุณย่าในครั้งนี้ ทำให้เขารับรู้ถึงสัญญาณอันตราย เขาหวนคิดถึงทะเลสาบจิ้งอันน่าประหลาดใจนั่นอีกแล้ว ความหวาดกลัวในจิตใจผุดขึ้นมาอีกครั้ง
หยวนชิงหลิงยิ้ม “ได้ ท่านอยากจะรู้เรื่องอะไร”
หยู่เหวินเห้าเดินอ้อมกลับมาถอดเสื้อนอกโยนไปที่เตียงหลอฮั่น คอยมองนางและถามขึ้นว่า “เจ้าเป็นคนต้าซิงจริงหรือ เจ้ากับหรงเยว่รู้จักกันมาก่อนหรือ”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่ใช่ ที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คิดว่าจะพูดกับท่าน แต่ว่าข้าแค่บอกไปว่าข้าเป็นหมอ ท่านก็ไม่ฟังแล้ว”
แน่นอน นางก็ต้องล้อเล่นสักหน่อย
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “เช่นนั้นตอนนี้ข้าต้องการจะฟังแล้ว ต้องการรู้ทุกสิ่ง รวมถึงกล่องยาอันน่าอัศจรรย์ของเจ้าด้วย”
หยวนชิงหลิงกำลังจะพูด แต่ได้ยินหยู่เหวินเห้าพูดขึ้นมาก่อนว่า “รอสักครู่ ไปคุยกันที่ห้องหนังสือ ที่นั่นมีเครื่องเขียน”
หยวนชิงหลิงมองเขาอย่างประหลาดใจ “จะเอาเครื่องเขียนไปทำไมกัน”
“จดบันทึกจุดสำคัญหรือไม่ก็ชื่อสถานที่ ภายหน้าหากเจ้าหายไปจริงๆ ข้าก็สามารถไปหาเจ้าได้”หยู่เหวินเห้าพูดอย่างจริงจัง
หยวนชิงหลิงยิ้ม “ถ้าหากข้าหายไปจริงๆ ท่านก็หาข้าไม่เจอ จดบันทึกไว้แล้วมีประโยชน์อะไร”
“ข้อย่อมต้องมีวิธี ใต้หล้านี้มีคนที่มีความสามารถมากมาย ในเมื่อเจ้ามาได้ ข้าก็ต้องไปหาเจ้าได้ เจ้าไม่ต้องสนใจ ”หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างมั่นใจ
เป็นเวลาดึกแล้ว หยู่เหวินเห้าดึงดันพานางไปที่ห้องหนังสือจนได้
ครั้งนี้หยวนชิงหลิงไม่ปิดบังอีกต่อไป และไม่กลัวว่าจะทำให้เขาตกใจด้วย เล่าเรื่องทั้งชาติที่แล้วและชาตินี้ให้เขาได้รับรู้
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะรู้อยู่บ้างแล้ว แต่ว่าสิ่งที่หยวนชิงหลิงเล่านั้นได้ไกลออกไปเกินกว่าที่ตัวหยู่เหวินเห้าเองจะคาดคิดและเข้าใจได้ เขาฟังแล้วก็กอดหยวนชิงหลิงเอาไว้ เอ่ยด้วยแววตาที่ซับซ้อนว่า“ถ้าเป็นอย่างที่เล่ามา เจ้าก็เป็นสิ่งล้ำค่าที่ฟ้าประทานให้ข้า ”
ดวงตาของหยวนชิงหลิงเป็นประกาย “ฉะนั้นท่านต้องรักษาข้าไว้ให้ดีๆ”
“ต้องรักษาไว้อย่างดีแน่นอน ”หยู่เหวินเห้าจูบนางหนึ่งที สีหน้าหลังผ่านความตกตะลึงนั้นขาวซีด เขาเข้าใจกลอุบายของสวรรค์แล้ว ตบหน้าหนึ่งครั้งให้ลูกกวาดหนึ่งเม็ด ให้ลูกกวาดกับยายหยวนกับเหล่าของว่างสี่เม็ด คงต้องตบหน้าเขาแรงๆถึงสี่ทีแน่ สำหรับอนาคตเขารู้สึกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
เขาจดบันทึกชื่อสถานที่ เวลา และทั้งหมดที่หยวนชิงหลิงพูดเอาไว้ จัดเก็บเอาไว้ในกล่องเป็นอย่างดีราวกับของล้ำค่า
ตลอดทั้งคืน เขาเอาแต่กอดหยวนชิงหลิงเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แม้แต่ยามที่นอนหลับไปแล้ว ขอเพียงหยวนชิงหลิงขยับตัวนิดเดียว เขาก็รีบตื่นขึ้นมาทันที ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เกรงว่าหยวนชิงหลิงจะหายตัวไป
นางมาอย่างกะทันหัน เวลาจากไปจะไปอย่างกะทันหันหรือไม่ ใครจะรู้ได้
เช้าวันรุ่งขึ้น หยู่เหวินเห้าสวมเสื้อผ้าอาภรณ์เรียบร้อย และยังเป็นคนเอ่ยปากชวนหยวนชิงหลิงให้ไปน้อมทักทายคุณย่าด้วยกัน
เทียบกับเมื่อวานแล้ว วันนี้เขาดูใจกว้างอย่างเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เขาถึงกับรับประกันต่อคุณย่าหยวนราวกับสาบาน ว่าหลังจากนี้จะดีกับยายหยวนให้มาก ขอคุณย่าสบายใจได้
เบื้องหลังของการรับประกันในครั้งนี้ แน่นอนว่าย่อมต้องมาจากความหวาดกลัวที่มีอยู่ในใจ หยวนชิงหลิงดูออก เอาแต่จ้องมองเขา
คุณย่าหยวนดูออกว่าเขาดีต่อหยวนชิงหลิงจริง แต่ว่า ที่ทำให้คุณย่าไม่สบายใจคือผู้ชายที่นี่ต่างก็มีภรรยาเยอะ โดยเฉพาะเขาเป็นถึงรัชทายาท ภายหน้าหากเป็นฮ่องเต้ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีภรรยาหลายคน แม้ว่าจะดีกับนางตลอดไป เกรงว่าจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ฉะนั้น คุณย่าหยวนไม่ได้เผยสีหน้าอะไรออกไป แต่กลับรู้สึกกังวลอยู่ในใจ
หลังจากที่หยู่เหวินเห้ากลับไปที่กรมการปกครองแล้ว คุณย่าหยวนก็ดึงมือของหยวนชิงหลิงเอาไว้ พูดถึงความกังวลของตนเอง
“ย่ารู้สึกพอใจเขามาก ถ้าหากอยู่ในโลกของพวกเรา ย่าคงดีใจเป็นที่สุด แต่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ไม่สามารถทำให้ย่ารู้สึกพอใจได้ ยิ่งเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงส่ง ยิ่งคิดว่าการมีภรรยาหลายคนนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา”
หยวนชิงหลิงปลอบใจคุณย่า “เจ้าห้าเคยบอกว่า ภายหน้าจะไม่รับอนุเข้ามา”
“ไม่ใช่ย่าไม่เชื่อเขา เชื่อว่าตอนที่เขาพูดกับหลานเช่นนี้ เขาเองก็จริงใจอย่างแท้จริง แต่ว่า ใต้ฟ้าไม่มีอะไรไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตอนนี้เขาชอบหลาน รักหลาน อาจเป็นเพราะหลานไม่เหมือนใครๆจึงทำให้เขารู้สึกแปลกใหม่ แต่เมื่อความแปลกใหม่นี้หายไปแล้ว หรือหลังจากที่ความรู้สึกจืดจางลง แล้วเขาก็ได้พบกับอีกคนที่ทำให้เขารู้สึกถึงความแปลกใหม่อีกครั้ง ยากจะรับประกันได้ว่าเขาจะไม่เปลี่ยนใจไปรักคนอื่น ”
หยวนชิงหลิงกอดแขนของคุณย่าเอาไว้ ซุกซบอยู่ในอ้อมอกของคุณย่า “คุณย่า แม้ว่าจะอยู่ในโลกของพวกเรา สามีภรรยาที่แต่งงานกันแล้วก็ยังหย่ากันได้ การพบกันและการจากลาเป็นเรื่องปกติ ถ้าหากว่ามีวันหนึ่ง เขาไม่รักหลานแล้วจริงๆ ถ้าอย่างนั้นหลานก็คงไม่โง่ที่จะอยู่ข้างกายเขาต่อเพื่อรอให้เขาเปลี่ยนใจกลับมาหา”
คุณย่าหยวนตบไปที่มือของนางเบาๆ ถอนหายใจ “ย่าก็แค่เกรงว่าเมื่อถึงตอนนั้นหลานจะแบกรับไม่ไหว หลานเองตั้งแต่เล็กก็ไม่เคยต้องประสบพบเจออุปสรรคในเรื่องของความรัก ตอนนี้ยิ่งมีความมั่นใจอย่างแน่วแน่ต่อคนคนหนึ่ง เกรงว่าความหวังยิ่งมาก ความผิดหวังก็มากขึ้นเช่นกัน ”
หยวนชิงหลิงรู้ว่าอย่างไรเสียคุณย่าก็ต้องเป็นห่วงเรื่องพวกนี้ เพราะตัวนางเองก่อนหน้านี้ก็เคยกังวลมาแล้ว แต่ว่า ใครกันที่สามารถกุมอนาคตไว้ได้
เรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น กังวลไปก่อนนั่นไม่เท่ากับทำให้ตนเองไม่สบายใจเปล่าๆมิใช่หรือ
จึงดึงคุณย่าให้ลุกขึ้น พูดยิ้มๆว่า “พวกเราไปที่จวนเหลิ่งกัน วันนี้หรงเยว่กลับบ้านมารดาหลังจากแต่งงาน พวกเราไปดูสิว่านางจะถูกอ๋องชินสู้จัดการอย่างไร”