บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 638 เพิ่มระดับในการหาเรื่อง
ในที่สุดสองสามีภรรยาอ๋องหวยก็เข้าไปได้อย่างราบรื่น ในที่สุดอ๋องชินสู้ก็ไม่หาเรื่องอีกแล้ว ได้แต่กำชับอย่างเคร่งขรึมจริงจังเหมือนเดิม กำชับว่าหรงเยว่เป็นสะใภ้ของราชวงศ์ อย่าได้เอาแต่ใจหาเรื่องยุ่งยากอีก เกรงว่าจะทำให้อ๋องหวยลำบากไปด้วย
แม้ว่าปากของหรงเยว่ยังคงเถียงคำไม่ตกฟาก แต่ในใจนั้นรับรู้แล้ว อย่างน้อยตาเฒ่าก็นับว่ายอมรับลูกเขยคนนี้แล้ว
หยวนชิงหลิงเห็นคนทั้งบ้านต่างก็มีความสุข ก็รู้สึกดีใจมาก และไม่ได้อยู่รบกวนการพูดคุยของพ่อลูก หมุนตัวจากไปเพื่อกลับจวน
นางอยากจะอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าให้มากหน่อย อยู่ข้างนอกนานๆไม่ไหวจริงๆ
แต่เมื่อรถม้ากลับมาถึงจวนอ๋องฉู่ ก็เห็นชาวบ้านที่เดิมทีรวมตัวกันเพื่อมุงดูการประท้วงหาเรื่องอยู่ที่นี่มากันอีกแล้ว คนที่เป็นหัวโจก มีสีหน้าท่าทีไม่สำรวม ตะโกนด่าอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ ด่าได้ไม่น่าฟังเอาซะเลย
คนเฝ้าประตูได้เดินเข้าไปขับไล่ แต่ว่าคนพวกนั้นราวกับคลุ้มคลั่งไปแล้ว ล้อมตัวคนเฝ้าประตูเอาไว้ คนข้างหลังอีกส่วนหนึ่งก็มุงกันเข้าไป ทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น ยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่
สวีอีโมโหมาก กำลังจะเข้าไป หยวนชิงหลิงเรียกเขาเอาไว้ พูดว่า “พวกเราเข้าไปทางประตูหลัง อย่าสนใจพวกเขา”
สวีอีพูดว่า “พระชายารัชทายาท จะยอมพวกเขาอีกไม่ได้แล้ว ถ้าวันนี้ไม่สยบพวกเขา พรุ่งนี้ก็คงจะมาอีก”
หยวนชิงหลิงพูดเสียงเรียบๆว่า “วันนี้สยบได้ พรุ่งนี้ก็ยังจะมาอีกอยู่ดี คนพวกนั้นล้วนเป็นนักเลง ถูกจ้างมาให้หาเรื่อง ชาวบ้านถูกพวกเขาหลอกให้หลงเชื่อ ถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้นมา พวกนักเลงคงหลบไป ที่บาดเจ็บคงเป็นชาวบ้าน เช่นนั้นเรื่องราวจะบานปลายไปกันใหญ่”
“ถูกจ้างงานมาหรือ ”สวีอีเข้าขึ้นมาทันที เอ่ยอย่างโมโหว่า “ต้องรู้แน่ๆว่ามีแขกคนสำคัญจากต้าซิงอยู่ในจวน ฉะนั้นพวกเขาก็เลยมาหาเรื่อง ต้องการจะทำให้ชื่อเสียงของรัชทายาทกับท่านเสียหายดังไกลไปถึงต้าซิง ใครกันที่มันชั่วร้ายเช่นนี้”
หยวนชิงหลิงพูด “พวกเราเข้าไปทางประตูหลัง จอดรถม้าเอาไว้ที่นี่”
เกรงว่าคุณย่าจะไม่เคยพบเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ต้องรีบกลับไปปลอบนาง
นางเพิ่งจะลงจากรถม้า ก็มีคนเห็นนางเข้าแล้ว ร้องเสียงแหลมว่า “เป็นนาง เป็นนาง”
“ว่ากันว่ารัชทายาทจะหย่านางมิใช่หรือ ทำไมนางยังอยู่ที่นี่ ”
“คัดค้านพระชายารัชทายาทขึ้นเขาโรคเรื้อน คัดค้านพระชายารัชทายาทนำภัยสู่เมืองหลวง”
“พระชายารัชทายาทเป็นภัย รัชทายาทต้องหย่าภรรยา”
คนที่เป็นหัวโจกเหล่านั้นยกมือขึ้นสูงและนำคนพุ่งเข้ามา สวีอีกับหมันเอ๋อคุ้มกันหยวนชิงหลิงอ้อมเข้าไปในซอย
ด้านหลังมีไข่ไก่กับผักเน่าบินตามมาไม่หยุด กระแทกไปบนร่างของสวีอีกับหมันเอ๋อ หยวนชิงหลิงเองก็ไม่ได้มีโชคเข้าข้างให้รอดพ้นไฟ ถูกไข่ไก่หลายใบกระแทกที่ศีรษะ ไข่เหล่านี้ล้วนเป็นไข่เน่า หลังจากที่แตกอยู่บนหัว น้ำเน่าเหม็นก็กระจายไปทั่ว กลิ่นเหม็นเกือบจะรมให้ตายแล้ว
ก่อนหน้านี้ชาวบ้านเคยมาอาละวาดหาเรื่องหลายครั้ง แต่ก็ล้วนเป็นการคัดค้านไม่ให้หยวนชิงหลิงขึ้นเขาโรคเรื้อน ไม่มีการด่าทอหยาบคายเลยเถิด ยิ่งไม่เคยลงมือขว้างปาสิ่งของ วันนี้เห็นทีจะถูกปลุกระดมขึ้นมาจริงๆ
คนเฝ้าประตูวิ่งเข้ามาจากทางนั้นคุ้มกันพวกเขาเอาไว้ ทหารจวนก็ออกมาแล้ว ทหารจวนหลายสิบคนเผชิญหน้ากับชาวบ้านหลายร้อย และไม่กล้าจะลงมือทำร้าย ช่างไม่เอาไหนจริงๆ
แต่ดีที่สามารถคุ้มกันให้หยวนชิงหลิงเข้าไปทางประตูหลังได้อย่างราบรื่น ประตูหลังปิดลง เสียงด่าทอข้างนอกยิ่งรุนแรงขึ้นมา
สวีอีโมโหจนหน้าเขียวคล้ำ “เจ้าพวกไร้สมองพวกนี้ ข้าจะออกไปจัดการพวกมันสักครั้ง”
หยวนชิงหลิงชะงักฝีเท้า ฟังอย่างตั้งใจอยู่ชั่วครู่ พูดด้วยแววตาเย็นชาว่า “เจ้าฟังดูสิว่าตอนนี้พวกเขาตะโกนอะไรกัน”
สวีอีกลั้นอารมณ์โมโหเอาไว้ ฟังอย่างตั้งใจ ฟังเสียงด่าทอที่ดังสะท้านไปทั่ว กลับมีคนตะโกนคำพูดหนึ่งขึ้นมาว่า “สนับสนุนให้มีการถอดถอนรัชทายาท สนับสนุนอ๋องหวย”
สวีอีตกใจไปชั่วครู่พูดอะไรไม่ออกทันที จากนั้น กำดาบไว้แน่นจะเปิดประตูหลังวิ่งออกไป หยวนชิงหลิงพูดเสียงดุว่า “หยุด”
สวีอีกัดฟันกรอด “พระชายารัชทายาท ปวดท้องถ่ายหนักนั้นทนได้แต่ปวดฉี่นั้นทนไม่ไหว นี่พวกเขากำลังยั่วยุให้เกิดความวุ่นวายในบรรดาท่านอ๋อง อาจทำลายความสัมพันธ์ฉันพี่น้องระหว่างรัชทายาทกับอ๋องหวยได้”
หยวนชิงหลิงยื่นมือออกไปปัดเอาเปลือกไข่ที่อยู่บนหัวออก น้ำจากไข่ที่มีสีเหลืองสีขาวและสีเขียวปะปนอยู่ไหลลงมาจากศีรษะ กลิ่นเหม็นคลุ้งกระจาย เหม็นจนนางเกือบจะอาเจียนออกมา
หยวนชิงหลิงพูดว่า “รอให้รัชทายาทกลับมาแล้วค่อยจัดการ เจ้าไปดูสิว่าใต้เท้าทังอยู่ในจวนหรือไม่ ปรึกษากับเขาก่อน ข้าจะกลับไปเปลี่ยนชุด”
หมันเอ๋อประคองนางเดินอย่างรวดเร็วเข้าไปข้างใน หมันเอ๋อเห็นลำคอและท้ายทอยของหยวนชิงหลิงมีรอยบวมแดง ก็เอ่ยอย่างสงสารว่า “พระชายารัชทายาท ท้ายทอยกับคอของท่านล้วนถูกกระแทกจนบวมขึ้นมาแล้ว เจ็บหรือไม่ ”
“เจ็บ แต่ไม่เป็นไร ข้าต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เกรงว่าจะทำให้คุณ…… ฮูหยินเฒ่าตกใจ”หยวนชิงหลิงยื่นมือออกไปกดที่ท้ายทอย คนที่ปาไข่เหล่านั้น จะบอกว่าไม่เป็นวรยุทธนั้นไม่จริง ปากี่ลูกก็แม่นยำ อีกทั้งยังปาได้แรงมาก
หมันเอ๋อพูดอย่างโมโหว่า “ข้าน้อยอยากจะตีคนพวกนั้นให้ตายจริงๆ ช่างน่าโมโหนัก เห็นได้ชัดว่าพระชายารัชทายาทไปช่วยเหลือคน ทำไมพวกเขาต้องประณามพระชายารัชทายาทด้วย หรือคิดว่าคนบนเขาโรคเรื้อนไม่ใช่คน พวกเขาเห็นแก่ตัวเกินไป”
หยวนชิงหลิงเห็นหมันเอ๋อโมโหจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว จึงได้ยิ้มและปลอบใจนางว่า “ใจคนก็เป็นเช่นนี้ ขอเพียงคนที่มีเรื่องไม่ใช่ตนเอง เช่นนั้นก็ไม่สนใจความเป็นความตายของผู้อื่น ชาวบ้านที่มีญาติอยู่บนเขาโรคเรื้อน คาดว่าคงไม่มาอาละวาดหาเรื่อง หมันเอ๋อ พวกเราจะทำเรื่องอะไรก็ตาม ไม่สามารถจะเอาแต่คิดถึงความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่รู้สึกละอายใจต่อตนเองก็พอ”
หมันเอ๋อประคองนาง “พระชายารัชทายาท ดีที่ท่านยังสามารถยิ้มออกมาได้ ท่านไม่โกรธหรือ”
“โกรธสิ แต่โมโหไปก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ในตอนนี้ดีขึ้น”
หยวนชิงหลิงก้าวเร็วๆกลับไป เดินขึ้นไปบนระเบียงทางเดิน และเห็นว่าคุณย่ายืนอยู่หน้าระเบียง ตอนที่มองเห็นนาง สายตามีแววกังวลและสงสารผุดขึ้นมา
หยวนชิงหลิงคว้าหมับไปที่ของเหลวของไข่ไก่ที่อยู่บนศีรษะ สะบัดมือทิ้งอย่างไม่ยี่หระทีหนึ่ง พูดยิ้มๆว่า “มีการวิจัยชัดเจน ไข่มีสารอาหารที่บำรุงเส้นผมได้ ”
คุณย่าหยวนขอบตาแดงก่ำ พูดเสียงเบาว่า “รีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า สระผมด้วย”
“ได้ ไม่นาน คุณย่ารอหลานนะ ”หยวนชิงหลิงวิ่งเข้าไปด้วยรอยยิ้ม
คุณย่าหยวนอดทนความเจ็บปวดใจที่มีอยู่เต็มอก ถอนหายใจ เดินตามเข้าไป
แม่นมสี่สั่งให้คนเตรียมน้ำร้อน ชะล้างเส้นผมให้นางก่อน จากนั้นก็ให้นางแช่น้ำทั้งตัวที่สระผีครู่หนึ่ง เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น
หลังจากหยวนชิงหลิงอาบน้ำเสร็จแล้ว เปลี่ยนชุดเสร็จก็เห็นคุณย่านั่งรอนางอยู่ที่ตำหนักเซี่ยวเยว่ ในมือยังถือผ้าเช็ดหน้าแห้งๆไว้ผืนหนึ่ง
เห็นนางเข้ามา ก็เรียกให้นางนั่งลง ยืนขึ้นเช็ดผมให้กับนาง
หยวนชิงหลิงให้คนรับใช้ทั้งหมดออกไป ปิดประตู ค่อยดึงมือของคุณย่าและพูดว่า “คุณย่า หลานไม่เป็นไร คุณย่าอย่าไม่สบายใจเลย”
คุณย่าหยวนมองนาง แกะมือของนางออกและเช็ดปลายผมของนางต่อ พูดว่า “ในเมื่อเลือกแล้ว เช่นนั้นก็ต้องอดทนต่อความยากลำบาก วันนี้ที่หลานต้องประสบพบเจอ ตอนที่ย่าอายุน้อยๆก็เคยเจอมาก่อน เมื่อโรคชนิดหนึ่งถูกกำหนดว่าเป็นโรคร้าย แม้แต่คนที่อยู่ใกล้ชิดยังต้องอดทนต่อการถูกทอดทิ้งและรังเกียจ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีคนยื่นมือออกมา ช่วยเหลือคนที่ถูกทอดทิ้งเหล่านี้ ”
เดิมทีหยวนชิงหลิงคิดว่าคุณย่าจะขอร้องให้นางละความพยายาม ไม่คิดว่าคุณย่าจะสนับสนุนนางอย่างแน่วแน่ไม่หวั่นไหวเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน กลับทำให้น้ำตารื้นขึ้นมา “คุณย่า หลานจะจดจำสถานะของตัวเองไว้เป็นอย่างดี ”
“เช่นนั้นก็ดี ย่าเกรงว่าหลานจะพบเจออุปสรรคแล้วทิ้งความพยายามไป”คุณย่ายังคงเช็ดผมให้นางต่อไป เห็นหลังท้ายทอยและหลังคอของนางมีรอยบวมแดง ก็รู้สึกปวดใจ ยื่นมือออกไปนวดให้ พูดว่า “มียาทาหรือไม่ ย่าจะทาให้”
หยวนชิงหลิงหยิบเอากล่องยาออกมาต่อหน้าคุณย่า ขยายใหญ่ เปิดออก หยิบเอายาพ่นแก้อาการบวมออกมายื่นให้คุณย่า “ใช้อันนี้ ใช้ดี”
คุณย่ามองกล่องยาอย่างตกตะลึง “อันนี้หลาน……”
“เป็นกล่องยาในห้องทดลองของหลาน ไม่รู้ทำไมจึงมาอยู่ที่นี่”หยวนชิงหลิงอธิบาย