บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 639 เรื่องถูกโบยสามสิบที
คุณย่าหยวนอยู่ที่นี่สามารถพบเห็นสิ่งของที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งยุคสมัย รู้สึกไม่สามารถผสมผสานเข้ากันได้เลยจริงๆ
คุณย่ายิ้มขึ้นมา หางตามีรอยย่นที่แสนจะอ่อนโยน เอาที่ฉีดพ่นไปพ่นให้นางบริเวณลำคอ จากนั้นก็นวดให้นางชั่วครู่ “ก็ยังโชคดีที่หลายยังมีกล่องยานี้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าต้องลำบากอีกเท่าไหร่ วันนี้ย่าได้คุยกับแม่นมฉีและรุ่ยเหอ หลายเรื่องราวตอนที่หลานเพิ่งจะมาถึงที่นี่ ย่าเองก็รับรู้ทั้งหมดแล้ว ฟังจนไม่รู้ว่าย่าเองรู้สึกเจ็บปวดใจแค่ไหน ”
หยวนชิงหลิงค่อยๆหันร่างมามองคุณย่า “แม่นมฉีกับรุ่ยเหอพูดอะไรบ้าง”
คงไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ถูกโบยให้คุณย่าฟังหรอกนะ
คุณย่าหยวนนั่งลง ดึงมือของนางเอาไว้สายตาเต็มไปด้วยความสงสารและเอ็นดู แล้วก็ถอนหายใจ “แม่นมฉีอ้ำๆอึ้งๆ ไม่ยอมพูดอะไรมาก แต่รุ่ยเหอจิตใจใสซื่อ ถามอะไรนางก็ตอบหมด ย่าถึงได้รู้ว่าหลานลำบากมามากแค่ไหน หลานเขยเองตอนแรกก็ไม่ได้ดีกับหลานจริงๆ……”
หยวนชิงหลิงมองสายตานิ่งขรึมของคุณย่า ในใจก็รู้สึกหนักอึ้งตามไปด้วย รีบกุมมือของคุณย่าและอธิบายว่า “คุณย่า นั่นล้วนเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว และตอนนั้นเจ้าห้าคิดว่าหลานจะทำร้ายหกเกอเอ๋อ จึงได้ให้คนโบยข้าสามสิบไม้”
คุณย่าหยวนวางขวดยาสำหรับฉีดพ่นลงบนโต๊ะอย่างแรง พูดเสียงดุว่า “หลานว่าอะไรนะ สามสิบไม้ เขาเคยโบยหลานสามสิบไม้ ย่าก็รู้อยู่แล้วว่าตอนที่พวกเขาพูดอย่างไรก็ต้องมีเรื่องปิดบังเอาไว้บ้าง นี่ย่ายังอุตส่าห์บอกว่ารุ่ยเหอซื่อสัตย์ แต่นางกลับบอกแค่ว่าหลานถูกเย็นชาเมินเฉย หลานเขยไม่สนใจหลานเท่านั้น ไม่คิดว่าจะลงมือด้วย เขายังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า”
มุมปากของหยวนชิงหลิงกระตุกชั่วครู่ เอ่ยอย่างลำบากใจว่า “เรื่องนี้ รุ่ยเหอไม่ได้พูดหรือ หลานคิดว่ารุ่ยเหอเล่าให้ฟังแล้ว”
“หลาน……”คุณย่าหยวนถลึงตาให้นางหนึ่งที เห็นหน้าตาท่าทางน่าสงสารของนาง คิดถึงความลำบากที่นางต้องเผชิญมาทั้งหมดก็อดที่จะว่านางไม่ได้ ได้แต่พูดเสียงดุดันว่า “ทำไมหลานไม่พูด ยังหลอกย่าว่าเขาดีกับหลานมาก เสี่ยวหลิงเอ่อ ผู้ชายที่ทำร้ายตบตีผู้หญิงนั้นเอาไม่ได้ มีครั้งที่หนึ่งก็จะมีครั้งที่สอง”
ตอนนี้หยวนชิงหลิงรู้แล้วว่าถ้ายังไม่พูดถึงความเป็นมาเป็นไปทั้งหมดให้คุณย่าฟัง ความโมโหนี้คงไม่สลายไปแน่ จึงพูดว่า “คุณย่าใจเย็นๆก่อน เรื่องนี้ ไม่ได้ง่ายขนาดนี้ คุณย่าฟังหลานพูดก่อน”
คุณย่าดึงมือของนาง“หลายยังจะแก้ตัวแทนเขาอีกหรือ หลานยังมีความเอาไหนอยู่บ้างหรือเปล่า”
หยวนชิงหลิงพูดด้วยท่าทีน่าสงสารว่า “หลานไม่เอาไหน แต่ตอนนี้จะให้ทำอย่างไร หย่าหรือ”
“หย่าก็หย่าสิ”
“หลานเป็นพระชายารัชทายาทนะ ไหนเลยจะบอกว่าหย่าก็หย่าได้”
คุณย่าหยวนคิดถึงภาพที่ร่างเล็กของนางเช่นนี้ถูกโบยสามสิบไม้ ทั้งรู้สึกสงสารทั้งรู้สึกโมโห ไม่ทันได้คิดว่าการหย่าในยุคสมัยนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยสักนิด และนางก็ยังเป็นพระชายารัชทายาท เฮ้อ
ความรู้สึกดีๆอันน้อยนิดที่คุณย่ามีต่อหยู่เหวินเห้าได้ถูกสามสิบไม้นั้นทำลายไปจนสิ้นแล้ว
หยวนชิงหลิงรินน้ำชาให้คุณย่าหนึ่งแก้ว หลังจากให้คุณย่าได้ดื่มเพื่อคลายอารมณ์แล้ว ค่อยเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบให้ฟัง
หลังจากที่คุณย่าหยวนฟังแล้ว ก็ตกใจเป็นอย่างมาก “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้เองหรือ”
“ใช่ เรื่องทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้ คุณย่าคิดดู ตอนนั้นที่เขาแต่งงานกับเจ้าของร่างเดิมหยวนชิงหลิง ก็จนใจจริงๆ เดิมทีก็มีแฟนที่ต่างก็มีใจให้กันตั้งแต่เด็กๆ แต่กลับถูกทำลายชื่อเสียงทำลายวาสนาแห่งความรัก แม้แต่อนาคตก็แทบจะถูกทำลายไปแล้ว และตอนที่เจ้าของร่างเดิมแต่งงานเข้ามา ปฏิบัติต่อบ่าวไพร่ไม่ดีนัก ทั้งลงไม้ลงมือและด่าทอ วันนี้คุณย่าน่าจะได้พบหกเกอเอ๋อแล้วใช่หรือไม่ ไม่ถึงสิบขวบด้วยซ้ำ นางกลับให้หกเกอเอ๋อปีนขึ้นที่สูงทำงานที่เสี่ยงอันตรายมาก ทำให้หกเกอเอ๋อตกลงมาถูกเสียบที่ดวงตา สามสิบไม้นี้นับว่าหลานรับโทษแทนเจ้าของร่างเดิมหยวนชิงหลิง”
คุณย่าหยวนเองก็เป็นคนที่เกลียดคนที่ประพฤติตัวไม่ดีดุจศัตรู ได้ยินว่าเจ้าของร่างเดิมของหยวนชิงหลิงมีพฤติกรรมไม่ดี ก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างโมโหว่า “นางทำอย่างนี้ก็เกินไป แม้ว่าจะชื่นชอบคนคนหนึ่งมากแค่ไหน ก็ต้องทำให้ทั้งสองฝ่ายยินดีพร้อมใจ นางทำเช่นนี้เหมือนเป็นคนไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยกลไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องได้ด้วยคาถา อย่าว่าแต่หลานเขยตีนางเลย แม้แต่ย่ายังอยากจะตีนางด้วย หกเกอเอ๋อเป็นเด็กน่ารักขนาดนั้น อายุแค่นี้ก็แค่เพิ่งจะเรียนชั้นประถม นางรุนแรงต่อเด็ก มากเกินไปจริงๆ ไม่ว่าใครก็ตามที่มีความเป็นคนอยู่บ้าง ก็ต้องสั่งสอนนาง”
หยวนชิงหลิงได้ยินคุณย่าพูดเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง ถ้าหากคุณย่าจ้องแต่จะหาเรื่องเจ้าหา เช่นนั้นนางคงไม่มีวันดีๆให้ได้ชีวิตแน่ๆ
เมื่อถึงช่วงค่ำตอนที่เจ้าห้ากลับมา คนที่หาเรื่องข้างนอกต่างก็กลับกันไปหมดแล้ว ทังหยางเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขารู้ บอกว่าพวกที่มาหาเรื่องเหล่านั้นโยนไข่ใส่พระชายารัชทายาท หยู่เหวินเห้าได้ยินแล้ว ก็โมโหขึ้นมาทันควัน สั่งให้ทังหยางจัดกองกำลังทหารจวน ใครกล้าลงมือ ให้จับตัวส่งกรมการพระนครทันที
“ท่านอ๋องโปรดวางใจ คืนนี้ได้ให้สวีอีตามพวกหัวโจกที่มาหาเรื่องเหล่านั้นแล้ว คาดว่าพรุ่งนี้คงไม่กล้ามาอีกแล้ว”ทังหยางพูด
หยู่เหวินเห้าสีหน้าเย็นชา “เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ดีแน่ คนป่วยบนเขาโรคเรื้อนจะรักษาให้หายก็ต้องใช้เวลาไม่ใช่วันสองวัน ก่อนหน้านี้พวกเขาตะโกนด่าไม่กี่คำข้ายังสามารถคิดว่าหมาเห่าหมาหอนได้ แต่ตอนนี้กลับลงมือกับพระชายารัชทายาท จะทนต่อไปไม่ได้เด็ดขาด เจ้าสี่ควบคุมคนพวกนี้ในการก่อความวุ่นวาย มีจุดประสงค์จะทำลายชื่อเสียงของข้า ตอนนี้ได้รู้ว่าเจ้าหกแต่งงานกับลูกสาวของอ๋องชินสู้จากต้าซิง จึงได้สร้างเรื่องเรียกร้องลากเอาเจ้าหกเข้ามาพัวพันด้วย เพื่อทำลายความสัมพันธ์ฉันพี่น้องระหว่างข้ากับเจ้าหก คนที่ไม่รู้คงจะเข้าใจผิดว่าเจ้าหกนั้นหวังในตำแหน่งรัชทายาทเป็นแน่ ฉะนั้นแค่สั่งสอนพวกมัน ก็ไม่ได้ช่วยให้เรื่องดีขึ้นหรือสงบลงได้”
ทังหยางพยักหน้า “ใช่ ก่อนหน้านี้ด่าชั่วครู่อาละวาดชั่วครู่ยังพอทนได้ ตอนนี้แม้แต่อ๋องหวยก็ถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เกรงว่าจะจบไม่สวยนัก”
“อืม เจ้าลองคิดหาวิธีการดู ข้าจะกลับไปดูพระชายารัชทายาทก่อน เดิมนางก็โง่อยู่แล้ว ยังกระแทกถูกหัวอีก ก็ไม่รู้ว่าจะโง่กว่าเดิมหรือไม่”
หยู่เหวินเห้าเอามือไขว้หลังเดินออกไป รู้สึกสงสารมาก
ทังหยางเรียกตัวเขาเอาไว้ “รัชทายาท พระชายารัชทายาทกับฮูหยินเฒ่าที่มาจากต้าซิงกำลังคุยกันอยู่ที่หอเฟิ่งหยี เมื่อครู่ตอนที่นางออกมาได้ให้ข้าน้อยรายงานกับท่านอ๋อง บอกว่าถ้ารัชทายาทกลับมาให้ไปที่หอเฟิ่งหยี ”
“อืม รู้แล้ว ข้าควรจะไปคำนับฮูหยินเฒ่าสักหน่อย”หยู่เหวินเห้าพูด
“ยังมีอีก”ทังหยางลังเลอยู่ชั่วครู่ เดินเข้าไปกดเสียงให้ต่ำลงพูดว่า “รัชทายาท ฮูหยินเฒ่าคนนั้นเหมือนจะน่าแปลกอยู่บ้าง วันนี้ทั้งวันนางเอาแต่ถามแม่นมฉีกับรุ่ยเหอถึงเรื่องภายในจวนก่อนหน้านี้ของพระชายารัชทายาท ยังถามอีกว่ารัชทายาทดีกับพระชายารัชทายาทหรือไม่ เหมือนจะสนใจพระชายารัชทายาทเป็นอย่างยิ่ง ท่านคิดดู นางมีปัญหาอะไรหรือไม่ ”
หยู่เหวินเห้าหันกลับมามองทังหยางอย่างยากลำบาก “แล้วแม่นมฉีกับรุ่ยเหอพูดอะไรกับนางบ้าง”
ทังหยางบอกว่า “แม่นมฉีไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ส่วนเจ้าเด็กรุ่ยเหอนั้นปากไม่มีหูรูด เขาถามอะไรนางก็ตอบไปตามตรง แต่จะว่าไปก็น่าแปลก ตอนที่รุ่ยเหอพูดถึงก่อนหน้านี้รัชทายาทไม่ได้ดีกับพระชายารัชทายาทสักเท่าไหร่ ฮูหยินเฒ่าคนนั้นเหมือนจะโมโหขึ้นมาอยู่บ้าง”
สีหน้าของหยู่เหวินเห้าขาวซีดไป “ไม่ใช่กระมัง โมโหแค่ไหน”
ทังหยางคิดอยู่ชั่วครู่ ,“ก็ตอนที่ข้าน้อยเดินผ่านไป แม้แต่ข้าฮูหยินเฒ่ายังถลึงตาให้หนึ่งที แววตานั้นดุดันเอาเรื่อง น่ากลัวมาก”
หยู่เหวินเห้ายื่นมือออกมากดเอาไว้ที่หัวใจ ถอยหลังไปหนึ่งก้าว พูดด้วยลมหายใจแผ่วเบา“ทังหยาง เจ้าไปบอกพระชายารัชทายาท บอกว่าข้ากลับมาแล้วรู้สึกเจ็บที่หน้าอก ให้นางกลับมาที่ตำหนักเซี่ยวเยว่ก่อน”
“หา รัชทายาทท่านเป็นอะไรมากหรือไม่ ทำไมอยู่ดีๆจึงรู้สึกเจ็บหน้าอก ”ทังหยางถามขึ้นอย่างตื่นเต้น
“ไป”หยู่เหวินเห้าตะคอกเสียงดังเต็มไปด้วยพลังเสียงหนึ่ง