บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 658 เจ้าเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา
วันถัดมาการประชุมช่วงเช้า หยู่เหวินเห้าเข้าวังแต่เช้าเป็นปกติ รออยู่นอกพระตำหนักร่วมกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เพียงรอให้เสียงกลองประชุมเช้าดังขึ้น
วันนี้อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอบฟ้าจึงมีประกายแสงอาบขอบเมฆ พระอาทิตย์ที่เกียจคร้านกระทั่งขอบวงกลมล้วนไม่โผล่ออกมา ทว่ากลับอาบหมอกยามเช้าให้เป็นประกายสีแดงจาง ๆ
นอกจากหมอกยามเช้านั้น พื้นดินยังปกคลุมไปด้วยหมอกเลือนราง หยู่เหวินเห้าตอนออกจากจวนวันนี้ ไม่ได้สวมเสื้อกันลม ด้านในก็ไม่ได้สวมเสื้อผ้าฝ้าย มีเพียงชุดขุนนางที่สง่าผ่าเผยเท่านั้น แต่สง่าผ่าเผยไม่สามารถต้านทานสายลมอันหนาวเหน็บได้ เขาพยายามทำตัวเก่งกาจอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายตัวสั่นโน้มตัวลงข้างไฉ่ซิงเอี๊ย “ไฉ่ซิงเอี๊ย ให้ข้าอิงแอบหน่อย จะได้อบอุ่น”
ไฉ่ซิงเอี๊ยเห็นเช่นนั้นเอ่ยว่า “ฝ่าบาท วันนี้อากาศหนาวเย็น เหตุใดไม่สวมเสื้อผ้าให้มาก?”
“พระชายารัชทายาทไปหมู่ตึกเหมยแล้ว จึงไร้คนดูแลเรื่องพวกนี้” หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างน่าสงสาร
ไฉ่ซิงเอี๊ยกล่าวยิ้ม ๆ ว่า ข้างกายรัชทายาทควรมีคนเพิ่มสักคนสองคนแล้ว ถึงพระชายารัชทายาทจะทรงยุ่ง ฝ่าบาทจะไร้คนดูแลได้เช่นไร?”
หยู่เหวินเห้าสอดสองมือไปมา “ฟังจากคำพูดของไฉ่ซิงเอี๊ย ข้างกายคล้ายมีหญิงงามไม่น้อยทีเดียว”
เลขานุการยิ้มอย่างภูมิใจ “หญิงงามไม่จำเป็นต้องมาก ภรรยาหนึ่งคน ภรรยารองหนึ่งคนเพียงพอแล้ว”
หยู่เหวินเห้าเอ่ยกระซิบว่า “แต่ข้ารับมือไม่ไหว สตรีเพียงคนเดียวกับเด็ก ๆ เลี้ยงยากแล้ว คนเดียวเพียงพอแล้ว”
เลขานุการมองท่าทางขลาดกลัวของหยู่เหวินเห้า คิดว่าพระชายารัชทายาทไม่ได้ดุร้าย เขารู้สึกนับถือพระชายารัชทายาทอย่างยิ่ง เมื่อเป็นเลขานุการกรมคลัง ดูแลจัดการการเงินการคลังของเป่ยถัง ผู้ใดบริจาคเงินเข้าท้องพระคลัง ผู้ใดคือมิตรสหายที่ดี
วันนี้เข้าไม่อยากยุ่งวุ่นวาย แต่เมื่อยืนอยู่กับรัชทายาท คิดไปคิดมาจึงเอ่ยเสียงเบาว่า “ฝ่าบาทวันนี้ต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้ดี ข้าน้อยได้ยินมาว่า วันนี้มีใต้เท้าหลายคนรว่มกันลงชื่อถอดถอนท่าน”
หยู่เหวินเห้าจับแขนของเขา พยายามเขยิบเข้าชิดด้านข้างเขา “ไฉ่ซิงเอี๊ย วันนี้ท่านยืนอยู่ข้างข้าหรือไม่?”
เลขานุการยิ้มเย้ย ขบคิดครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องวุ่นวายนี้ “ข้าน้อยไม่อยากวุ่นวาย”
“ข้าแนะนำคุณชายสี่ให้เจ้ารู้จัก!”
สองมอืเลขานุการกดหนักลงบนข้อมือของหยู่เหวินเห้า ก่อนเอ่ยอย่างมีเหตุผลว่า “ข้าน้อยแม้จะไม่อยากยุ่งยาก แต่ยอมตายเพื่อรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!”
หยู่เหวินเห้ายิ้มกว้างอย่างมีความสุข “ไม่จำเป็นต้องเสียสละชีวิตเพื่อข้า มา ๆ ข้ามีหลายประโยคจะกระซิบบอกท่าน”
อ๋องอานวันนี้ก็มาร่วมประชุมเช้า เมื่อผ่านการฝึกฝนจากค่ายทหารมาช่วงหนึ่ง เขาแข็งแกร่งขึ้นมากมาย เกิดเข้ามาพร้อมขุนนางชั้นผู้ใหญ่
คนเขาเดินมาด้วยคือเลขานุการกรมอาญาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่ผู้นั้น ยังมีแม่ทัพสองคน พวกเขาคล้ายเทพเฝ้าประตูซ้ายขวาประกบข้างอ๋องอานซ้ายขวา ปกป้องอย่างเข้มงวด
อ๋องอานเข้ามาเห็นโสวฝู่ฉู่ จึงพุดคุยกับโสวฝู่ฉู่หลายประโยค หยู่เหวินเห้ายิ้มเข้าไปประสานมือคำนับ “พี่สี่ นานมากแล้วที่ไม่เจอท่านในราชสำนักแห่งนี้ วันนี้ได้พบ กลับรู้สึกแปลกใหม่ยิ่งหนัก”
หลังผ่านเหตุการณ์เมื่อวาน ความรู้สึกของหยู่เหวินเห้าและอ๋องอานล้วนแตกหักไปแล้ว แต่วันนี้หยู่เหวินเห้ากลับเข้ามาทักทายราวไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น อ๋องอานรู้สึกว่าเขาหน้าด้านไร้ยางอายเสียจริง เพราะเหตุนี้จึงไม่สนใจเขา
หยู่เหวินเห้ากลับคล้ายไม่มองสีหน้าของเขาแม้สักนิดเดียว เข้าไปกอดไหล่อ๋องอานก่อนเอ่ยว่า “พี่สี่ คำพูดที่หรงเยว่กล่าวพวกนั้น ท่านอย่าเก็บไปใส่ใจเลย ข้าเชื่อว่าพี่สี่ไม่ได้จ้างนักฆ่ามาสังหารพระชายารัชทายาท อย่าสนใจคนพวกนั้นพูดเหลวไหลเลย”
นอกประตูตำหนักแห่งนี้ แม้มีขุนนางกระซิบกระซาบคุยกัน แต่อย่างไรคือสถานที่ที่เข้มงวด ไร้คนเสียงดังโวยวาย เพราะเหตุนี้จึงถือว่าเงียบสงบ
เสียงหยู่เหวินเห้าดังอย่างมาก คำพูดนี้ดังออกมา เหล่าขุนนางล้วนมองมา พวกเขาเมื่อครู่กระซิบกระซาบกัน คือเรื่องนี้ คิดไม่ถึงรัชทายาทกลับพูดออกมาตรง ๆ
ราชครูเหว่ยวันนี้ก็เข้าประชุมเช้า ได้ยินเช่นนี้ มองมาอย่างรุนแรง ตกใจจนลูกตาแทบถลนออกมา เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนอ๋องอาน ไม่มีผู้คนบอกกล่าวเขา เขาเพิ่งได้รับรู้
อ๋องอานถลึงตาให้หยู่เหวินเห้า จนแทบอยากฉีกปากของเขา เรื่องนี้เมื่อยังไม่ได้ตรวจสอบความจริง ไม่ควรป่าวประกาศ เขาอ้าปากพูดเสียงดังออกมาเช่นนี้ ต้องการระบุว่าเขาจ้างวานนักฆ่าไปสังหารพระชายารัชทายาทหรือ?
อ๋องอานเอ่ยอย่างเย็นว่า “ทุกคนย่อมมีความเป็นธรรมในใจ คนที่รู้จักข้าต่างทราบดีว่าเรื่องนี้เป็นการกล่าวหาเลื่อนลอย เชื่อว่าคงไม่มีคนพูด ทว่ารัชทายาทกลับเสียงดังเช่นนี้ คงเกรงว่าฟ้าไม่รับรู้ ว่ามีแผนการในใจ”
หยู่เหวินเห้าเบิกตากว้าง “ข้าทำสิ่งใด ข้าจะมีแผนอันใดในใจได้อย่างไร?”
อ๋องอานหลังผ่านเรื่องพิธีแต่งงาน ความอดทนที่มีต่อเขาถึงขีดสุดแล้ว และรู้ว่ามีคนจำนวนมากลงชื่อถอดถอนเขา จึงพลันไม่หวาดกลัว ก่อนเอ่ยเสียงเข้ม “รัชทายาท ท่านอย่าคิดข้าไม่รู้ คำพูดที่พระชายาหวยเอ่ยในพิธีแต่งงานพวกนั้น ล้วนเป็นการแนะนำของเจ้า เดิมไม่มีคนต้องการสังหารพระชายารัชทายาท เจ้าเห็นข้าถูกเรียกตัวกลับเมืองหลวง จึงตั้งใจสร้างเรื่องทำร้ายข้า ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าทำร้ายรัชทายาทที่ใด เจ้าถึงใช้วิธีการสกปรกเช่นนี้กับข้า”
หยู่เหวินเห้าได้ยินคำพูดนี้ก็โมโหขึ้น ก่อนเอ่ยอย่างเดือดดาล “หยู่เหวินอัน เจ้ายังหงุดหงิดอยู่อีกหรือ เมื่อครู่ข้าเอ่ยว่าเชื่อเจ้า เพราะไม่อยากทำลายมิตรภาพระหว่างพี่น้อง ทำให้เสด็จพ่อไม่สบายพระทัย เจ้ากับเอาแต่กัดเรื่องนี้ไม่ปล่อย ได้ เจ้าว่าคำพูดของพระชายาหวยได้รับการแนะนำของข้า เจ้าหาหลักฐานออกมา หากไม่มีหลักฐาน วันนี้เจ้ากับข้าไม่เลิกรากันแน่”
“เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวได้เห็นดีกัน” อ๋องอานโมโหจนไม่อยากคุยกับเขา รวมทั้งเลขานุการซุนโน้มน้าวอยู่ข้างกาย เขาจึงถอยไปรออีกด้านหนึ่ง คร้านจะสนใจหยู่เหวินเห้า
หยู่เหวินเห้าก็ถูกโสวฝู่ฉู่ลากตัวออกไป โสวฝู่ฉู่เอ่ยเสียงเข้มว่า “รัชทายาทหยุดพูดเถิด พระชายารัชทายาทตอนนี้ได้หมอหลินแห่งแคว้นต้าซิงถ่ายทอดวิชาแพทย์ ตำรับยารักษาโรคเรื้อนใกล้จะสำเร็จแล้ว พอถึงเวลานั้นเป่ยถังไม่ต้องหวาดกลัวโรคเรื้อนอีกต่อไป กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งเป่ยถัง คนอื่นมีแผนการร้ายในใจอยากจ้างนักฆ่ามาสังหารพระชายาก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่จำเป็นต้องระบุว่าคืออ๋องอาน”
โสวฝู่ฉู่เอ่ยคำนี้ออกมา ทันใดนั้นมีขุนนางไม่น้อยห้อมล้อมเข้ามา ต่างพากันซักถาม
ได้ยินมาตลอดว่าพระชายารัชทายาทมียาวิเศษช่วยรักษาโรคเรื้อนได้ แต่ผู้ใดต่างไม่เชื่อ ทว่าตอนนี้โสวฝู่ฉู่เอ่ยว่าหมอหลินแห่งแคว้นต้าซิงเข้ามาช่วยเหลือ เช่นนั้นเรื่องนี้มีโอกาสเป็นได้สูง
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมือง คือความสงบสุขของราษฎร ทุกคนย่อมยินดีสืบเสาะ และยินดีเห็นถึงผลลัพธ์นี้
กระทั่งขุนนางที่เดิมต้องการลงชื่อถอดถอนหยู่เหวินเห้า ต่างห้อมล้อมเข้ามาซักถาม ทำให้อ๋องอานโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
เสียงกลองประชุมเช้าดังขึ้น ขันทีตรวจฎีกาตะโกนให้ประชุมเช้าอยู่นอกตำหนัก เหล่าขุนนางเรียงรายกันเข้าไป
หลังฮ่องเต้หมิงหยวนเสด็จ เหล่าขุนนางคุกเข่าถวายความเคารพ กล่าวถวายพระพร ฮ่องเต้หมิงหยวนสั่งให้ลุกขึ้น
ฮ่องเต้หมิงหยวยังไม่ทันเอ่ยตรัส เลขานุการซุนเสนอตัวออกมา “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ!”
เลขานุการซุนเสนอตัว มีหลายคนออกมาเสนอตัวตาม “ฝ่าบาท กระหม่อมก็มีเรื่องกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ!”
อ๋องอานก้าวออกไป ก่อนคุกเข่าลงข้างเดียว “ฝ่าบาท กระหม่อมก็มีกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ รัชทายาทตัดสินคดีเลอะเลือน เห็นชีวิตคนเป็นผักปลา!”
ราชฎีกาสิบสองเล่มถูกส่งที่หน้าพระพักตร์ ฮ่องเต้หมิงหยวนอ่านทีละเล่ม หลังอ่านจบ สั่งให้คนหยิบฎีกาลงไปให้หยู่เหวินเห้าดู แม้ยังไม่ได้เอ่ยตำหนิ ทว่าใบหน้าเขียวคล้ำแล้ว
หยู่เหวินเห้ารับมาอ่าน ไม่เข้าใจบางส่วน “ฝ่าบาท ฎีกานี้คือสิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่เคยตัดสินคดีผิดพลาด จะกล่าวหาว่าเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาได้เช่นไร?”
เลขานุการซุนเอ่ยอย่างจริงจังว่า “รัชทายาท ตอนนี้กรมการพระนครได้ตัดศีรษะนักโทษคนหนึ่งมิใช่หรือ?”
หยู่เหวินเห้าพยักหน้า “ไม่ผิด มีเรื่องเช่นนี้จริง”
เลขานุการซุนตื่นตระหนก “ฝ่าบาท ท่านสังหารคนผิดแล้ว คนผู้นั้นมิใช่ฆาตกรตัวจริง ฆาตกรตัวจริงได้มามอบตัวแล้ว กระหม่อมและโสวฝู่ฉู่ร่วมกันไต่สวน มั่นใจว่าเขาคือฆาตกรตัวจริงอย่างไม่ต้องสงสัย กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ คนที่ท่านตัดสินไปนั้น ได้ไร้ความผิด”