บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 659 ราชครูเหว่ยยืดอกออกมา
คำนี้ดังออกมา ทั่วราชสำนักโกลาหล!
ทุกคนต่างมองที่หยู่เหวินเห้า อยู่ในเมืองหลวง กลับเกิดคดีความที่ไม่เป็นธรรมขึ้น ไม่แปลกที่เมื่อวานราษฎรต่างสร้างความวุ่นวาย
หยู่เหวินเห้ากลับสับสนมึนงง “ฆาตกรตัวจริงยอมมอบตัวหรือ แต่ข้าตรวจสอบแล้ว คดีนี้มีหลักฐานแน่ชัด ฆาตกรยอมรับสารภาพผิดแต่โดยดี”
อ๋องอานเอ่ยเย็นชาว่า “สารภาพหรือ คงกลัวการทรมานกระมัง รัชทายาทผู้สง่างามกลับจัดการคดีโดยทรมานให้สารภาพผิด ช่างไร้หลักการเสียจริง!”
หยู่เหวินเห้ามีสีหน้าจริงจังทันที ก่อนเอ่ยว่า “ทูลเสด็จพ่อ กระหม่อมไม่ได้ทรมาน ฆาตกรยังยอมรับสารภาพเรื่องจริงที่ว่าได้ผลักคนตายลงแม่น้ำพ่ะย่ะค่ะ และมีทั้งพยานบุคคลและหลักฐาน ปฏิเสธไม่ได้แน่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทำตามกฎของเป่ยถังในการสั่งพิพากษาตัดศีรษะของฆาตกร เหตุใดจึงถือกลายเป็นเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา ส่วนฆาตกรแอบอ้างออกมาอะไรนั่น ช่างประหลาดเสียจริง เมื่อมีข้อสงสัย เหตุใดกรมอาญาจึงไม่พูดคุยกับกรมการพระนครก่อนแล้วค่อยถวายฎีกา?”
เอ่ยจบ เขามองเลขานุการซุน
เลขานุการซุนตะลึงงันชั่วขณะ “คดีฆ่าคนริมแม่น้ำหรือ ข้าน้อยไม่ได้พูดถึงคดีนี้ แต่เป็นคดีที่อู๋จู้และนางจวย ถูกฆ่าตาย คดีนี้ท่านอ๋องได้ส่งสำนวนคดีมา พร้อมเอ่ยว่าปิดคดีแล้ว แต่ข้าน้อยเห็นว่าจับฆาตกรผิดคน และฆาตกรตัวจริงได้มามอบตัวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
อู๋จู้ คือพ่อหม้ายผู้นั้น ส่วนนางจวย คือภรรยาของคนขายเนื้อ
หยู่เหวินเห้ากลับเอ่ยอย่างประหลาดใจ “ขณะที่ส่งคดีของอู๋จู้และนางจวย ให้กรมอาญา ข้าได้ระบุในเอกสารที่แนบไป รอให้คดีนี้ถูกส่งถึงกรมอาญา ฆาตกรจะมามอบตัว ตอนนี้ฆาตกรมามอบตัวที่กรมอาญาแล้วมิใช่หรือ?”
สีหน้าเลขานุการซุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย “นี่ เช่นนั้นตอนนี้ท่านอ๋องยังไม่ได้ประหาร และไม่ใช่ฆาตกรในคดีนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
หยู่เหวินเห้าจึงเอ่ยว่า “ย่อมไม่ใช่ ใต้เท้าซุน ท่านเป็นอันใด สำนวนคดีที่ข้าส่งไปทุกแผ่น เขียนไว้ชัดเจน ที่ประหารชีวิตคือฆาตกรในคดีฆ่าคนริมแม่น้ำ ส่วนคดีนางจวยและ อู๋จู้ถูกฆ่าตาย ผู้ต้องสงสัยยังถูกขังอยู่ในคุกของกรมการพระนคร”
เลขานุการซุนประหลาดใจ ทันใดนั้นความหยิ่งผยองหายไป ก่อนหวาดกลัวขึ้นมา “ขะ…ข้าน้อยอาจไม่ได้ดูให้ละเอียด”
เลขานุการซุนสับสนในใจอย่างหนัก ไม่ได้อ่านให้ละเอียด? ก่อนนี้กรมการพระนครส่งมอบสำนวนคดีมา และมีสำนวนของหลายคดีจริง แต่จำได้ว่าซือเย๋เอ่ยกับปากว่า ท่านอ๋องพิพากษาโทษตายให้แก่คนขายเนื้อและตัดศีรษะเขาแล้ว คงไม่ได้ฟังผิด ตอนนั้นมีหลายคนที่ได้ยินกับหูอยู่ที่นั่น
เลขานุการซุนมองหยู่เหวินเห้า ใบหน้าเขางงงวย แต่แววตากลับดูมองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ในใจพลันกระจ่าง เรื่องเป็นแผนอย่างหนึ่ง
เขารู้แต่แรกว่าคดีเหล่านี้คือแผนการของอ๋องอาน ต้องการให้ฆาตกรปรากฏตัว ต้องประหารคนคนหนึ่งพร้อมประกาศออกไปว่าคดีนี้สิ้นสุดแล้ว
“ซุนหยี!” ฮ่องเต้หมิงหยวนตะโกนอย่างโมโห “เจ้าทำงานเช่นไร?”
เลขานุการซุนกระโจนคุกเข่าลงไป ก่อนเอ่ยอย่างตื่นตระหนก “ทูลฝ่าบาท กระ…กระหม่อมเพียงบกพร่องในการตรวจสอบ ขอฝ่าบาทประทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“บกพร่องในการตรวจสอบ?” เลขานุการกรมคลังเสนอตัวออกมา ก่อนเอ่ยอย่างหนักแน่น “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ รัชทายาทเพิ่งจัดการลงโทษฆาตกรผู้นั้น เมื่อวานล่ำลือจนแพร่สะพัดกันไปทั่ว เหล่าราษฎรต่างออกมาประท้วง เมื่อวานกระหม่อมเข้าไปนั่งที่โรงชาหุ้ยปินครู่เดียว ได้ยินแขกเหรื่อต่างด่าทอรัชทายาท เมื่อสอบถามอย่างละเอียดจึงรู้ว่าข่าวเหล่านี้ล้วนหลุดมาจากกรมอาญา ตอนนั้นกระหม่อมรู้สึกประหลาด กรมอาญาจัดการคดี เข้มงวดมาตลอด โดยเฉพาะคดีมีจุดที่น่าสงสัย จำเป็นต้องส่งกลับไปตรวจสอบอีกครั้ง ไม่ควรให้หลุดรอดออกไปด้านนอกเด็ดขาด กระหม่อมประหลาดใจยิ่งพ่ะย่ะค่ะ วันนี้เพียงเปิดการประชุมเช้า มีฎีกาสิบสองฉบับร้องเรียนรัชทายาท เรื่องนี้มีปัญหาบางอย่างแน่นอน ขอให้ฝ่าบาททรงตรวจสอบให้ละเอียดด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนสีหน้าเคร่งขรึม แววตาคมกริบกวาดมองไป เหล่าขุนนางที่ถวายฎีการ้องเรียนเมื่อครู่ล้วนก้มหน้าลงทั้งหมด
อ๋องอานจึงกล่าวว่า “ฝ่าบาท เมื่อครู่รัชทายาทเอ่ยว่าขณะส่งมอบคดีนี้ให้กรมอาญา มีเอกสารแนบอยู่ด้านหลังที่ระบุว่าฆาตกรจะเข้ามามอบตัวเอง เดาว่าเขาคงรู้ว่าฆาตกรคือผู้ใด เมื่อรู้ว่าฆาตกรคือผู้ใด เหตุใดไม่รีบจับกุม และรอให้เขาเข้ามามอบตัว?”
หยู่เหวินเห้าเอ่ยว่า “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมได้ส่งคนไปตามจับเขาแล้ว เขาสารภาพยอมรับผิด หลังจากนั้นแสดงความต้องว่าจะไปมอบตัวที่กรมอาญา กระหม่อมจึงมอบโอกาสนี้ให้แก่เขา ระหว่างทางส่งคนประจบ กลัวกรมอาญาไม่เข้าใจเรื่องคดี จึงนำสำนวนคดีส่งไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
อ๋องอายยิ้มอย่างเย็นชา “ยอมมอบตัวเหตุใดต้องไปกรมอาญา ไปมอบตัวที่กรมการพระนครของเจ้าได้เช่นกัน และล้วนมั่นใจยอมรับสารภาพผิดแล้วจึงเอ่ยขอเข้ามอบตัว คิดหลอกลวงผู้ใด?”
หยู่เหวินเห้าตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นพลันเข้าใจขึ้นมาทันที “จริงสิ หากขอมอบตัว ไปมอบตัวที่กรมการพระนครได้เช่นกัน ฆาตกรผู้นี้คิดเล่นละครอันใดกันแน่ จำเป็นต้องไปมอบตัวที่กรมอาญา ดูท่าต้องมีลับลมคมใน กระหม่อมขอเสนอ ควรตรวจสอบอย่างรอบคอบอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้า…” อ๋องอานโมโหจนแน่นหน้าอก เขาพูดเช่นนี้ เป็นการบอกว่าคนที่มามอบตัวนี้มีปัญหาหรือ?
เหล่าขุนนางต่างรู้สึกแปลกใจ คดีนี้ดำเนินการโดยกรมการพระนคร ฆาตกรกลับต้องการไปมอบตัวที่กรมอาญา และเมื่อครู่เลขานุการกรมคลังก็พูดแล้ว คดีหลุดรอดออกไป เพราะกรมอาญาเป็นคนปล่อยออกไป เช่นนั้นกรมอาญาและฆาตกรคิดทำสิ่งใดกันแน่?
ดูท่า มีคนต้องการจัดการรัชทายาทจริง เมื่อครู่ที่นอกตำหนัก รัชทายาทเอ่ยพูดเรื่องคนในวังอ๋องอานจ้างนักฆ่ามาสังหารพระชายาขึ้นมา หรือว่า…
ราชครูเหว่ยเสนอตัวออกมาอย่างสั่นเทา ดวงตาสองคู่เฉียบคม “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ!”
ราชครูเหว่ยก่อนนี้ในราชสำนัก เพราะเรื่องพระชายารัชทายาทขึ้นไปบนเขาโรคเรื้อนกราบทูลคัดค้าน ขณะตื่นตระหนก กลับศีรษะกระแทกจนทำให้ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้รักษาตัวให้ดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ยังดูอ่อนแออย่างยิ่ง
ฮ่องเต้หมิงหยวนเห็นเขา สีหน้าเคร่งขรึมจึงอ่อนโยนลงเล็กน้อย “ราชครูเชิญกล่าวมาเถิด”
ราชครูเหว่ยคุกเข่าลงอย่างสั่นเทา ก่อนเอ่ยอย่างจริงจัง “กระหม่อมไร้หลักฐาน กระหม่อมขอร้องเรียนอย่างเร่งด่วน ร้องเรียนว่าอ๋องอานจ้างนักฆ่าสังหารผู้คน สร้างพรรคพวกทำการอย่างเปิดเผย ใส่ร้ายรัชทายาท แทรกแซงทำลายราชสำนักพ่ะย่ะค่ะ!”
อ๋องอานโมโหขึ้นมาทันควัน “ราชครูเหว่ยอย่างพูดเหลวไหล นี้แสดงชัดเจนว่าเป็นแผนการใส่ร้ายของรัชทายาท!”
ฮ่องเต้หมิงหยวนตรัสอย่างเย็นชา “ราชครูเหว่ยลุกขึ้น นั่งลงก่อนเถิด แล้วค่อยพูดคุยกัน”
ภายในพระตำหนัก เงียบงันไร้สุ้มเสียง ทหารรักษาพระองค์ยกเก้าอี้มาให้ราชครูเหว่ยเพื่อให้เขานั่งลง ราชครูเหว่ยตื่นตระหนกเกินไป จึงไอติด ๆ กันหลายครั้ง ไอจนสีหน้าแดงเข้มขึ้น ก่อนเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ฝ่าบาท ในราชวงศ์พี่น้องไม่ลงรอยคือสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง ต้องปรองดองกัน วันนี้อ๋องอานร่วมกับสิบเอ็ดขุนนางร้องเรียนรัชทายาท ทว่ากลับสร้างเรื่องใส่ความขึ้น กรมอาญามีคดีที่น่าสงสัย ไม่รายงาน และไม่ส่งกลับไป กลับร่วมกันลงชื่อร้องเรียนถอดถอนเช่นนี้ แล้วอ้างว่าไม่ระวังหรือไม่ตรวจสอบให้รอบคอบเพื่อให้รอดพ้น หากไม่มั่นใจอย่างมาก จะมีคนมากมายร่วมกันลงชื่อเช่นนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ คิดไม่ถึงพวกเขาสิบกว่าคนต่างตกหลุมพรางของรัชทายาท รัชทายาทแม้ใช้แผนที่ไม่เหมาะสมถือเป็นการปกป้องตนเอง และฉีกหน้ากากอันน่าเกลียดของพวกเขา นอกจากนี้กระหม่อมยังทราบว่า มีคนกล่าวหาคนในจวนอ๋องอานจ้างนักฆ่ามาสังหารพระชายารัชทายาท เรื่องนี้หากตรวจสอบความจริง ความตั้งใจของอ๋องอานรุนแรงระดับใด เมื่อครู่ที่นอกตำหนัก ข้าได้ยินมีคนถกเถียงว่ามีอันธพาลมาโหวกเหวกอาละวาดที่หน้าวังหลวง ต้องการให้อ๋องอานขึ้นดำรงตำแหน่งแทนรัชทายาท เหตุใดไม่มีขื่อมีแปเช่นนี้ พวกกบฏเหล่านี้ ต้องประหาร ประหารให้สิ้นพ่ะย่ะค่ะ!”
ราชครูเหว่ยชื่นชอบการพูดโดยไร้หลักฐานที่สุด และสิ่งที่เขากลัวที่สุด การสั่นคลอนของราชบัลลังก์ จินตนาการของคนแก่อายุมากยังแตกต่างอย่างสมบูรณ์ เมื่อเป็นคนโหดเหี้ยม เพียงผู้ใดเข้าใกล้จุดนี้ เขากล้ากระทั่งใช้ศีรษะของตนพุ่งชนคนเหล่านั้นทุกเมื่อ
แม้เขาเคยประณามพระชายารัชทายาท แต่นั่นเป็นเพราะพระชายารัชทายาทไร้คุณธรรม ทำลายชื่อเสียงของรัชทายาท
เมื่อครู่เห็นรัชทายาทและอ๋องอานพิพาทกันที่นอกตำหนัก ในใจเขาจึงรู้สึกไม่ดี ตอนนี้รัชทายาทในใจเขาคือคนที่สำคัญที่สุด ผู้ใดแตะต้องล้วนต้องโดนดี
หลังเข้ามาในตำหนัก เห็นสิบสองขุนนางร่วมกันลงชื่อร้องเรียนรัชทายาท เขารู้สึกวันนี้โสวฝู่ฉู่เรียกเขามาประชุมเช้าคือเรื่องที่ถูกต้องแล้ว