บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 663 จะทำยังไงให้เจ้าชอบ
วันนี้ย่าหยวนตื่นแต่เช้า มีความสุขมาก ไปดูที่หน้าประตูสองครั้ง และในที่สุดก็เห็นรถม้าของจวนอ๋องกลับมา นางจึงรีบเดินลงจากบันไดหินเพื่อไปต้อนรับ
สวีอีที่กำลังขับรถม้าเห็นในระยะไกล และพูดว่า “ทำไมฮูหยินใหญ่ถึงสวมชุดบางเช่นนั้นออกมา? วันนี้ลมแรง เดี๋ยวจะหนาว”
หยวนชิงหลิงเปิดม่านออก และเห็นฉี่หลอพยุงแขนท่านย่าออกมา อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ ไม่สวมเสื้อคลุม ยืนอยู่ที่หน้าประตูจวน ถูกลมพัดจนยืนไม่นิ่ง
นางรู้สึกเจ็บปวดใจ ตอนที่อยู่บนเขา ท่านย่ามักจะถามถึงเรื่องของเด็กๆ ในใจนางคิดอยากเจอมาตลอด มาได้นานขนาดนี้แล้ว แต่ยังไม่เคยได้เห็นสักครั้ง
เมื่อรถม้าหยุดลง หยู่เหวินเห้าก็อุ้มซาลาเปาลงจากรถม้าก่อน และเดินตรงไปหาท่านย่า
เดิมทีซาลาเปาหลับอยู่บนรถม้า หลังจากที่รถม้าหยุด เขาก็ลืมตาขึ้น และทำท่ายืดเส้นยืดสาย
หยู่เหวินเห้าอุ้มซาลาเปาไปตรงหน้าย่าหยวน ย่าหยวนมองดูใบอ้วนตุ้ยนุ้ย จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา เอื้อมมือไปกอด หยวนชิงหลิงเดินเข้ามา จับนางด้วยมือข้างหนึ่ง “ปรับท่านไม่ยอมให้อุ้มลูก” อากาศหนาวเช่นนี้ไม่รู้จักใส่เสื้อคลุมหนาๆค่อยออกมา หนาวจนริมฝีปากเป็นสีคล้ำแล้ว”
หลังจากพูดจบ ก็บังคับและพยุงนางเข้าไป ย่าหยวนก็คร่ำครวญ “ขอให้ข้าดูหน่อย”
“เข้าไปข้างในแล้วค่อยดูได้ไหม? กลับมาแล้วก็หนีไปไหนไม่ได้แล้ว”หยวนชิงหลิงพูดอย่างไม่ให้โอกาสอธิบาย
ย่าหยวนพูดทั้งน้ำตา “ที่หลานเขยอุ้มคือลูกคนโตหรือเปล่า? เหมือนเจ้า เหมือนตอนที่เจ้ายังเป็นเด็ก”
หยวนชิงหลิงยื่นมือเพื่อเช็ดน้ำตาให้นาง “ดูท่านซิ ทำไมยังหลั่งน้ำตาอยู่?”
“มีความสุข!” ย่าหยวนถอนหายใจเบาๆ
เมื่อเข้าไปในบ้าน ย่าหยวนมองดูเด็กสามคนที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง นางน้ำตาคลอเบ้า ลูบหน้าเด็กๆทีละคน และพูดกับเด็กๆอย่างระมัดระวังและสะอื้น “เจอกันครั้งแรก ข้าคือย่าทวดของพวกเจ้า”
หลังจากพูดจบ น้ำตาก็ไหลออกมา
หยวนชิงหลิงหันกลับมาทันที น้ำตาคลอเบ้า
ย่าหยวนดึงมากอดทีละคน มองดูอย่างเคลิ้บเคลิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตา ร้องไห้แล้วหัวเราะ แล้วมองดูหยวนชิงหลิงและถอนหายใจ “ถ้าพ่อแม่เจ้าได้เห็นก็คงดี แค่แวบเดียวก็ยังดี”
หยวนชิงหลิงหดหู่ใจ และแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
แม้ว่านางจะหลอกตัวเองมาตลอดว่านางแต่งงานมาอยู่ในที่ห่างไกล และพวกท่านยังมีชีวิตอยู่เหมือนกัน แต่ความจริงมันไม่เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าไกลแค่ไหนนางก็สามารถกลับไปได้ แต่ตอนนี้นางจะกลับไปอย่างไง?
หยู่เหวินเห้ากลัวพวกนางเป็นเช่นนี้ ทุกครั้งที่พวกนางพูดถึงคนในครอบครัว เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอก และเข้ากับพวกนางไม่ได้
เขานั่งเงียบๆ คิดว่าถ้ามีวิธี หวังว่าพ่อแม่ของเจ้าหยวนจะมา เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องกังวลว่าสักวันเจ้าหยวนจะทิ้งเขาไป
ทะเลสาบจิ้ง……มีความลึกลับจริงหรือ? หรือต้องไปอีกครั้ง ไหนบอกว่าหมาป่าหิมะยังรู้จักวิธีกลับบ้าน? ถ้างั้นก็ทิ้งหมาป่าหิมะไว้
เขาคิดฟุ้งซ่านอยู่ครู่หนึ่ง ทนไม่ได้ที่ต้องเห็นฉากเสียน้ำตาเช่นนี้ แล้วหาเหตุผลบางอย่างเดินออกไป
เด็กๆอยู่ต่อหน้าย่าหยวนดูมีมารยาทและเชื่อฟังมาก ดีใจจนกระโดดโลดเต้น หัวเราะดีใจ ยิ้มเหมือนนางฟ้า เผยฟันทั้งสี่ซี่ข้างหน้า
ย่าหยวนรักสุดๆ ไม่ยอมละสายตาจากไปไหน เมื่อเห็นใบหน้าที่คล้ายกันของทั้งสาม รู้สึกตกตะลึง
หัวใจที่สั่นสะท้าน ความสัมพันธ์ครอบครัวที่ข้ามมิติมายังคงดำเนินต่อไป สิ่งเดียวที่เสียใจคือ ตายายของเด็กไม่มีโอกาสได้พบเห็น
“เยี่ยมมาก เยี่ยมมาก” ย่าหยวนเงยหน้าขึ้นมองหยวนชิงหลิง ดวงตาอ่อนหวานและเปี่ยมด้วยความรัก “เป็นผู้ชายทั้งหมด ถ้าสามารถเพิ่มผู้หญิงหนึ่งคนก็คงดีมาก”
หยวนชิงหลิงไม่คาดคิดว่าผ่านไปตั้งนานท่านย่าจะพูดประโยคนี้ และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ท่านย่าทำงานทีมเร่งการผลิตลูกแล้วเหรอ?”
ย่าหยวนก็หัวเราะ เอื้อมมือไปแตะหน้าทังหยวนเบาๆ “ท่านย่าหวังว่าเจ้าจะมีทั้งลูกชายลูกสาว เพียงแต่ว่า ในยุคนี้ ผู้หญิงที่คลอดบุตรเหมือนการเดินผ่านประตูยมทูตมาหนึ่งรอบ ย่าไม่อยากให้เจ้าต้องลำบากอีกแล้ว ช่างเถอะ วันนั้นได้ยินหมันเอ๋อพูดในเมืองหลวงมีเด็กที่ถูกทอดทิ้งมากมาย หลังจากกลับไปแล้วไปรับเลี้ยงไว้สักคน ถือว่าเป็นลูกที่ตัวเองคลอดออกมา”
หยวนชิงหลิงตอบเบาๆ วางเด็กๆไว้บนพรมให้คลาน ขณะที่นางก็ยังนั่งข้างๆท่านย่า ว้าวุ่นและหดหู่ใจ
เด็กๆมีความผูกพันย่าทวด ซึ่งทำให้หยวนชิงหลิงพอใจมาก ถือได้ว่าเด็กๆพวกนี้รู้ความ
จวนอ๋องอาน
ราชโองการลงมา และให้อ๋องอานไปรับตำแหน่งหยวนไว้หลันที่กรมโยธาธิการ
อ๋องอานคุกเข่ารับราชโองการ ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
หลังจากขุนนางที่อ่านราชโองการจากไปแล้ว อ๋องอานกลับไปที่ห้องหนังสือ โยนแผ่นราชโองการลงบนพื้น และยิ้มเยาะเย้ย “หยวนไว้หลัน? นี่เขาจงใจกดดันข้าไม่ให้ข้าโดดเด่น”
อะหลูค่อยๆหยิบราชโองการขึ้นมา ตบฝุ่นออก พูดเสียงเบา “ท่านอ๋องทรงสงบสติอารมณ์”
“สงบสติอารมณ์เหรอ?” อ๋องอานปัดของบนโต๊ะลงบนพื้นด้วยมือข้างหนึ่ง ใบหน้าซีดเซียว “จะให้ข้าสงบสติอารมณ์ได้อย่างไร? เสด็จพ่อรังแกคนเกินไป วันนั้นที่ราชสำนัก ทำไมเขาถึงดูไม่ออกกลอุบายของหยู่เหวินเห้า? แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลย ฟังแต่การคาดเดา ข้าทำผิดก็จริง แต่ทั้งสิบสองคนถูกปรับเงินเดือนเพียงหนึ่งปี ทำไมต้องย้ายข้าไปรับตำแหน่งหยวนไว้หลันที่กรมโยธาธิการ หยวนไว้หลัน? เจ้าหน้าที่ขั้นห้า ถ้าข้าเดินออกไป คงจะถูกหัวเราะเยาะจนหน้าแดงแน่นอน”
อะหลูก้าวไปข้างหน้าและปลอบโยน “ท่านอ๋องไม่ต้องกลุ้มใจ กรมโยธาธิการก็เป็นสถานที่มีประโยชน์ มีคนมากมายต้องการประจบประแจง ขั้นแรกต้องสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ในอนาคตค่อยๆคิดแผนการ
เมื่ออ๋องอานได้ยินเช่นนี้ ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น “มีประโยชน์? ข้าเป็นเพียงหยวนไว้หลัน ระดับบนยังมีเลขานุการ เจ้ากรม เมื่อไหร่จะถึงตาข้า?”
อะหลู่ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ แม้ปากจะปลอบใจอ๋องอาน แต่ก็มีความปิติยินดีอยู่ในใจเล็กน้อย
เป็นเช่นนี้ก็ดี ถ้าท่านอ๋องโค่นล้มรัชทายาทได้จริงๆ ในใจท่านอ๋องนางจะไม่มีผลประโยชน์อะไรแล้ว มีเพียงช่วงที่ท่านอ๋องเจออุปสรรคเท่านั้น ถึงจะคิดถึงนาง
อ๋องอานเหลือบมองดูนางอย่างโกรธเคือง นึกถึงสิ่งที่พระชายาหวยพูด และอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเคร่งขรึม “ช่วงนี้เจ้าทำงานไม่น่าเชื่อถือขึ้นเรื่อยๆ ในงานแต่งงานให้พระชายาหวยนางแพศยาคนนี้พูดไร้สาระ ตอนนี้ไม่มีหลักฐาน แต่ข้างนอกมีกี่คนที่เชื่อเรื่องนี้? และเมื่อหยวนชิงหลิงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ก็จะมาโทษว่าเป็นความผิดของข้า มันไร้เหตุผลสิ้นดี”
อะหลูลืมตาขึ้น แล้วถอนหายใจเบาๆ “ท่านอ๋อง ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าหรงเยว่จะพูดโดยไม่ไตร่ตรอง? สาเหตุของเรื่องนี้ก็คือคนรอบๆข้างของพระชายาพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องกับนาง จึงทำให้หรงเยว่ฉวยโอกาสโจมตี”
ตาของท่านอ๋องจ้องมองเหมือนคมมีดเหล็ก “เรื่องไม่เป็นเรื่อง? เป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง? เรื่องแบบนี้ถ้าเจ้ายังทำผิดพลาดอีก แม้ว่าเจ้าจะมีความสามารถที่จะบินขึ้นไปบนฟ้าได้ ข้าก็จะไม่ใช้งานเจ้าอีก ข้าเคยบอกเจ้าหลายครั้งแล้ว ห้ามไม่ให้เจ้าไปยั่วยวนพระชายา อะหลู เจ้าฉลาดขนาดนี้ ควรเข้าใจว่าความอดทนของข้ามีขีดจำกัด ข้าให้อภัยเจ้าได้แค่ครั้งเดียว จะไม่มีครั้งที่สองแน่นอน”
อะหลูหลับตาลง ขนตาสั่นเล็กน้อย “อะหลูจะจำไว้ คราวหน้าจะไม่ให้ผิดพลาดอีก”
นางค่อยๆหันหลังเดินออกไป ยืนอยู่หน้าระเบียงทางเดิน มองดูใบไม้สีเหลืองที่ร่วงหล่นอยู่ตรงหน้าทางเดิน ริมฝีปากขดขึ้นและมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น และจู่ๆในแววตาก็มีแสงประกายวาบวาบแห่งความชั่วร้าย
ถ้าข้าไม่เต็มใจ เจ้าจะมีความสุขได้อย่างไร?