บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 665 ดูได้ทุกที่
ในเป่ยถังหนึ่งปีจะมีเทศกาลสามอย่างซึ่งครึกครื้นและมีชีวิตชีวามาก
หนึ่งคือเทศกาลฤดูหนาว อีกวันคือวันเกิดของฮ่องเต้หมิงหยวน และอีกอันคือวันส่งท้ายปีเก่าและวันปีใหม่
ก่อนหน้านี้หยวนชิงหลิงได้เข้าร่วมงานเทศกาลฤดูหนาววันสิ้นปีและวันปีใหม่ ซึ่งไม่ได้จัดใหญ่โตนัก นี่เป็นเพราะมีเงินทองไม่พอใช้จ่าย เลยไม่ได้จัดใหญ่
คราวนี้เหมือนกับฮ่องเต้หมิงหยวนต้องการล้างความอัปยศจากความยากจนครั้งก่อน และจัดงานเทศกาลฤดูหนาวอย่างยิ่งใหญ่ เครือญาติในราชวงศ์ พวกขุนนางระดับสูง แม้แต่ขุนนางที่ได้รับแต่งตั้งในเมืองต่างๆและเจ้าพระยาพร้อมครอบครัวได้รับเชิญเข้าสู่วังด้วยกัน
ฮ่องเต้หมิงหยวนอยู่ในตำหนักเฉียนหยวนได้รับการกราบไหว้จากนั้นก็พาเหล่าขุนนางกลับไปที่สวนว่าง สวนว่างมีขนาดใหญ่มาก อยู่ระหว่างตำหนักด้านหน้าและลานด้านใน การจัดงานเลี้ยงขนาดใหญ่ทุกครั้ง จะอยู่ในสวนว่าง
เมื่อรัชทายาทและพระชายารัชทายาทมาถึง ในสวนว่างมีคนจำนวนมากรวมตัวกัน อากาศก็หนาวกว่าช่วงก่อนเล็กน้อย ดังนั้นแขกทุกคนจึงแต่งตัวหรูหรามาก
คราวนี้ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว เพราะสามารถนำสมาชิกในตระกูลมาได้ ภรรยาขุนนางทั้งหลายต่างพาลูกชายลูกสาวของตัวเองที่พร้อมจะแต่งงานเข้ามาในวัง เหมือนงานเลี้ยงหาคู่ขนาดใหญ่
การปรากฏตัวของหยู่เหวินเห้าและภรรยา ทำให้เกิดความโกลาหล ดวงตาของแขกทุกคนจับจ้องไปที่ร่างกายของหยวนชิงหลิง แต่เมื่อหยวนชิงหลิงสังเกตดีก็ค้นพบว่า จุดสนใจส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ร่างกายของหยู่เหวินเห้ามากกว่า
วันนี้หยู่เหวินเห้าแต่งตัวหรูหรามาก ชุดสีม่วงแดงลายมังกรสี่กรงเล็บ เข็มขัดหยกสีทองม่วง และมงกุฏหยกสีทอง ใบหน้าสดใสและหนักแน่น คิ้วและตาเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่มีคุณธรรม
มีชาติกำเนิดมาจากทหาร หลังตรง หุ่นเพรียว เวลาเดินดูเหมือนคนแข็งแกร่งหนักแน่น เวลาหยุดเดินก็สง่างาม บวกกับมีตำแหน่งของรัชทายาท นี่คือจุดโฟกัสที่น่าสนใจจริงๆ
ความโดดเด่นของเขาได้ปิดทับภรรยาของเขาอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าหยวนชิงหลิงจะเป็นตัวเอก แต่วันนี้ก็เป็นได้แค่นางรองของเขา
ในวันนี้หยวนชิงหลิงได้สังเกตเป็นพิเศษ และพบว่าเป็นอย่างที่พระชายาจี้พูดไว้ ในสถานที่นี่มีสาวๆหลายคนทาปากสีชมพู ในสายตาแค่ต้องการจ้องมองที่ร่างกายของหยู่เหวินเห้า
นางแอบถอนหายใจ ช่างโอ้อวดจริงๆ เป็นที่ดึงดูดของคนทุกคน
หยู่เหวินเห้าไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งนี้เลย วันนี้เขาตั้งใจแต่งตัวมาโดยเฉพาะ เพราะวันนี้เขามีความสุขมาก ความอัดอั้นตันใจที่ภรรยาเคยได้รับ ในที่สุดก็หลุดพ้นจากความทุกข์นั้น
หัวใจเปี่ยมไปด้วยความสุข แหงนหน้ายึดอก เหมือนชายที่กลับมาจากการสู้รบอย่างทะนง
หยวนชิงหลิงก็มีสายตามากมายจับจ้องเช่นกัน มีภรรยาคนหนึ่งพาลูกสาวของนางไปข้างหน้าทำความเคารพแสดงความยินดี หยวนชิงหลิงยิ้มและทักทายไปสองสามคำกับคนที่นางไม่รู้จัก รู้สึกเหมือนไม่มีพละกำลังที่จะทำ ปกตินางไม่เก่งกับการเข้าสังคม
ยังดีที่พระชายาจี้เข้าใจนาง รีบเข้าไปช่วยนางจัดการ แล้วก็พานางไปที่ตำหนักสู้ซิน
ตำหนักสู้ซินตั้งอยู่มุมทิศเหนือของสวนว่าง ค่อนข้างเงียบสงบ นางสนมในวังก็มานั่งสนทนาที่นี่ชั่วคราว พระชายาอานพระชายาซุนและหรงเยว่ก็มา กำลังสนทนากับเต๋อเฟยและฮู่เฟย และยังมีฮูหยินอีกหลายคนที่หยวนชิงหลิงไม่เคยเห็น แต่งตัวหรูหรามาก มีสองคนที่นั่งข้างๆเต๋อเฟย ดูจากรูปลักษณ์ เหมือนแม่และลูกสาว จากนั้นเต๋อเฟยได้แนะนำ จึงรู้ว่าเป็นลูกสาวขององค์หญิงพระองค์ใหญ่ชื่อจวิ้นจู่องจิ้งและลูกสาวสุดที่รักของนางเสี้ยนจู่โหรหมิ่น
ด้วยเหตุนี้หยวนชิงหลิงจึงเหลือบมองที่เสี้ยนจู่โหรหมิ่นอีกครั้ง เพราะวันนี้พระชายาจี้เคยพูดลูกสาวของจวิ้นจู่องจิ้งใฝ่ฝันอยากได้หยู่เหวินเห้า ก็เลยอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองหลายครั้ง
เสี้ยนจู่โหรหมิ่นมีรูปลักษณ์เหมือนแม่ รูปลักษณ์สวยงามโดดเด่น นั่งอยู่ที่นั่น สง่างามมาก เกิดในตระกูลผู้ดี รูปลักษณ์อุปนิสัยก็สามารถดูออกได้
หยวนชิงหลิงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย อุปนิสัยก็เห็นได้ชัดเจน ดูแล้วไม่ใช่คนชอบพัวพันใคร
เพราะจวิ้นจู่องจิ้ง เป็นผู้อาวุโส ดังนั้นหยวนชิงหลิงจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อคำนับนาง จวิ้นจู่องจิ้งมองนาง ด้วยรอยยิ้มที่ดูดีและไม่คุ้นเคย “พระชายารัชทายาทไม่ต้องพิธีรีตอง”
หลังจากพูดจบ จวิ้นจู่องจิ้งก็หันมามองลูกสาวตัวเองเสี้ยนจู่โหรหมิ่น
ตามธรรมเนียมทั่วไป เสี้ยนจู่โหรหมิ่นต้องคำนับหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงรู้กฎของราชวงศ์ และคิดว่าเป็นเช่นนั้น ดังนั้นจึงต้องการให้เป็นมิตรมากขึ้น “ไม่ต้องพิธีรีตอง นั่งลงก็ได้แล้ว”
ไม่มีใครรู้ เสี้ยนจู่โหรหมิ่นไม่เคยคิดที่จะทำความเคารพ นั่งนิ่งเฉย ค่อยๆหลับตาลงอย่างแผ่วเบา โดยไม่แม้แต่จะมองนาง
เรื่องนี้มันน่าอึดอัดใจ บรรยากาศแย่ลง และหญิงที่แต่งงานแล้วสองสามคนที่อยู่ในสถานที่นี้เคลื่อนตัวอย่างไม่สบายใจ เต๋อเฟยก็สะดุ้ง มองไปที่จวิ้นจู่องจิ้ง โดยคิดว่าจวิ้นจู่องจิ้งควรพูดสักสองสามคำ แต่จวิ้นจู่องจิ้งเพียงแค่ยื่นมือออกเพื่อให้ผ้าซาตินบนเข่าเรียบ สีหน้าก็เหมือนเสี้ยนจู่โหรหมิ่น เย่อหยิ่งและไม่แยแส
หยวนชิงหลิงไม่เคยเจอสถานการณ์ที่อึดอัดเช่นนี้ โชคดีที่เต๋อเฟยมากู้สถานการณ์ให้มันดีขึ้น พูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นคนกันเอง ก็ไม่ต้องมีพิธีการอะไร พระชายารัชทายาทนั่งลงเลย”
ฮู่เฟยก็พูดว่า “ใช่ รีบนั่งลงเถอะ เจ้าลำบากมามากแล้ว”
ฮู่เฟยท้องใหญ่มาก นั่งบนเตียงหลัวฮั่น ต้องเอนหลังถึงจะนั่งสบาย
หลังจากหยวนชิงหลิงนั่งลง เต๋อเฟยมองดูนางและกล่าวชมเชย “พระชายารัชทายาท ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะทำเรื่องที่มีผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ต่อบ้านเมืองและราษฎร ข้าชื่นชมในความกล้าหาญของเจ้าจริงๆ ผู้หญิงในเมืองหลวงของพวกเรา ไม่มีใครมีความสามารถเหมือนเจ้า?”
เต๋อเฟยจงใจพูดเช่นนี้ นางกับหยวนชิงหลิงไม่จำเป็นต้องพูดพิธีรีตองขนาดนี้ การยกย่องชมเชยขนาดนี้ นางต้องการพูดให้จวิ้นจู่องจิ้งสองแม่ลูกนี้ได้ฟัง
ฮู่เฟยก็ยิ้มและพูดต่อ “พี่เต๋อเฟยพูดถูก พระชายารัชทายาทนี่มีความสามารถจริงๆ เป็นความภาคภูมิใจของผู้หญิง และเป็นแบบอย่าง”
หยวนชิงหลิงมองดูสองคนนี้ รู้สึกหมดหนทาง เดิมทีก็อึดอัดใจอยู่แล้ว ทันใดนั้นทั้งสองก็พูดยกย่องชมเชย ทำให้เห็นได้ชัดว่าจงใจ เพียงแต่ว่า หยวนชิงหลิงรู้ว่าพวกนางช่วยกู้สถานการณ์ให้นาง นอกจากนี้ จวิ้นจู่องจิ้งสองแม่ลูกนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเอง ดังนั้นเลยไม่ต้องไปสนใจพวกนาง
เมื่อกี้หรงเยว่กับพระชายาอานกำลังคุยกัน ไม่ได้สังเกตเห็นฉากที่อึดอัดใจ ทันใดนั้นเมื่อได้ยินฮู่เฟยกับเต๋อเฟยชื่นชมและยกย่องหยวนชิงหลิง หรงเยว่ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนอยู่แล้ว มิเช่นนั้นจะได้รับความรักความเอ็นดูจากรัชทายาทเหรอ?”
เดิมทีหรงเยว่แค่พูดตามลม และเขาไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ใคร เพียงแต่ว่า จวิ้นจู่องจิ้งได้อมยิ้ม “ใช่แล้ว พระชายารัชทายาทเป็นคนที่มีความสามารถ เพียงแต่ว่า ในฐานะที่เป็นสะใภ้ราชวงศ์ แค่มีความสามารถยังไม่เพียงพอ ต้องเป็นแม่บ้านที่เก่งและสมบูรณ์แบบ ตอนนี้ข้างกายรัชทายาทมีไม่กี่คน พระชายารัชทายาทต้องช่วยจัดการหาคนที่มีความสามารถให้รัชทายาท ให้ราชวงศ์มีทายาทสืบต่อไปเรื่อยๆ นี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
เมื่อหยวนชิงหลิงได้ยินสิ่งนี้ ชั่วขณะก็ทำหน้าบูดบึ้งทันที เพียงแต่ว่า ในลานด้านในยังมีสนมและหญิงที่แต่งงานแล้วอยู่ด้วย นางไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มีใบหน้าที่เย็นชาและไม่พูดอะไร
พระชายาจี้ยิ้มและกล่าวว่า “จวิ้นจู่องจิ้ง ท่านก็ไม่ต้องกังวลใจเรื่องพระราชโอรส พระชายารัชทายาทท้องเดียวมีลูกสามคน ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถทำได้”
จวิ้นจู่องจิ้งมีสีหน้าประชดประชัน “ใช่สิ ไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาทั่วไปจะทำได้ มีเพียงพระชายารัชทายาทมีความสามารถเช่นนี้ งานยุ่งมาก ข้างกายรัชทายาทต้องมีคนดูแลไม่ใช่เหรอ? อากาศหนาวมีคนใส่เสื้อให้ ยามว่างอ่านหนังสือมีสาวงามอยู่เป็นเพื่อน นี่ควรเป็นสิ่งที่พระชายารัชทายาทควรทำ มิเช่นนั้น ถ้านานไปไม่มีใครอยู่เคียงข้างรัชทายาท จะไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นหญิงหยาบกระด้างที่ขี้อิจฉาเหรอ?”
น่ารำคาญ? น่าเบื่อ? ไปๆมาก็เกี่ยวกับเรื่องนี้ ชั่วขณะหยวนชิงหลิงก็อารมณ์เสีย และไม่สนใจสถานะใดๆ และตอบกลับไปอย่างเย็นชา “จวิ้นจู่องจิ้งคำพูดมีเหตุผล ไม่ทราบว่าจวิ้นจู่องจิ้งได้เลือกภรรยาน้อยที่สวยไว้กี่คนเพื่อดูแลจวิ้นหมาเย๋