บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 684 ทำการรักษา
ทันทีที่เห็นพระชายาอาน ดวงตาของหยวนชิงหลิงถึงกับพร่าเลือนไปครู่หนึ่ง สามวันมาแล้วที่นางต้องอาศัยยาเม็ดจื่อจิน กับน้ำแกงโสมเพื่อยื้อลมหายใจสุดท้าย ทั้งร่างซูบผอมจนไม่เหลือสภาพมีน้ำมีนวลเหมือนดังแต่ก่อน
กุ้ยเฟยกับอ๋องอานเฝ้าดูแลนางอยู่ข้างเตียง สีหน้าของกุ้ยเฟยซีดเซียวอิดโรย ดูเหมือนว่านางจะคอยดูแลพระชายาอานด้วยตัวเองอยู่นานมากทีเดียว ไม่ห่วงสถานะของตน ยินดีลดตัวลงมาดูแลพระชายาอานด้วยองค์เอง หยวนชิงหลิงอดรู้สึกสะท้อนใจไม่ได้ ดูแม่สามีคนอื่น แล้วหันกลับมาดูแม่สามีตัวเองบ้าง ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว
ริมฝีปากนางเปิดออกเล็กน้อย ดูจมูกแล้วแทบจะไม่ขยับเลย ลมหายใจก็อ่อนระโหยมากแล้ว บางครั้งหน้าอกก็ขยับยกขึ้นบ้าง บางครั้งก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ให้เห็น ราวกับว่านางหายใจเข้าครั้งหนึ่ง ลมหายใจต่อไปก็พร้อมจะหยุดลงได้ทุกเมื่อ
การหายใจลำบากเข้าขั้นวิกฤติแล้ว
หยวนชิงหลิงเปิดกล่องยา พบว่ามีถังออกซิเจนแบบพกพาขนาด 0.5 ลิตรอยู่ในนั้น ของสิ่งนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน ดูเหมือนว่า มันถูกจัดเตรียมมาเป็นพิเศษสำหรับพระชายาอานโดยเฉพาะ
นางหยิบถังออกซิเจนแบบพกพาออกมา กดท่อออกซิเจนเส้นหนึ่งที่อยู่ด้านล่าง หลังจากต่อปากท่อช่วยหายใจแล้ว คิดจะสวมมันให้พระชายาอาน อ๋องอานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็พลันยื่นมือออกมาขวางไว้ ถามขึ้นว่า “นี่คืออะไร?”
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาไม่ได้ไว้วางใจตัวเองอย่างสมบูรณ์ จึงพูดว่า “ท่านอ๋อง ไม่ว่าข้าจะทำอะไรในตอนนี้ สถานการณ์ก็จะไม่มีทางเลวร้ายไปกว่านี้แล้ว ดังนั้นเจ้าอย่าได้ขัดขวางข้าจะดีกว่า”
อ๋องอานยอมปล่อยมือ ถามด้วยเสียงแผ่วต่ำ “ช่วยได้หรือไม่?”
“ไม่รู้!” หยวนชิงหลิงสวมท่อออกซิเจนให้นาง หยิบหูฟังออกมาเพื่อฟังเสียงหัวใจกับปอด
หมอหลวงยืนอยู่ข้าง ๆ หมอหลวงผู้นี้เคยร่วมงานกับหยวนชิงหลิงในการช่วยทำคลอดฮู่เฟยครั้งก่อน ดังนั้น จึงมีประสบการณ์ในการร่วมงานกันมาแล้ว เขาอธิบายถึงอาการพระชายาอานอยู่ข้าง ๆ ว่า “เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ พระชายาได้อาเจียนเป็นเลือดทั้งหมดสามครั้ง น่าจะเป็นเพราะพลังฝ่ามือไปกระทบกระเทือนปอด กับเส้นเลือดบริเวณหัวใจ มีสภาวะชีพจรเต้นอ่อนและเลือดอุดตัน ให้หมอหญิงมากดช่องท้องส่วนล่าง พบว่ามีอาการแข็งเล็กน้อย ทารกในครรภ์แท้งไปแล้ว แต่คาดว่ามีสิ่งตกค้าง เพียงแต่ไม่กล้าใช้ยา เพราะเกรงว่าจะทำให้เสียเลือดได้พ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า “เอาล่ะ เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าจะตรวจช่องท้องส่วนล่างหน่อย”
หมอหลวงพูดว่า: “เช่นนั้นกระหม่อมจะรออยู่ข้างนอก หากพระชายารัชทายาททรงต้องการความช่วยเหลือ โปรดเรียกใช้กระหม่อมได้ทุกเมื่อ”
พูดจบก็ถอยออกไป
หยวนชิงหลิงปิดผ้าม่าน ปลดเสื้อผ้าของพระชายาอาน อ๋องอานเฝ้าดูอยู่ด้านข้างตลอด ที่จริงแล้วเขาไม่ไว้วางใจหยวนชิงหลิง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาเอาแต่มองไปที่ท่อออกซิเจนนั่น ราวกับกลัวว่าท่อออกซิเจนจะเป็นสารพิษก็ไม่ปาน แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่ไว้วางใจ
หยวนชิงหลิงกดนิ้วลงบนท้องของพระชายาอาน ท้องส่วนล่างค่อนข้างแข็งจริง ๆ ไม่ต่างจากที่หมอหลวงบอกนัก บางทีอาจมีสิ่งตกค้างจริง ๆ ก็เป็นได้
นางสวมเครื่องตรวจคอยฟังเสียงอยู่ตลอดเวลา การแพทย์แผนปัจจุบัน สามารถอาศัยเครื่องมือต่างๆ มากมายช่วยเสริมได้ แต่ตอนนี้ การใช้แค่เครื่องตรวจฟังเสียงในการวินิจฉัยเพียงอย่างเดียว ไม่นับว่าปลอดภัยเชื่อถือได้ แต่นางมีประสบการณ์ทางคลินิกไม่มากพอ จึงทำได้เพียงต้องอาศัยการวินิจฉัยอย่างระมัดระวังเท่านั้น
หลังจากที่พระชายาอานได้รับบาดเจ็บ นางก็ได้ไปศึกษาจากอาซี่จนเข้าใจ เกี่ยวกับผลที่ตามมาของอาการบาดเจ็บด้วยพลังฝ่ามือมาแล้ว
อาซี่เล่าว่า หลังจากที่อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บจากแรงฝ่ามือ อวัยวะภายในอาจไม่ได้แตกในทันที แต่จะส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดผิดปกติได้อย่างแน่นอน โดยทั่วไป คนที่ไม่รู้วรยุทธ์ อาจถึงกับเกิดอาการประเภทเลือดไหลย้อนกลับ หรือเลือดออกปากออกจมูกจนตายได้เลยทีเดียว
หยวนชิงหลิงเข้าใจดีว่า อาจมีเลือดออกในอวัยวะภายใน หรือกำลังภายในไปกระทบกระเทือนอวัยวะภายในจนทำให้มีเลือดออกภายใน มีสภาวะเลือดคั่งในช่องอก หรือมีปัญหากับระบบสูบฉีดเลือด หากอวัยวะภายในเสียหาย ก็จะส่งผลให้เลือดออกช้าเช่นกัน
พระชายาอานไม่ตาย น่าจะเป็นเพราะฤทธิ์ของยาเม็ดจื่อจิน ดังนั้น ตอนนี้หยวนชิงหลิงจึงยังรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับยาเม็ดจื่อจินไม่หาย นี่ช่างเป็นยาวิเศษที่ใช้รักษาได้น่ามหัศจรรย์ใจเหลือเกินแล้วจริง ๆ
มีของเหลวในปอด คาดว่าปัญหาการหายใจลำบาก ส่วนใหญ่น่าจะเกิดจากสาเหตุนี้นี่เอง
นางใช้ยาขับปัสสาวะเพื่อลดปริมาณเลือดก่อน จากนั้นก็ใช้ยาคาร์ดิโอโทนิคเพื่อเพิ่มการหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ขยายหลอดเลือดแดงขนาดเล็ก และลดแรงดันของหลอดเลือด หากยังไม่ดีขึ้น ก็อาจต้องใช้วิธีเจาะระบายน้ำแล้ว
อ๋องอานจับตาดูอยู่ข้าง ๆ ก้มลงไปพิจารณาของทุกสิ่งที่หยวนชิงหลิงใช้ใกล้ ๆ อย่างละเอียดยิบ กุ้ยเฟยไม่ได้จับตามอง แต่เอนกายลงบนเก้าอี้กุ้ยเฟย แล้วหลับตาพักผ่อน
“เป็นอย่างไรบ้าง? ” อ๋องอานถามอีกครั้ง
หยวนชิงหลิงฟังการเต้นของหัวใจอีกครั้ง แล้วพูดว่า: “อาการบาดเจ็บค่อนข้างรุนแรง การหายใจรวมถึงการเต้นของหัวใจอ่อนแอมาก มีอาการเลือดคั่งในทรวงอก ทั้งยังคั่งอยู่นานแล้ว หากตอนเกิดเรื่องแล้วเจ้ามาหาข้าทันที ไม่แน่ว่าอาการอาจจะไม่รุนแรงขนาดนี้ อีกทั้งตอนนี้ ข้าก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าเลือดออกที่บริเวณไหน พูดอีกอย่างคือ การบาดเจ็บจากพลังฝ่ามือนั้นรุนแรงแค่ไหน อวัยวะภายในส่วนไหนได้รับบาดเจ็บ หรือที่ไหนบาดเจ็บค่อนข้างหนัก ข้ายังไม่อาจบอกได้”
“พอจะเสี่ยงดวงด้วยการผลักเลือดให้กระจายได้หรือไม่?” อ๋องอานแสดงสีหน้าชัดว่าไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไร
“ไม่ใช่ตอนนี้” หยวนชิงหลิงไม่เข้าใจหลักการผลักเลือดให้กระจาย แต่คิดว่าน่าจะต้องใช้กำลังภายในไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด แต่ตอนนี้ร่างกายของนางอ่อนแอมาก ถ้าเลือดไหลเวียนเร็วเกินไป แล้วผ่านไปยังจุดที่มีเลือดออก อาจมีผลทำให้เลือดออกมาก ดังนั้นนางจึงไม่กล้าเสี่ยงใช้วิธีนี้
“แล้วตอนนี้ ยังมีอะไรที่พอจะทำได้อีกบ้าง ?”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ข้าเพิ่งให้ยาไป ลองให้น้ำเกลือดูก่อนดีกว่า แต่ข้าต้องใส่สายท่อปัสสาวะ วิธีที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนี้ ก็คือใช้การขับปัสสาวะออก เพื่อลดปริมาณการไหลของเลือดไปก่อน เจ้ามาช่วยข้าหน่อยแล้วกัน”
“ได้!” อ๋องอานตอบอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าในที่สุด เขาก็มีเรื่องอะไรที่ตัวเองสามารถช่วยได้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงดูแข็งขันมาก
แม้เขาจะไม่รู้ว่าการใส่สายท่อปัสสาวะ มันมีความหมายว่าอย่างไรก็ตาม
เขาสามารถเห็นได้ว่า พระชายาอานหายใจได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน อย่างน้อยก็ไม่ได้หายใจลำบากเหมือนตอนแรก เมื่อถึงจุดนี้ เขาก็เชื่อในตัวหยวนชิงหลิงมากขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อหยวนชิงหลิงบอกวิธีใส่สายสอดท่อปัสสาวะให้เขา เขาก็ถึงกับตกตะลึงอึ้งค้าง ถามราวกับได้ยินไม่ชัดว่า “นี่…ทำไมถึงต้องทำแบบนี้รึ?”
ที่สำคัญที่สุดคือ เขาจะร่วมมือกับผู้หญิงอีกคน เพื่อไปทำแบบนั้นกับเหยียนเอ๋อได้อย่างไรล่ะ…
ในเวลาปกติเขาก็เป็นคนที่ไร้ยางอายคนหนึ่ง แต่ว่านี่มันออกจะ…..
“หรือจะเปลี่ยนให้สาวใช้มาแทนดีกว่า? อาซี่อยู่ข้างนอกพอดี ข้าจะเรียกให้อาซี่เข้ามาแล้วกัน” หยวนชิงหลิงเองก็รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย ที่ต้องร่วมมือกันสอดท่อระบายปัสสาวะกับเขา จึงถามขึ้นมา
อ๋องอานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดว่า “ไม่ต้องหรอก เรียกอะฉ่ายมาดีกว่า”
อะฉ่ายรออยู่นอกม่านกั้น เมื่อได้ยินอ๋องอานพูดเช่นนี้ นางก็รีบเข้ามาทันที
อ๋องอานถอยออกไป แต่ก็ยังรู้สึกไม่วางใจเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงใช้สองมือเปิดม่านกั้น ห่อคลุมอำพรางร่างกายตัวเอง แล้วโผล่ออกมาเฉพาะใบหน้า แต่ใบหน้าส่วนใหญ่ก็ถูกซ่อนไว้ด้วย อันที่จริง เขาโผล่มาแค่ดวงตาสองลูก แล้วมองจ้องเข้าไปข้างใน
หลังจากหยวนชิงหลิงทำการฆ่าเชื้อเสร็จ ใส่สารหล่อลื่นแล้ว ก็ให้อะฉ่ายช่วยสอดท่อปัสสาวะ ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่น
อ๋องอานได้ยินว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี จึงหันไปประคองกุ้ยเฟย “ท่านแม่ ท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ประเดี๋ยวค่อยกลับมาใหม่”
กุ้ยเฟยเหน็ดเหนื่อยมากจริง ๆ จึงพูดปลอบใจไปสักสองสามประโยค จากนั้นก็มาพูดลาพอเป็นพิธีกับหยวนชิงหลิงอีกสองประโยค ค่อยเดินกลับตำหนักไป
หลังจากที่กุ้ยเฟยกลับไป หยวนชิงหลิงก็เรียกคนมายกม่านขึ้น แล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้กุ้ยเฟยตัวเดียวกันกับที่กุ้ยเฟยนั่งอยู่เมื่อครู่ แม้ว่านางจะไม่ได้ง่วง แต่ก็เหนื่อยมากพอสมควร
เมื่ออ๋องอานเห็นว่านางนั่งลงแล้ว ก็ตกตะลึงอึ้งค้าง “แค่นี้น่ะรึ?”
“ ลองสังเกตอาการดูก่อนแล้วกัน ยังให้น้ำเกลืออยู่ด้วย ” หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขามีสภาพซีดเผือดอิดโรยจนแทบดูไม่ได้แล้ว จึงพูดว่า “ท่านอ๋องก็ไปนอนเสียหน่อยเถอะ ดูสภาพแล้ว เหมือนว่าไม่ได้นอนมาหลายวันแล้วนะ”
การนอนหลับไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดอาการหงุดหงิดอารมณ์เสียง่าย แล้วนางก็ไม่อยากให้เขามาจับตามองที่นี่อยู่ตลอดเวลา มันทำให้บรรยากาศตึงเครียดมาก
“แล้วนางยังอยู่ในภาวะอันตรายหรือไม่?” อ๋องอานถามในขณะที่สายตาก็จ้องเขม็ง
หยวนชิงหลิงถอนหายใจเฮือก “ยังไม่รู้หรอก รอการระบายปัสสาวะก่อนค่อยว่ากัน ถ้ายังไม่ได้ผล คาดว่าอาจจะต้องผ่าตัด ต้องเจาะระบายเลือดออก เพื่อป้องกันอาการหายใจลำบากหรือเกิดภาวะอาเจียนเป็นเลือดขึ้นมาอีก”
“นางจะตื่นขึ้นมาหรือไม่?” อ๋องอานไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูด จึงถามเพียงประเด็นสำคัญเท่านั้น
หยวนชิงหลิงตอบว่า “ตื่นได้สิ ข้าให้ยากระตุ้นหัวใจนาง อีกสักครู่นางก็น่าจะตื่นขึ้นมาแล้วล่ะ”
อ๋องอานได้ยินคำว่านางจะตื่นขึ้น ก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก ยิ่งไม่เต็มใจจะออกไป จึงนั่งคุกเข่าเฝ้าไข้อยู่ข้างเตียงอย่างใจจดใจจ่อ