บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 686 จู่ ๆ ก็ร้ายแรงขึ้น
หลังจากที่หยวนชิงหลิงเปลี่ยนยาน้ำให้พระชายาอานอีกขวด ก็พูดกับอ๋องอานว่า “ข้าจะไปที่ตำหนักของฮู่เฟยหน่อย แล้วค่อยกลับมาใหม่”
อ๋องอานส่งเสียงตอบรับเสียงหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “เร็วหน่อยล่ะ!”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “สำหรับตอนนี้ไม่น่าจะเป็นอะไรหรอก ราว ๆ ครึ่งชั่วยามข้าก็กลับมาแล้ว”
อ๋องอานส่งเสียงอื้มในลำคอเสียงหนึ่ง พูดขอบคุณด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ เป็นเสียงที่เบามากจนหยวนชิงหลิงแทบจะไม่ได้ยิน นางจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินไปโดยสิ้นเชิง แล้วเดินออกไปแบบไม่มีปฏิกริยาตอบสนองใด ๆ ทั้งสิ้น
นางเห็นอะหลูยืนอยู่ข้างระเบียงทางเดินรอบวัง สวมเสื้อผ้าบาง ๆ มองมาที่นางด้วยสายตาอึมครึมเย็นชา
หยวนชิงหลิงไม่สนใจนาง แต่นางกลับเดินมาขวางหน้าหยวนชิงหลิงไว้ : “เดิมทีข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ นะ ว่าพระชายารัชทายาทจะมารักษาอาการบาดเจ็บให้พระชายา ข้าถึงกับเอาหัวเป็นเดิมพันกับท่านอ๋องเลยเชียวล่ะ ว่าถึงอย่างไรพระชายารัชทายาทก็ไม่มีทางยอมมาแน่ แต่พระชายารัชทายาทกลับทำให้ข้าผิดหวังเสียแล้ว”
หยวนชิงหลิงพูดอย่างเฉยเมย: “เจ้าจะผิดหวังหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้านี่”
มุมปากของอะหลูหยักโค้งขึ้นเล็กน้อย ดูมีความประชดประชันอยู่ในที “เช่นนั้นพระชายารัชทายาทสามารถช่วยชีวิตพระชายาได้หรือไม่?”
หยวนชิงหลิงสีหน้าไม่เปลี่ยน มองนางแล้วพูดว่า “พระชายาอานไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว”
ประกายเย้ยหยันปรากฏวาบขึ้นในดวงตาของอะหลู นางแค่นหัวเราะเย็นชาขึ้นมาเสียงหนึ่ง พลางพูดว่า “หมอหลวงต่างก็บอกว่าไม่มีทางช่วยแล้ว แต่พระชายารัชทายาทกลับช่วยได้ ช่างมีความสามารถเสียจริง ๆ นะ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้คนมากมายต่างพากันสนับสนุนเจ้า กระทั่งคนตายก็ยังช่วยให้ฟื้นได้ มีคนมากมายเท่าไหร่ที่มาอ้อนวอนขอร้องเจ้า เคารพบูชาเจ้า”
“เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?” หยวนชิงหลิงถาม
มุมปากของอะหลู ยังคงยกโค้งเป็นรอยยิ้มประชดประชัน “ข้าก็แค่อยากจะดูเสียหน่อย ว่าพระชายารัชทายาทสามารถช่วยคนตายให้ฟื้นขึ้นมาได้จริง ๆ หรือไม่”
หยวนชิงหลิงไม่มัวเสียเวลาฟังคำพูดเล่นลิ้นของนาง เดินผ่านนางไปอย่างไม่แยแส
แน่นอนว่าพระชายาอานไม่ได้ไม่มีปัญหาอะไรน่าเป็นห่วง อันที่จริงนางยังไม่พ้นขีดอันตรายเลย เยื่อหุ้มปอดยังบวมไม่หาย อีกทั้งเลือดก็ยังไหลไม่หยุด ตอนนี้ใช้ยาห้ามเลือดไปแล้ว ยังต้องรอดูผลหลังจากนี้อีกครั้ง
นางจงใจพูดเช่นนี้ เพื่อจะดูว่าอะหลูจะแสดงท่าทีร้อนรนหรือไม่ อ๋องอานคอยเฝ้าอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลา คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไร
สถานการณ์ของฮู่เฟยนั้นไม่น่าเป็นห่วง แค่เพราะฮ่องเต้หมิงหยวนทรงเป็นห่วงนาง ทั้งเกรงว่าหมอหญิงจะมือหนักจนทำให้นางเจ็บ ชายสูงวัยผู้นี้ค่อนข้างรู้จักใส่ใจคนอยู่ไม่น้อยทีเดียว
หยวนชิงหลิงช่วยฆ่าเชื้อให้นาง เปลี่ยนยานิดหน่อย ฮู่เฟยถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของพระชายาอาน หยวนชิงหลิงเล่าให้นางฟังไปตามความจริง ฮู่เฟยจึงรู้สึกไม่สบายใจมาก “ไม่รู้ว่าใครกันนะที่เป็นคนทำ ถึงได้ใจดำอำมหิตขนาดนี้”
ฮู่เฟยยังไม่รู้ว่าเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยถูกสงสัยว่าเป็นผู้ต้องหา นางจะพูดอะไรให้มากไปก็ไม่ดี จึงไปตรวจดูความเรียบร้อยทางองค์เจ้าชายสิบอีกครั้ง จนแน่ใจว่าทั้งแม่และลูกไม่มีอะไรผิดปกติก็จากไป
คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันออกไป ก็เห็นอะฉ่ายรีบร้อนวิ่งเข้ามา ไม่ทันสนใจว่าตัวเองจะไปชนใส่ฮู่เฟยอยู่แล้ว พูดเสียงละล่ำละลักว่า: “พระชายารัชทายาท ท่านรีบกลับไปเร็วเข้าเถิดเพคะ พระชายาอาการไม่ดีแล้ว”
หยวนชิงหลิงคว้ากล่องยาขึ้นมาได้ ก็วิ่งออกไปทันที
นางวิ่งสุดฝีเท้าไปตลอดทาง ยังไม่ทันวิ่งเข้าประตูตำหนัก ก็ได้ยินเสียงร้องอันโศกเศร้าของอ๋องอานดังแว่วมา “เหยียนเอ๋อ…”
หยวนชิงหลิงพุ่งเข้าไปทันที ก็เห็นอ๋องอานโอบกอดร่างของพระชายาอานไว้ พลางร้องไห้อย่างโศกเศร้า พระชายาอานที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาไม่มีลมหายใจแล้ว สองตาปิดสนิท ที่มุมปากยังมีคราบเลือดรอยหนึ่งเปื้อนอยู่ด้วย
ในเวลานี้ ทั้งกุ้ยเฟยและอะหลูต่างก็อยู่ในตำหนักแล้ว กุ้ยเฟยยังจมอยู่ในความเศร้าโศก แต่สีหน้าและการแสดงออกของอะหลูนั้นดูสงบนิ่งมาก ถึงขั้นที่ว่าแสดงแววตายั่วยุใส่หยวนชิงหลิงด้วยซ้ำ
หยวนชิงหลิงไม่สนใจแววตานั้นไปก่อนชั่วคราว ตรงไปที่อ๋องอานแล้วพูดว่า “วางนางลง!”
ดวงตาของอ๋องอานเป็นสีแดงก่ำ แผดเสียงตะโกนใส่นางดังลั่นว่า “ไสหัวไป!”
“ถ้ายังอยากจะช่วยนางล่ะก็ วางนางลงแล้วให้ข้าดูอาการนาง!” หยวนชิงหลิงตบหน้าเขาเข้าไปฉาดหนึ่ง สั่งเสียงเฉียบขาดว่า “เดี๋ยวนี้!”
อ๋องอานถูกตบเข้าไปฉาดใหญ่ จึงเริ่มมีสติตื่นจากความโศกเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย จิตใต้สำนึกของเขาสั่งให้ฟังคำพูดของหยวนชิงหลิง จึงวางพระชายาอานลง หยวนชิงหลิงกระโดดขึ้นไปบนเตียง แยกเข่าออกจากกันแล้วขึ้นไปนั่งคร่อมบนตัวพระชายาอานตรง ๆ ก้มลงฟังเสียงหัวใจเต้น เป็นอาการเสียเลือดกะทันหัน ส่งผลให้เกิดสภาวะช็อก หายใจไม่ออกจนหัวใจหยุดเต้น “นานแค่ไหนแล้ว?”
“เมื่อครู่ เมื่อครู่นี้!” เสียงของอ๋องอานสั่นเทา
หยวนชิงหลิงเปิดกล่องยาแล้วฉีดอะดรีนาลีนไปเข็มหนึ่ง จากนั้นก็กดปั๊มหัวใจเพื่อทำการช่วยฟื้นคืนชีพเทียม (หรือที่เรามักเรียกกันว่า CPR เป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ที่ใช้กู้ชีพให้ผู้ที่หยุดหายใจ หรือหัวใจหยุดเต้นกลับมามีชีพจรตามปกติ)
นางใช้สองมือซ้อนทับกัน กดลงบนบริเวณกลางอกของพระชายาอาน กดแรง ๆ อยู่หลายครั้ง สลับกับการบีบเปิดปากให้อ้าออก จากนั้นก็เป่าลมเข้าไปข้างใน
กุ้ยเฟยยืนมองอยู่ข้าง ๆ เกือบจะคิดว่าหยวนชิงหลิงเป็นบ้าไปแล้ว
คนก็จากไปแล้ว ยังจะเป่าลมเข้าไปให้กลับมาหายใจได้อีกหรือ ? คนต้องหายใจเองต่างหาก จะเป่าลมเข้าไปแทนการหายใจได้อย่างไรกัน?
อะหลูทิ้งมือทั้งสองข้างลง ยืนมองหยวนชิงหลิงที่มีท่าทางเหมือนคนลนลานจนทำให้เรื่องยิ่งเลวร้ายลงอยู่เงียบ ๆ สีหน้าของนางแสดงออกถึงความโศกเศร้า แต่ในแววตาลึก ๆ กลับเต็มไปด้วยความยินดีอย่างเปี่ยมล้น
คนตายยังสามารถช่วยให้ฟื้นได้เช่นนั้นรึ ? นั่นมันต้องสำหรับคนมีความสามารถอย่างแท้จริงเท่านั้นแหล่ะ น่าเสียดายที่คนมีความสามารถที่ว่านั้นไม่ใช่นาง
ไม่มีใครสนใจในจุดนี้ อ๋องอานเอาแต่มองดูอยู่ตลอดเวลา กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายตึงเครียดสุดขีด ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ เหมือนกลัวว่าถ้าเขาหายใจจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น หัวใจเต้นแรงจนแทบกระดอนขึ้นมาถึงลำคอให้ได้แล้ว
หยวนชิงหลิงจับเวลาไปด้วย ผ่านไปได้หนึ่งนาทีแล้ว ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ นางเองก็เริ่มร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว
ว่ากันตามปกติถ้าคนเพิ่งหยุดหายใจ ตอนที่นางเดินเข้าประตูมา ก็ได้ยินเสียงอ๋องอานตะโกนร้องเรียก นั่นคือสัญญาณตอนที่หัวใจหยุดเต้น
นางไม่ยอมแพ้ ยังคงทำการกดนวดหัวใจช่วยกู้ชีพต่อไป นางเหนื่อยมากจนหน้าผากมีเหงื่อผุดไหลออกมาจนเปียกชุ่ม หยาดเหงื่อหยดลงบนใบหน้าและลำคอของพระชายาอาน แล้วค่อยๆ ไหลลงไปเงียบ ๆ ราวกับว่าเป็นน้ำตาของพระชายาอานอย่างไรอย่างนั้น
อ๋องอานทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาเอื้อมมือออกไป คิดจะไปดึงตัวหยวนชิงหลิงออก อยากบอกให้นางหยุดทรมานพระชายาอานเสียที แต่ในชั่วพริบตานั้นเอง ก็ดูเหมือนว่าพระชายาอานจะเริ่มกลับมาหายใจแล้ว
หยวนชิงสูดรีบหันไปสั่งเขาเสียงเครียด “รีบเอาท่ออ็อกซิเจนมาใส่ให้นางเร็วเข้า”
อ๋องอานรู้สึกขอบตาร้อนผ่าว ราวกับว่ามีน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาจากดวงตาไม่หยุด เขารีบต่อท่อออกซิเจนที่วางอยู่ข้าง ๆ กลับเข้าไปใหม่ในสภาพมือเท้าสับสน
หยวนชิงหลิงวางหูแนบลงที่หน้าอกของพระชายาอาน ฟังเสียงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหยิบหูฟังออกมาสวมอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงหัวใจเต้นขึ้นมาแล้ว นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตัวส่ายโอนเอนจนแทบจะล้มลงไปอยู่แล้ว
นางลุกจากเตียงในสภาพตัวสั่นงันงก ร่างทั้งร่างสั่นเทาอย่างน่าสงสาร ช่างไม่ง่ายเลยที่จะยื้อชีวิตคนจากเงื้อมมือมัจจุราช แต่มันช่างทำให้เต็มไปด้วยความสุข ทั้งรู้สึกซาบซึ้งในยามที่ทำได้สำเร็จ
นางนั่งลงด้านข้าง หายใจหอบหนักอยู่ครู่ใหญ่ ๆ ใช้แขนเสื้อปาดเหงื่อออกลวก ๆ หันไปเห็นสีหน้าตกตะลึงและพ่ายแพ้ของอะหลูที่มองมา
นางยังคงหายใจหอบอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ก็ผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แล้วบอกให้อ๋องอานถอยออกไป
ที่นางต้องพักหายใจหายคอเสียหน่อย เพราะมือของนางสั่นอย่างรุนแรงมาก มือคู่นี้ได้ใช้เจาะเข้าที่เยื่อหุ้มหัวใจโดยตรง
เลือดคั่งที่ทรวงอกนั้นรุนแรงมาก ตามด้วยมีอากาศปะปนในเลือดคั่ง ซึ่งจำเป็นต้องเจาะออกในทันที นางจึงทำได้เพียงพักหายใจสักครู่ แล้วเช็ดเหงื่อออก
กุ้ยเฟยเริ่มซาบซึ้งใจขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อเห็นว่าหยวนชิงหลิงเหนื่อยจนแข้งขาสั่น ก็คิดจะสั่งให้คนยกเก้าอี้มาให้นางได้นั่ง แต่เห็นว่าถ้านั่งก็คงจะไม่สะดวกเท่าไหร่ จึงต้องยอมเปลี่ยนความคิด
แม้ว่าการเจาะเยื่อหุ้มหัวใจจะไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่ แต่หยวนชิงหลิงก็เหนื่อยมากจนแทบหายใจไม่ทัน อย่างไรก็ต้องละเอียดรอบคอบให้มาก
อ๋องอานที่ยืนดูอยู่อีกด้านแทบจะกลั้นหายใจ ตอนนี้เขาไม่เหลือความสงสัยในตัวหยวนชิงหลิงเลยแม้แต่น้อย ต่อให้หยวนชิงหลิงเอามีดไปกรีดเข้าที่คอของพระชายาอาน เขาก็ยังพร้อมจะคิดว่านั่นคือการช่วยชีวิตนางเลยทีเดียว
หลังจากดึงเลือดและอากาศที่คั่งออกมาแล้ว เมื่อดูการหายใจ รวมถึงการเต้นของหัวใจของพระชายาอานที่ค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติในที่สุด หยวนชิงหลิงก็หันกลับไปมองอ๋องอานอย่างรุนแรง แล้วถามอย่างเคร่งเครียดว่า “ตอนที่ข้าออกไป มีใครเข้ามาบ้าง ? แล้วมีใครที่เข้าใกล้พี่สะใภ้สี่บ้าง?”
อ๋องอานถูกนางถามอย่างกะทันหันไม่ทันตั้งตัว จึงผงะไปครู่หนึ่ง ตอบออกไปโดยไม่รู้ตัวว่า: “ข้าเฝ้านี้อยู่ที่นี่ตลอดเวลานะ”
“ไม่เคยออกไปเลยหรือ?” หยวนชิงหลิงถาม
อ๋องอานตอบว่า “ออกไปห้องน้ำครู่เดียว แต่ก็รีบกลับมาทันที แต่อย่างไรก็มีคนเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอด ไม่มีทางที่คนนอกจะเข้ามาได้”
“ใครเฝ้าอยู่ที่นี่?” หยวนชิงหลิงถาม
อ๋องอานหันไปมองอะหลูกับอะฉ่าย ทั้งยังรวมไปถึงหมอหลวง เหยียดนิ้วขึ้นแล้วชี้ออกไป “พวกเขาทั้งหมดล้วนอยู่ที่นี่”