บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 693 การตัดสินใจของแม่นางผู้โง่เขลา
พระชายาซุนเอ่ยอย่างดีใจว่า “ไม่ผิด เป็นลูกของลูกพี่ลูกของตระกูลมารดาข้าเอง เป็นจอหงวนฝ่ายบู๊ เจ้าเด็กโง่คนนั้นเดิมทีเอาแต่มุ่งมั่นในการเรียนวิชาบู๊ ไม่คิดว่าจะตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบกับอี้เอ๋อ และไม่ถือสาเรื่องที่นางเคยแต่งงานมาแล้วสักนิด”
พระชายาอันได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็อมยิ้มพูดกับหยวนหย่งอี้ว่า “ดีใจกับเจ้าด้วยใจจริง ขอให้เจ้ามีความสุข”
หยวนชิงหลิงนั้นแสดงความยินดีไม่ออกจริงๆ นางรู้ดีว่าที่จริงเด็กสาวหน้ากลมใหญ่คนนี้ในใจชื่นชอบน้องเจ็ด ในใจของน้องเจ็ดก็มีนาง แต่ระหว่างพวกเขาต่างมีความคิดเห็นไม่ลงรอยกันอยู่บ้าง
นางไม่ได้หมายความว่าต้องให้หยวนหย่งอี้กลับไปอยู่กับน้องเจ็ดอีกครั้ง แต่ว่าจะแต่งงานอย่างเร่งรีบเช่นนี้ ไม่มีลางบอกเหตุมาก่อนเลยสักนิด กับใครก็ไม่ใช่เรื่องดีสักนิด
เห็นได้ชัดว่าหยวนหย่งอี้ไม่ยินดีจะพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว ยังไม่กำหนดเลย แค่ไปพูดคุยทาบทามกับผู้ใหญ่ที่บ้านเท่านั้น ”
“ข้าได้ยินว่าฮูหยินใหญ่ก็มีใจอยากจะตอบตกลงแล้ว ตอนนี้ก็รอดูความเห็นเจ้าเท่านั้น ”พระชายาซุนพูดยิ้มๆ
พระชายาอันยิ้ม หยวนหย่งอี้เองก็ยิ้มอย่างลำบากใจ แต่ว่าหยวนชิงหลิงยิ้มไม่ออกจริงๆ ข่าวนี้ช่างน่าตกใจมาก
ฉะนั้น หลังจากออกมาจากจวนอ๋องอัน หยวนชิงหลิงก็ดึงตัวหยวนหย่งอี้ขึ้นรถม้า
“เจ้าจะแต่งงานกับจอหงวนบู๊จริงๆหรือ ”หยวนชิงหลิงถามนางตรงๆ นางคิดว่าระหว่างหยวนหย่งอี้กับนางนั้นสนิทสนมกันมากพอ นางถามเช่นนี้ก็ถูกต้อง
ไม่ใช่คนที่เคยเป็นสะใภ้ร่วมตระกูล แต่เป็นเพื่อน
“ท่านย่าเห็นด้วยแล้ว ”หยวนหย่งอี้หลุบเปลือกตาลง พูดเสียงเบา
“เจ้าล่ะ เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ของเจ้า ท่านย่าเจ้าเห็นด้วยแล้วอย่างไร ”หยวนชิงหลิงร้อนใจอยู่บ้าง เด็กสาวคนนี้มีความคิดเป็นของตัวเองมาตลอด แต่ครั้งนี้คงไม่ใช่จะรับฟังความคิดเห็นของท่านย่าแล้วกระมัง
แต่ว่า ก่อนหน้านี้ที่นางแต่งงานกับน้องเจ็ดเป็นรองพระชายา ก็เป็นความคิดเห็นของฮูหยินเฒ่า
หยวนหย่งอี้กำผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ ไม่พูดจา ตอนนี้ ไม่มีความสดใสร่าเริงหลงเหลืออยู่เลย กลับมีท่าทีเหมือนกับคุณหนูผู้ดีทั่วไป
เห็นได้ชัดว่า รักครั้งนี้ ที่จริงก็ทำร้ายนางลึกมาก
หยวนชิงหลิงเห็นนางเป็นเช่นนี้ ก็ถามด้วยเสียงที่เนิบช้าลง “เจ้าบอกข้า เจ้าอยากจะแต่งงานกับจอหงวนบู๊จริงหรือ เจ้าเคยเจอกับเขากี่ครั้ง มีความรู้สึกพื้นฐานหรือไม่ ”
หยวนหย่งอี้พูดว่า “เคยเจอกันสองสามครั้ง เป็นคนตรงไปตรงมา เป็นคนดีมาก ส่วนความรู้สึกพื้นฐาน……”
นางยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ขมขื่น “อยู่ด้วยกันแล้วก็คงจะเกิดขึ้นเองกระมัง”
“แล้วความหวังที่เจ้าบอกว่าจะออกไปท่องเที่ยวเล่า”หยวนชิงหลิงจำได้ว่านางคิดอยากจะออกไปท่องเที่ยวทั่วทุกสารทิศอยู่ตลอดมา อีกอย่างก่อนหน้านี้ก็บอกว่าจะไปแล้ว ทำไมจึงได้เปลี่ยนความคิดขึ้นมากะทันหัน ยังจะแต่งงานอีก
หยวนหย่งอี้มีความกลัดกลุ้มอยู่บ้าง “ไม่รู้ นี่เป็นความหวังของข้าตั้งแต่เด็กจริงๆ อยากจะออกไปท่องให้ทั่วใต้หล้า ไปดูทิวทัศน์ที่งดงามที่สุด เดิมทีก็คิดจะไปแล้ว แต่ตอนที่เตรียมตัวจะออกเดินทางนั้น ในใจข้ากลับไม่มีความมุ่งหวังเลยสักนิดเดียว ราวกับว่าเส้นทางนี้หากเดินต่อไป จะเดียวดายเป็นอย่างยิ่ง”
“เจ้าคิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาออกเดินทาง สามารถเลื่อนออกไปก่อนได้ ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน”
“แต่งงานแล้วก็จะไม่คิดไปเรื่อยเปื่อย”
หยวนชิงหลิงมองนาง “ฉะนั้น ก็ยังเป็นเพราะน้องเจ็ด เพราะเขา จึงเอาทั้งชีวิตมาเป็นเดิมพัน เจ้าทำเช่นนี้ไม่ฉลาดเอาเสียเลย”
หยวนหย่งอี้ทำทีฮึกเหิมขึ้นมา หันมายิ้มให้กับนาง “ทำไม ข้าจะแต่งงานแล้ว พี่หยวนไม่ดีใจกับข้าหรือ บอกว่าเดิมพันทั้งชีวิตมันหนักหนาไป ข้าเชื่อว่าเขาต้องดีกับข้า อีกอย่าง เขาทำร้ายข้าไม่ได้ ไม่มีทางทำให้ข้าต้องเสียใจ ”
“เขาไม่มีทางทำให้เจ้าเสียใจ ไม่ทำให้เจ้าต้องเสียใจ นั่นก็เพราะว่าเจ้าไม่ได้รักเขา”
หยวนหย่งอี้ขนตาสั่นระริกชั่วครู่ รีบเงยหน้าขึ้นมา “แล้วถ้าหากรักหมายถึงความทุกข์และการทำร้าย แล้วจะเอาตัวเองไปหาภัยทำไม อะไรคือรักหรือไม่รัก ข้ารู้สึกว่าไม่น่าพึ่งพาได้สักนิด รักคืออารมณ์ชนิดหนึ่ง ไม่ใช่เงื่อนไข รักสูญสลายไปได้ แต่ว่าเงื่อนไขไม่ใช่ จอหงวนบู๊เป็นคนดี วรยุทธสูงส่ง ซื่อสัตย์และกระตือรือร้นที่จะพัฒนาตนเอง นิสัยนี้เหมาะสมที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วย ข้าคิดว่า หาสามี หาที่เหมาะสมก็พอ ข้าเห็นอ๋องฉีที่แรกเริ่มหาคนที่ตนเองรักจนหมดใจอย่างฉู่หมิงชุ่ยมา แต่สุดท้ายแล้วมีจุดจบอย่างไร ”
ตอนที่นางพูดประโยคสุดท้าย ในที่สุดสีหน้าก็ไม่อาจคงความเป็นธรรมชาติไว้ได้อีก ในดวงตามีราวกับมีน้ำตารื้นขึ้นมา และหันหน้ากลับไปอย่างร้อนรน
หยวนชิงหลิงไม่รู้จะตอบโต้นางอย่างไร ที่นางพูดก็เหมือนจะมีเหตุผลเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าตัดสินใจแน่แล้วหรือ”หยวนชิงหลิงได้แต่ถาม
หยวนหย่งอี้นิ่งเงียบไปชั่วครู่ จึงค่อยๆพยักหน้า “นับว่าใช่กระมัง”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ถ้าหากเจ้าถามความคิดเห็นข้า ข้าย่อมต้องไม่เห็นด้วยแน่นอน ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยกับที่เจ้าจะแต่งงาน แต่ไม่เห็นด้วยที่เจ้าจะแต่งงานในเวลาที่รวดเร็วเช่นนี้ ถ้าหากเจ้าปล่อยวางความรู้สึกที่มีต่อน้องเจ็ดไปแล้ว ข้าคิดว่าทางที่ดีที่สุดคือทำตามแผนการเดิมที่จะออกไปท่องเที่ยว ท่องเที่ยวจนเหนื่อยแล้ว กลับมาแล้วรู้สึกว่าตัวเองปล่อยวางได้แล้ว ค่อยหาที่เหมาะสมแต่งงาน ในใจเจ้ามีเขา แต่กลับแต่งงานกับจอหงวนบู๊ มันไม่ยุติธรรมต่อจอหงวนบู๊ ”
หยวนหย่งอี้พูดเสียงเบาว่า “ถ้าหากข้าเลือกที่จะแต่งงานกับเขา ย่อมต้องปฏิบัติต่อเขาอย่างดี ข้าเชื่อว่าข้าสามารถทำได้ ”
ขณะพูด นางก็เงยหน้าขึ้น ยิ้มอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยกำลังใจต่อหยวนชิงหลิง “ที่จริงพี่หยวนควรจะดีใจแทนข้า เป็นคนดื้อรั้นนั้นมันเหนื่อยมาก เอาแต่วางสิ่งของบางอย่างไว้ในใจตลอดก็เหนื่อยมาก ข้าสามารถปล่อยวางลงได้ สามารถเปิดใจได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งหรือ ฉะนั้นอวยพรข้าเถอะ ข้าต้องมีชีวิตที่ดีแน่ๆ ”
หยวนชิงหลิงได้แต่เอ่ยอย่างจนใจว่า “ถ้าหากเจ้าต้องการคำอวยพรจากข้าอย่างจริงใจ ข้าก็จะอวยพรเจ้าด้วยใจจริง แต่ว่า อย่างไรเสียก็พิจารณาให้ถี่ถ้วน นี่เป็นเรื่องของทั้งชีวิต”
รถม้ายังคงเคลื่อนไปข้างหน้า เสียงของล้อรถม้าที่กลิ้งไปกดทับอยู่บนทางที่ปูด้วยกระเบื้องหินให้ความรู้สึกของยุคสมัยเป็นอย่างยิ่ง ร่วมกับเสียงของฝีเท้าม้าที่ดังกุบกับ ทำให้หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ไม่ว่าจะเป็นหญิงที่แข็งแกร่งแค่ไหน ส่วนมากก็ต้องร่วงหล่นอยู่ภายใต้คำว่าความรักทั้งสิ้น ตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้
โดยเฉพาะความรักของหญิงสาวในสมัยโบราณนั้นลำบากมาก เพราะพวกนางขาดความกล้าที่จะวิ่งไล่ตามหา จะมีหรงเยว่อยู่กี่คนกัน
กลับไปถึงจวน หัวใจของหยวนชิงหลิงผ่อนคลายไม่ลงเลยสักนิด
กลางคืนตอนที่หยู่เหวินเห้ากลับมา นางจึงได้พูดเรื่องนี้กับหยู่เหวินเห้าทันที
หลังจากหยู่เหวินเห้าได้ฟังแล้ว ก็ถอดเสื้อตัวนอกออกเงียบๆ “แล้วจะทำอย่างไรได้ ฝนจะตกจากฟ้า หน้ากลมจะแต่งงาน คงไม่ดีถ้าพวกเราจะไปแย่งตัวเจ้าสาว”
“ที่จริงน้องเจ็ดคิดอย่างไรกันแน่ ท่านเป็นพี่ชาย สมควรถามดูหรือไม่ ในใจเขายังมีแค่ฉู่หมิงชุ่ยจริงหรือ”หยวนชิงหลิงถาม
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าใจเขาคิดเช่นไร ปล่อยวางไม่ลงนั้นคาดว่าก็คงจะมีอยู่ เมื่อก่อนเขานั้นเพียรพยายามต่อฉู่หมิงชุ่ยแค่ไหน เจ้าก็เห็น บางทีเขาอาจจะชอบหน้ากลม แต่ว่าความชื่นชอบกับความรักนั้นมันแตกต่างกัน และเจ้าก็พูดแล้ว เรื่องนี้มีฮูหยินเฒ่าตระกูลหยวนเห็นดีด้วย พวกเราไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น ”
หมันเอ๋อเข้ามาส่งน้ำชา ได้ยินทั้งสองคนพูดถึงเรื่องของหยวนหย่งอี้ จึงพูดแทรกขึ้นมาว่า “ข้าได้ยินอะซี่บอกว่า เดิมที่ฮูหยินใหญ่ไม่เห็นด้วย เป็นคุณหนูใหญ่หยวนเองที่ยินดี ”
หยวนชิงหลิงรีบถามขึ้นมาทันที “หมันเอ๋อ เจ้าไปเรียกอะซี่มา ข้ามีเรื่องจะถามนาง”
“เพคะ”หมันเอ๋อออกไปตามอะซี่
หยู่เหวินเห้าไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงต้องชอบยุ่งเรื่องของผู้หญิงอีกคนด้วย เป็นห่วงกันจนลืมเรื่องสำคัญที่เป็นทางการไป จึงยืนขึ้นพูดว่า
“วันนี้ต้องจ่ายเงินเดือน เจ้าถามอะซี่เถอะ ข้าจะไปที่ห้องบัญชีตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีกับพวกทังหยาง จากนั้นก็แจกจ่ายเงินเดือน ”
“อืม ท่านไปเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะตามไป ”หยวนชิงหลิงพูด
หยู่เหวินเห้าพูดเนิบๆว่า “ถ้าเจ้ายุ่งอยู่ก็ไม่ต้องไป ข้ากับทังหยางและห้องบัญชีจัดการเองได้ ”
หยวนชิงหลิงมองเขา เอ่ยอย่างแน่วแน่ว่า “ข้าจำเป็นต้องไป”
หยู่เหวินเห้าหลุบตาลง เปลี่ยนเสื้อคลุมที่หนาขึ้นมาอีกหน่อย คลุมแล้วก็เดินออกจากประตูไป