บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 700 รังแกกันเกินไปแล้ว
เมื่อถึงช่วงเวลาตอนเที่ยง ปรากฏว่าจวิ้นจู่องจิ้งได้พาเสี้ยนจู่โหรหมิ่นและฮูหยินอีกหลายท่านมาเยือนจริงๆ
ท่าทีของจวิ้นจู่องจิ้งนั้นดูดุดันมาก สำหรับหยวนชิงหลิงแล้วนางถือว่าเป็นศัตรูใหม่จากความแค้นเก่า
แม่นมฉีกำลังแนะนำแต่ละคนให้หยวนชิงหลิงรู้อย่างรวดเร็ว ท่านนี้คือฮูหยินซุน ท่านนี้คือฮูหยินฉาง ท่านนี้คือฮูหยินรองตระกูลกู้
ฮูหยินรองตระกูลกู้หรือ หยวนชิงหลิงมองอย่างละเอียด ฮูหยินรองตระกูลกู้นั้นสวมชุดกระโปรงผ้าไหมสีแดงทั้งตัว คลุมด้วยเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาว บนเสื้อคลุมยังจงใจปักขอบสีทอง ปักลายดอกเสาเย่า ยิ่งเพิ่มความสูงศักดิ์มากขึ้นหลายส่วน
ดูหน้าตาแล้วไม่น่าจะถึงสี่สิบปี นัยน์ตามีแววใจดำคับแคบอยู่บ้าง หน้าตานั้นสวยงาม แต่เนื้อบนใบหน้ามีความหย่อนคล้อยลงบ้างแล้ว ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนจะแก่กว่าจวิ้นจู่องจิ้งอยู่บ้าง
หลังจากฮูหยินทั้งหลายเข้ามาแล้ว จึงเห็นบ่าวรับใช้ที่ล้อมตัวสาวน้อยอ่อนแอสองคนไว้อย่างแน่นหนาเดินเข้ามา
หยวนชิงหลิงมองไป รู้ว่าเป็นเสี้ยนจู่โหรหมิ่น ส่วนหญิงสาวอีกคนที่สวมชุดกระโปรงสีเขียวทั้งตัว น่าจะเป็นคุณหนูห้าแห่งตระกูลกู้
ชื่ออะไรนะลืมไปแล้ว เหมือนจะชื่อกู้มั่นหยูอะไรเหล่านั้น
เมื่อแยกมององคาพยพทั้งหน้าบนใบหน้าของนางนั้นไม่เลวจริงๆ หน้าเมล็ดแตงโม ตาเฉี่ยวราวกับหงส์ สันจมูกสูงโด่ง ริมฝีปากอวบอิ่ม
แต่พอมองดูรวมกันแล้ว รู้สึกแปลกพิลึก ตาหงส์คู่นั้นเห็นได้ชัดว่าตาขาวมากกว่าตาดำ ดูใจดำ สันจมูกสูงนั้นดี แต่บนใบหน้าไม่มีเนื้อ โหนกแก้มก็สูงขึ้นมา ยิ่งทำให้รู้สึกมีความใจดำมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะตอนนี้ที่นางกำลังกวาดตามองมา ทำให้คนรู้สึกว่านางกำลังกลอกตาให้
ส่วนเสี้ยนจู่โหรหมิ่น เดิมทีก็ดูมีความบริสุทธิ์สูงส่งอยู่บ้าง ตอนนี้บนหน้าผากมีรอยแผล แสร้งทำท่าทีให้ดูต่ำลง ยิ่งทำให้ดูน่าสงสารขึ้นมาเล็กน้อย
หยวนชิงหลิงคิดไม่ถึงว่าพวกนางสองคนจะมาด้วย เพราะเรื่องที่จะคุยกันในวันนี้ ผู้หญิงอยู่ด้วยจะคุยไม่สะดวกนัก
แต่ว่า ในเมื่อมาแล้ว เช่นนั้นก็ต้อนรับพร้อมกันเลย
เชิญเข้าไปนั่งลงด้านใน หยวนชิงหลิงเพิ่งจะพูดจาตามมารยาทได้ไม่กี่คำ จวิ้นจู่องจิ้งก็ตบโต๊ะพูดด้วยเสียงโมโหว่า “พระชายารัชทายาท บุญคุณความแค้นระหว่างพวกเรานั้นละเอาไว้ก่อนยังไม่ต้องพูดถึง มีเรื่องหนึ่ง เจ้าต้องตัดสินใจให้กับโหรหมิ่นด้วย”
หยวนชิงหลิงมองนางด้วยรอยยิ้ม “จวิ้นจู่เชิญท่านพูดมาได้เลย ไม่จำเป็นต้องมีโทสะโมโห ล้วนเป็นคนกันเอง มีอะไรก็พูดไม่เป็นไร”
จวิ้นจู่องจิ้งเห็นท่าทีของนางเช่นนี้ ดูเหมือนจะสามารถเข้ากันได้ดี ก็เอ่ยด้วยสีหน้าที่ดุกว่าเดิมว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นในฮู่ยโจว ไม่รู้ว่าเจ้าได้ยินหรือยัง เรื่องนี้รัชทายาทของพวกเจ้าจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ ตอนนี้ความบริสุทธิ์ของโหรหมิ่นถูกทำลายไปแล้ว เขาสมควรจะรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น เรื่องนี้กู้กั๋วกงได้คุยกับรัชทายาทแล้ว รัชทายาทไม่ยอมรับ ดูสิว่าพระชายารัชทายาทจะจัดการอย่างไร ”
“ฮู่ยโจวเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ”หยวนชิงหลิงดูมึนงงอยู่บ้าง “ข้าไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”
เจ้าห้าเล่าให้ฟังก็จริง หยวนชิงหลิงก็อยากจะฟังว่าพวกนางจะพูดอย่างไร
จวิ้นจู่องจิ้งดวงตาแข็งกร้าวจ้องเขม็ง เอ่ยด้วยเสียงโมโหว่า “เขาย่อมไม่มีหน้าจะพูดแน่ ตอนที่อยู่ฮู่ยโจว เขาหลอกลวงโหรหมิ่นกับคุณหนูห้าให้ออกไปท่องเที่ยวกับเขา ไหนเลยจะรู้ว่าพอไปถึงครึ่งทางก็ทิ้งพวกนางเอาไว้ไม่สนใจ ทำเอาพวกนางสองคนต้องพบเข้ากับพวกอันธพาล เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ดีที่มีอันธพาลบางคนรู้สึกกลัวอยู่บ้าง ไม่กล้าล่วงเกินพวกนาง ไม่เช่นนั้น แม้แต่ร่างกายที่บริสุทธิ์ก็คงจะถูกทำลายไปแล้ว”
หยวนชิงหลิงอึ้งไปชั่วครู่ “มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ”
จากนั้น ก็พูดอย่างโมโหเล็กน้อยว่า “แล้วเจ้าเมืองฮู่ยโจวมัวทำอะไรอยู่ ใต้การปกครองของเขายังมีอันธพาลเช่นนี้ ต้องลงโทษให้หนัก ทำไมกัน รัชทายาทไม่มีการตำหนิให้ขุนนางในพื้นที่ของพวกเขาให้มีการตรวจสอบเหล่าอันธพาลพวกนั้นหรือ ”
จวิ้นจู่องจิ้งเอ่ยเสียงเรียบๆว่า “นั่นย่อมต้องทำอยู่แล้ว พวกอันธพาลถูกจับตัวส่งทางการแล้ว ”
หยวนชิงหลิงออหนึ่งเสียง เอ่ยอย่างวางใจว่า“จับแล้วก็ดี ช่างน่าตกใจจริงๆ กลางวันเสกๆ ยังกล้าลักพาตัวลูกสาวของคนอื่นไป ช่างทำเหมือนไม่มีขื่อมีแปเสียจริง……เอ๋ ในเมื่อรัชทายาทได้มีคำสั่งให้ลงโทษขั้นสูงสุดแล้ว เช่นนั้นไม่ทราบว่าวันนี้ที่จวิ้นจู่ได้พาฮูหยินทั้งหลายมานั้น ต้องการจะได้คำอธิบายอะไรหรือ”
หยวนชิงหลิงเหลือบมองจวิ้นจู่องจิ้งด้วยสายตาแฝงแววสงสัย
จวิ้นจู่องจิ้งสีหน้าชะงักนิ่งขึ้นมาทันที หัวข้อสนทนานี้ถูกนางลากไปไกลยากจะพูดเข้าประเด็นได้
แต่ว่า ชั่วขณะที่จวิ้นจู่องจิ้งยังคิดไม่ออกว่าจะพูดอย่างไร ฮูหยินรองแห่งตระกูลกู้ก็ช่วยนางพูดขึ้นว่า “แม้ว่ารัชทายาทจะมีคำสั่งให้ทำการลงโทษอย่างหนักที่สุดกับพวกอันธพาลแล้ว แต่นี่เป็นการลักพาตัวเสี้ยนจู่ไป ความบริสุทธิ์ได้เสียหายไปแล้ว ย่อมต้องให้รัชทายาทรับผิดชอบ เพราะเรื่องนี้มีต้นเหตุมาจากรัชทายาท ”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า“ฮูหยินรองพูดได้มีเหตุผล ความบริสุทธิ์ของหญิงสาวนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่สุดจริงๆ แต่ว่า เสี้ยนจู่จะยินดีหรือ ”
พูดจบ นางก็มองไปทางเสี้ยนจู่โหรหมิ่น
เดิมทีเสี้ยนจู่โหรหมิ่นยังคงทำท่าเหมือนกำลังร้องไห้อยู่ ได้ยินนางถามขึ้นเช่นนี้ ก็เงยหน้าขึ้นเชิดคางเล็กน้อย เอ่ยด้วยใบหน้าสวยงามที่เปื้อนคราบน้ำตาว่า “ตอนนี้จะทำอย่างไรได้ ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะยินดีหรือไม่แล้ว ”
หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างเห็นใจว่า “เสี้ยนจู่อย่าเสียใจไปเลย ข้าเองก็เป็นผู้หญิง รู้สึกเห็นใจในสิ่งที่เจ้าประสบพบเจอมา เจ้าวางใจเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะเขียนจดหมายไปยังที่ว่าการฮู่ยโจว ให้พวกเขาตรวจสอบชาติตระกูลของอันธพาลคนนั้นให้ชัดเจน ถ้าหากไม่เคยแต่งงานมาก่อน ข้าจะตัดสินใจเพื่อเสี้ยนจู่ด้วยตนเอง ตอนที่เสี้ยนจู่แต่งงานไป ข้าก็จะเพิ่มสินสอดติดตัวให้เสี้ยนจู่ด้วย”
ทุกคนต่างอึ้งตะลึง ชั่วขณะนั้นไม่เข้าใจความหมายของนาง แต่เมื่อจวิ้นจู่องจิ้งได้สติกลับคืนมา ก็พูดอย่างกราดเกรี้ยวว่า “พระชายารัชทายาท เจ้าจงใจพูดเช่นนี้ใช่หรือไม่ เจ้าถึงกับให้โหรหมิ่นของข้าแต่งงานกับอันธพาล เจ้าคงเสียสติไปแล้ว”
“ใช่แล้ว พระชายารัชทายาทพูดเช่นนี้ก็เกินไปกระมัง”
“เป็นหญิงเหมือนกัน พูดจาเช่นนี้ออกมา รังแกคนอื่นมากเกินไปแล้วจริงๆ”
ฮูหยินทั้งหลายต่างวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้น
หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างประหลาดใจ“เสียสติรังแกกันเกินไปอะไรกัน นี่ไม่ใช่สิ่งที่จวิ้นจู่และเสี้ยนจู่ต้องการหรอกหรือ เสี้ยนจู่กับคุณหนูห้าถูกลักพาตัวไป ความบริสุทธิ์ถูกอันธพาลทำลายแล้ว พวกท่านบอกว่าจะให้พวกเขารับผิดชอบ ข้าก็ทำตามความประสงค์ของพวกท่าน ออกหน้าจัดการเรื่องนี้ให้ ทำไมจึงกลายเป็นเรื่องเสียสติไปได้เล่า ”
นางหันหน้าไปมองทางจวิ้นจู่องจิ้งและเสี้ยนจู่โหรหมิ่น “แล้วทั้งสองท่านต้องการอย่างไรกันแน่ ”
เสี้ยนจู่โหรหมิ่นเอาแต่ร้องไห้ จวิ้นจู่องจิ้งสีหน้าเขียวคล้ำ “ยังจะทำอย่างไรได้อีก ก็เหมือนที่ข้าบอกไปเมื่อครู่ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับรัชทายาทโดยตรง เช่นนั้นก็ให้รัชทายาทรับผิดชอบ ”
“รับผิดชอบอย่างไร ”หยวนชิงหลิงถาม
ฮูหยินรองแห่งตระกูลกู้เห็นนางแสร้งทำเป็นโง่ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงเย็น “ยังจะรับผิดชอบอย่างไรได้ ย่อมต้องแต่งงานน่ะสิ”
หยวนชิงหลิงค่อยๆนั่งตัวตรงขึ้นมา สายตาเรียบเฉยกวาดมองไปยังใบหน้าของเสี้ยนจู่โหรหมิ่นและคุณหนูห้า “ออ หรือบางทีก็โยนมาให้รัชทายาทของบ้านข้าแล้ว”
สีหน้าของจวิ้นจู่องจิ้งเขียวคล้ำ “เจ้าอย่าพูดจาให้มันไม่น่าฟังเลย อะไรคือโยนมา นี่เป็นเรื่องที่เดิมทีเขาก็ควรจะรับผิดชอบอยู่แล้ว พวกนางสองคนถูกลักพาตัวไป ความบริสุทธิ์ถูกทำลายเพราะรัชทายาท ความบริสุทธิ์ของหญิงสาวนั้นสำคัญกว่าชีวิต ไหนเลยจะดูถูกกันได้ ”
“ฉะนั้น”หยวนชิงหลิงแววตาเย็นชา ถามว่า “พวกเจ้าสองคนปรึกษากันหรือยัง ใครเป็นเหลียงหยวน ใครเป็นเหลียงตี้ ”
คุณหนูห้าแห่งตระกูลกู้ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา เอ่ยอย่างโมโหว่า “ทำไมเจ้าพูดเช่นนี้ ช่างหน้าไม่อายเสียจริง”
หยวนชิงหลิงตบโต๊ะดังปัง เอ่ยอย่างโมโหว่า “ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย พวกเจ้าเกิดเรื่องขึ้นที่ฮู่ยโจว ถูกอันธพาลทำลายความบริสุทธิ์ ไม่ไปหาอันธพาลเพื่อคิดบัญชี แต่กลับมาหาเรื่องที่จวนอ๋องฉู่ของข้า เป็นไปได้ว่าข้าไม่ให้พวกเจ้าเข้ามา ข้าก็เป็นคนหน้าไม่อายอย่างนั้นหรือ เจ้าลองพูดสิ ข้าหน้าไม่อายตรงไหน ”
เมื่อครู่หยวนชิงหลิงยังมีความอบอุ่นเป็นกันเองอยู่ แต่สีหน้าได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกตกตะลึงไปชั่วครู่
จวิ้นจู่องจิ้งหัวเราะเสียงเย็นหนึ่งเสียง “พระชายารัชทายาทไม่ได้หน้าไม่อาย แต่เรื่องนี้เจ้ากล้าพูดหรือไม่ว่าไม่เกี่ยวข้องกับรัชทายาท ตอนนี้พวกเราไม่ได้ร้องขอให้รัชทายาทแต่งงานกับทั้งสองคน เพราะคุณหนูห้าได้ถูกทาบทามแล้ว แต่ว่าโหรหมิ่นของพวกเรา เขาต้องมีคำอธิบาย”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับรัชทายาทเลยสักนิด แม้จะเกี่ยวข้องข้าก็ไม่อนุญาต”หยวนชิงหลิงจ้องเขม็ง ดูดุดันขึ้นมา “พวกท่านต้องการบิดเบือน พูดจนฟ้าถล่มก็ไม่มีเหตุผลเช่นนี้ คิดอยากจะมาเอาเปรียบข้า ไม่มีทาง ข้างนอกนั่นมีหญิงสาวมากมายที่หมายปองอยากจะแต่งเข้าประตูของจวนอ๋องฉู่ ข้าไม่อนุญาตแม้แต่คนเดียว พวกท่านอาศัยแค่คำโกหกคำสองคำก็คิดจะให้ข้าปล่อยให้เดินเข้ามา อย่าแม้แต่จะคิด”