บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 701 ดุษฎีบัณฑิตถูกบังคับ
จวิ้นจู่องจิ้งประหลาดใจเป็นอย่างมาก มองดูนางอย่างเหลือเชื่อ “เจ้า……เจ้าเป็นถึงพระชายารัชทายาท คิดไม่ถึงว่าจะใจแคบเพียงนี้ หรือว่าทั้งชีวิตนี้ของรัชทายาทจะต้องเฝ้าปกป้องเพียงเจ้าเท่านั้น!”
“ถูกต้อง!” หยวนชิงหลิงมือเดียวทุบแก้วชาข้างกายแตกทันที แก้วชาตกพื้น แตกกระเซ็นไปรอบๆ ดวงตาอันสวยงามพ่นไฟโทสะ “ใครอยากแต่งเข้าบ้าน ได้ แต่ต้องดูว่าหลังจากที่แต่งเข้าบ้านแล้วข้าจะทำให้นางตายหรือไม่ จวิ้นจู่องจิ้ง ข้าเคยไว้หน้าเจ้าแล้ว ในตำหนักสู้ซิน เจ้าก็เคยถามข้าเช่นนี้ ตอนนั้นท่านหญิงอยู่ในเหตุการณ์ ข้าไม่อยากทำให้เจ้าลำบากใจ เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้โต้เถียงกับเจ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าจะรังแกข้าได้ง่ายๆ”
“เจ้า…….” จวิ้นจู่องจิ้งโกรธจนใบหน้าบิดเบี้ยวแล้ว “เจ้าพูดเช่นนี้ใจดำยิ่งนัก หรือว่าโหรหมิ่นของข้าเพราะศีรษะและโฉมหน้าได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ ก็แล้วกันไปเช่นนี้หรือ? ต่อจากนี้นางยังจะแต่งงานอีกอย่างไร? ไม่ใช่ว่าทำร้ายทั้งชีวิตของนางหรือ?”
หยวนชิงหลิงมองดูเสี้ยนจู่โหรหมิ่นอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “ข้าเป็นหมอ มองดูจากสายตาอันเชี่ยวชาญของข้า บาดแผลบนหน้าผากของนางยังสามารถรักษาได้ แต่จิตใจอัดอั้นไม่มีสมอง เกรงว่าจะรักษาไม่หายแล้ว จวิ้นจู่รีบหิ้วกลับไปยังจะดีกว่า มอบสินสอดให้มากขึ้นหน่อย น่าจะยังสามารถแต่งงานออกไปได้”
“สวรรค์” ฮูหยินรองตระกูลกู้ได้ยินคำนี้แล้ว ตกตะลึงเป็นที่สุด “นี่ยังเป็นน้ำพระทัยที่พระชายารัชทายาทในราชวงศ์ปัจจุบันควรมีงั้นหรือเพคะ? ท่านคือผู้หญิงที่ปากคอเราะรายโดยแท้จริง เทียบกับผู้หญิงที่ปากคอเราะรายยังไม่ได้”
“น้ำพระทัยของพระชายารัชทายาทควรเป็นอย่างไร?” หยวนชิงหลิงถามนางกลับ “การมีน้ำพระทัยของพระชายารัชทายาทก็ควรมองดูผู้หญิงชั้นต่ำใช้มารยาเกาะรัชทายาทของข้าไม่ปล่อยงั้นหรือ? มีน้ำจิตน้ำใจของพระชายารัชทายาทก็ควรอดทนต่อคนไร้ยางอายเหล่านี้ที่พยายามเบียดเสียดเข้าธรณีประตูจวนอ๋องฉู่ของข้างั้นหรือ? ฮูหยินรอง ในห้องของท่านรองยังขาดคนอยู่หรือไม่? ข้าได้ยินพระชายาหวยบอกว่าในซาวโถ๋จุ้ยมีแม่นางที่ไม่เลวอยู่หลายคน ต้องการให้ข้ามอบให้ท่านรองหรือไม่?”
ฮูหยินที่ติดตามมาไม่กี่คนนั้นได้ยินคำพูดนี้ กำลังคิดอยากเหน็บแนมกลับ สายตาเย็นยะเยือกของหยวนชิงหลิงกวาดไป กล่าวด้วยน้ำเสียงอันหนาวเหน็บ: “ฮูหยินทุกท่านมีความสนใจต่อแม่นางในซาวโถ๋จุ้ย? ถ้ามีก็พูดออกมาได้เต็มที่ ข้ากล้ารับรองว่าหลังจากที่แม่นางแต่งเข้าบ้านแล้ว จะปรนนิบัติสามีของพวกท่านอย่างเหมาะสม”
หรงเยว่พยักหน้าอย่างโง่ๆอยู่ข้างๆ “ถูก ถูก พวกแม่นางหน้าตาสวยงามมาก ปรนนิบัติคนก็ยอดเยี่ยม ผู้ใดต้องการ?”
จวิ้นจู่องจิ้งลุกขึ้นทันที ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธ “ดูเหมือนว่าข้าให้เกียรติเจ้าไปแล้วจริงๆ เรื่องนี้ข้าไม่มีปัญญาจะพูดกับเจ้าได้แล้ว ตัวเป็นพระชายารัชทายาท นึกไม่ถึงว่าจะพูดจาหยาบคาย ขายหน้าราชวงศ์เป็นที่สุด หากว่าประชาชนที่เคารพอยู่ด้านนอกเหล่านั้นได้ยินคำพูดนี้ของเจ้า จะผิดหวังเพียงใด? เจ้ารอก่อน ความบริสุทธิ์ของโหรหมิ่นถูกทำลาย มีความเกี่ยวข้องใหญ่หลวงกับรัชทายาทจริงๆ เรื่องนี้พิจารณาไปถึงในวัง พวกเจ้าก็ไม่มีเหตุผลแล้ว ไม่ว่าอย่างไรไทเฮาก็มีความคิดจะให้รัชทายาทแต่งงานตั้งนานแล้ว พวกเราเพียงแค่ไปพูดในวัง ดูซิว่าไทเฮาจะยืนทางฝั่งไหน!”
หยวนชิงหลิงยกมือขึ้น “ปิดประตู!”
ฉับพลันนั้น หมันเอ๋อที่อยู่ด้านนอกจึงปิดประตูใหญ่ของห้องโถงหลัก กักขังคนในห้องไว้แล้ว
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” จวิ้นจู่องจิ้งโกรธจนสั่น ชี้ไปทางหยวนชิงหลิงและถามด้วยความโกรธ “เจ้ายังจะกล้าขังพวกเราอีกเชียวหรือ?”
หยวนชิงหลิงหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าไปพูดกับผู้ใดก็ไร้ประโยชน์ ข้าพระชายารัชทายาทผู้นี้ไม่ตกลง ผู้ใดก็แต่งเข้าจวนอ๋องฉู่ไม่ได้ แต่วันนี้ข้าใจกว้างผ่อนปรนให้ อนุญาตให้โหรหมิ่นของพวกเจ้าแต่งเข้าบ้านได้ แต่ จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจน โหรหมิ่นของพวกเจ้าถูกคนร้ายจับตัวไปคืนหนึ่ง ความบริสุทธิ์ถูกทำลายแล้ว แต่งเข้าจวนอ๋องฉู่ของข้าก็ได้ แต่ไร้ชื่อไร้ฐานะ ทำได้เพียงเป็นเมียทาสอยู่ข้างกายรัชทายาท ไม่สามารถจัดงานมงคลได้ วันฤกษ์งามยามดีก็ไม่ต้องเลือก หาเกี้ยวเล็กๆหลังหนึ่งเข้ามาจากทางประตูหลังก็พอ หากว่าตกลง พรุ่งนี้จะจัดการทันที”
“ชั่งเกินไปแล้ว!” ฮูหยินรองกู้เห็นจวิ้นจู่องจิ้งโกรธจนแทบจะตายแล้ว ยืนขึ้นมาออกหน้าให้นางทันที “ฐานะของเสี้ยนจู่โหรหมิ่นสูงส่ง ท่านกล้าดียังไงถึงได้ที่ลดเกียรตินางเป็นสาวใช้ชั้นต่ำ? พระชายารัชทายาทพูดคำนี้ออกมาก็ไม่กลัวว่าผู้คนประณามด่าว่าลับหลัง ท่านเอาเกียรติขององค์หญิงพระองค์ใหญ่ไปไว้ที่ใดกัน?”
“ฮูหยินรองกู้ ท่านอย่างเอาองค์หญิงพระองค์ใหญ่ยกออกมาข้ากลัว!” หยวนชิงหลิงยืนกรานต้องการวิวาทกับพวกนางยกหนึ่ง จึงได้ไม่สนใจเป็นธรรมดา กล่าวอย่างเย็นชา: “องค์หญิงพระองค์ใหญ่มาแล้วข้าก็จะกล่าวเช่นนี้ เป็นพวกเจ้าที่พูดพร่ำว่าความบริสุทธิ์ของโหรหมิ่นถูกทำลาย หาคนดีๆแต่งงานด้วยไม่ได้แล้ว ในเมื่อพวกเจ้ารู้ว่าเสี้ยนจู่โหรหมิ่นแต่งงานไปด้านนอกจะไม่เป็นธรรมต่อผู้ชายดีๆ ทำไมรัชทายาทของข้าจึงต้องถูกสมน้ำหน้าและรับความไม่เป็นธรรมนี้? ผู้หญิงที่ใครๆก็ไม่เต็มใจเอาก็ฝืนยัดเยียดให้เขา? เขาเป็นคนเก็บขยะงั้นหรือ?”
เสี้ยนจู่โหรหมิ่นได้ยินคำพูดนี้ ทั้งอับอายทั้งสิ้นหวัง ลุกขึ้นยืนพุ่งเข้ามาทางหยวนชิงหลิง กล่าวด้วยคำที่โกรธแค้น: “ข้าจะสู้กับเจ้า!”
มีดหั่นผักส่องแสงออกมาจากทางด้านหลังของหยวนชิงหลิงโดยตรง มีดหั่นผักที่เปล่งแสงเย็นยะเยือก ด้านบนยังมีเนื้อบดเปื้อนอยู่เล็กน้อย หยวนชิงหลิงซัดมีดหั่นผักเล่มนั้นทันที แล้วสกัดฝีเท้าของเสี้ยนจู่โหรหมิ่นไว้
“ข้าจะดูซิว่าใครจะกล้าแตะต้องข้าสักนิด วันนี้ใครโหยหารัชทายาท ข้าก็ต้องการสู้จนตายไปทั้งสองข้างกับนาง!” หยวนชิงหลิงเปล่งเสียงดังด้วยความโกรธเคืองทีหนึ่ง ในตาย้อมไปด้วยท่าทางคลุ้มคลั่ง กล่าวด้วยความเดือดดาลบ้าคลั่ง: “ในช่วงนี้ ข้าทนพอมาแล้ว บ้านใครมีผู้หญิงที่ขายไม่ออกก็ล้วนคิดยัดไว้ข้างกายรัชทายาท พวกเจ้าเหล่านี้มีสิทธิ์อะไรมาแบ่งสามีกับข้า? พวกเจ้ารู้เพียงแค่วันนี้เขาเก่งกาจ ได้เป็นเจ้ากรมการพระนครทั้งยังทำความดีความชอบ แล้วรู้ว่าข้าอยู่เบื้องหลังทำผลงานให้เขามากน้อยเท่าไหร่หรือไม่? ขณะที่เขาถูกฮ่องเต้รังเกียจ ขณะที่ใช้ชีวิตอย่างท้อแท้ตกระกำลำบากกลัดกลุ้ม พวกเจ้าแต่ละคนอยู่ที่ไหนกัน? ตอนนี้เห็นเขาได้รับหน้าที่ในตำแหน่งสำคัญจากฮ่องเต้ อีกทั้งถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาท ก็อาลัยอาวรณ์ขึ้นมาเสแสร้งเบียดเข้ามาข้างกายเขา พวกเจ้าคู่ควรหรือ? มา เจ้าอยากเป็นพระชายารัชทายาทใช่หรือไม่ล่ะ? เข้ามา เข้ามา!”
เสี้ยนจู่โหรหมิ่นถูกมีดหั่นผักของนางทำให้ตกใจจนเกือบตาย ได้ยินวาจาที่โกรธเคืองของนางรอบนี้อีก ยังจะกล้าเข้าไปที่ไหน?
เหล่าฮูหยินของตระกูลที่มีเงินมีอำนาจทั้งหมดในเหตุการณ์ แม้ว่าลับหลังจะโกรธเกลียดผู้ใด บนสีหน้าพยายามสุดความสามารถที่จะไม่พูดจาเกินไป เคยเห็นใช้มีดหั่นผักมาก่อนที่ไหน? ก็เงียบกริบไปทั้งหมดทันทีแล้ว
แม้แต่จวิ้นจู่องจิ้งอวดดีที่มาตลอด ก็ตกใจจนหวาดกลัว เพียงแต่ไม่ยอมถูกขู่จนตกใจกลัวทำให้คนหัวเราะเยาะเท่านั้น ครั้นแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป กล่าวด้วยความโกรธเป็นที่สุด: “เจ้าทำให้ผู้หญิงอย่างพวกเราอับอายขายหน้าจริงๆ มีเหตุผลแบบนี้ที่ไหนกัน เลอะเทอะอย่างแท้จริง หญิงปากร้าย คนเลว พวกข้าละอายที่เป็นฝั่งเดียวกับเจ้า!”
พูดจบ จึงเรียกเหล่าฮูหยินที่ตกใจอึ้งทั้งกลุ่มแล้วต้องการจะจากไป
หยวนชิงหลิงโยนมีดหั่นผักทันที สับเข้าไปบนประตู ท้ายสุดแรงไม่พอ กวัดแกว่งครู่หนึ่ง ก็ร่วงตกลงมาที่เท้าของจวิ้นจู่องจิ้ง หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างดุร้าย: “เจ้าไปหาไทเฮาได้เต็มที่ เพียงแค่ไทเฮาอนุญาตการแต่งงานครั้งนี้แล้ว เสี้ยนจู่โหรหมิ่นของเจ้าแต่งเข้ามาวันแรก ข้าก็จะสับแขนของนางข้างหนึ่ง วันที่สองสับขาข้างหนึ่ง”
นางก็เทหมดหน้าตักแล้ว ถูกบังคับให้ทำเรื่องแบบนี้
จวิ้นจู่องจิ้งถูกมีดหั่นผักนั้นทำให้ตกใจนานแล้ว ได้ยินหยวนชิงหลิงบอกว่าจะตัดแขนตัดขาอีก ในใจก็ทั้งโกรธทั้งกลัว ไม่สามารถจะปะทะด้วยไม้แข็งได้ชั่วขณะ ทำได้เพียงพาบรรดาฮูหยินและเสี้ยนจู่โหรหมิ่นเปิดประตูออกไปด้วยความแค้นใจ เพียงแต่ในชีวิตของนางนอกจากครั้งก่อนที่ถูกบีบให้แพ้ในวัง ไหนเลยจะเคยได้รับการดูหมิ่นอย่างหนักเพียงนี้มาก่อน? ความแค้นเคืองในใจไม่ได้ระบายก็รู้สึกไม่สบาย