บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 706 ถูกไถ่ถามถึงความรับผิดชอบดังคาด
ท่านชายสี่ทำเรื่องมีการวางแผนเป็นอย่างมาก
เขาคิดว่าไม่มีสิ่งของอะไรที่ไม่สามารถซื้อได้ ก่อนหน้านี้พาหมาป่าหิมะของทังหยวนไป หมาป่าของทังหยวนวิ่งหนีไปเองแล้ว เป็นเพราะตอนนั้นยังไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างสนิท
ตอนนี้เขาวางแผนจะเล่นกับพวกมันทั้งคืน ให้อาหารหลายๆมื้อ เช่นนั้นพาพวกมันไปตอนเที่ยงคืน ครั้งนี้น่าจะไม่กลับมาอีกแล้ว
ดังนั้น รอจนเวลาประมาณสามทุ่มถึงห้าทุ่ม เขาก็ป้อนอาหารให้พวกหมาป่าหิมะอีกมื้อหนึ่ง แล้วเรียกให้คนเตรียมรถม้า เขาต้องการกลับไปที่จื๋อลี่
เที่ยงคืนดึกดื่นออกจากเมืองค่อนข้างยุ่งยาก ดังนั้นเขาผลักประตูเข้าไปเตะหยู่เหวินเห้าที่อยู่บนพื้นทีหนึ่ง “รัชทายาท ยืมใช้ป้ายคำสั่งของท่านหน่อย”
หน้าผากของหยู่เหวินเห้าบวมเป็นก้อนใหญ่ และมีเลือดออกเล็กน้อย อากาศหนาวเย็นมาก ดังนั้นเลือดออกไม่รุนแรง
เท้าหนึ่งเตะไป คนก็ไม่ได้ฟื้น ท่านชายสี่จึงดึงป้ายคำสั่งบนตัวของเขา “ท่านไม่คัดค้านเช่นนั้นข้าก็หยิบแล้วนะ”
ขณะที่เขาออกไป กล่าวกับนางข้าหลวงเหล่านั้น: “รัชทายาทและเจ้าหญิงสนทนากันอยู่ด้านใน พวกเจ้าไปกินอะไรนิดหน่อยก่อน ประเดี๋ยวค่อยมาปรนนิบัติ”
นางข้าหลวงเชื่อคิดว่าเป็นความจริง จึงติดตามเขาออกไปพร้อมกัน เขาสั่งให้คนของซาวโถ๋จุ้ยจัดเตรียมอาหารให้พวกเขา แล้วก็ขึ้นรถม้าไปกับหมาป่าหิมะอย่างดีอกดีใจ
หยวนชิงหลิงรออยู่ในจวนเป็นเวลานาน ก็ไม่เห็นหยู่เหวินเห้าพาเจ้าหญิงกลับมา จึงเรียกคนไปสืบดูที่ซาวโถ๋จุ้ยอีกครั้ง
ครั้งนี้ ในที่สุดก็พบกับสองพี่น้องที่ตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกันเมามายและหมดสติล้มอยู่บนพื้นแล้ว
สวีอีเองก็ไม่กล้าแพร่งพรายออกไป บอกให้คนหามทั้งสองคนขึ้นรถม้าออกไปจากประตูทางด้านหลัง กลับจวนอ๋องฉู่ด้วยความรีบร้อน
หยู่เหวินเห้าฟื้นขึ้นมาตอนอยู่บนรถม้า คลำหน้าผากที่เจ็บปวดสุดชีวิต กัดฟันพูด: “เจ้าสีเหลิ่ง หากว่าเจ้าไม่ชดเชยมาสักล้านสักแสนตำลึง ข้าจะปราบปรามสำนักเหลิ่งหลังของเจ้าให้ราบเรียบ”
เข้าหันหน้าไปตีหยู่เหวินหลิงที่ยังคงเมาเป็นตาย “แม่สาวน้อย ตื่น ตื่น!”
หยู่เหวินหลิงไม่มีการตอบสนองแม้แต่น้อยเลย ก็นอนหลับลึกไปเช่นนั้น เลยเวลาช่วงเที่ยงคืนตีหนึ่ง นางก็นับได้ว่าเมาฉลองวันเกิดอายุครบสิบหกปีของตัวเองแล้ว
กลับถึงจวน หยวนชิงหลิงเห็นหยู่เหวินเห้าอุ้มหยู่เหวินหลิงกลับมา ก็ตกใจแล้ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ดื่มจนเมาแล้ว!” หยู่เหวินเห้าโกรธจนดวงตาลุกเป็นประกายไฟ “เจ้าสีเหลิ่งมอมนางจนเมาแล้ว และตีข้าสลบไปพาหมาป่าหิมะไปแล้ว”
“เกินไปแล้ว!” หยวนชิงหลิงโกรธจนทนไม่ได้ เพื่อหมาป่าหิมะ เขาใช้หมดทุกวิถีทางแล้ว พาน้องสาวของสามีไปซาวโถ๋จุ้ยก็แล้วไปแล้ว ยังจะมอมนางจนเมาอีก ประเดี๋ยวจะอธิบายกับในวังอย่างไรล่ะเนี้ย?
หยวนชิงหลิงรีบขึ้นไปช่วย ส่งหยู่เหวินหลิงไปด้านในหอด้านข้าง สะกิดเรียกหลายทีก็ไม่ฟื้น ทำได้เพียงรีบให้น้ำเกลือกับนาง ทำให้แอลกอฮอล์ในเลือดเจือจาง
ผิวหนังที่หน้าผากของหยู่เหวินเห้าเสียหาย ทั้งยังบวมปูดขึ้นมาเป็นลูกใหญ่ หยวนชิงหลิงฆ่าเชื้อง่ายๆให้เขานิดหน่อย หยู่เหวินเห้าจามติดต่อกันหลายครั้ง เหน็บหนาวจนสั่นเทา ยังคงโกรธจนสบถด่าคนตลอด “เจ้าไม่รู้ว่าเขาทำเกินไปมากเท่าไหร่ เขาเอาหลิงเอ๋อร์กับข้าโยนทิ้งบนพื้นอย่างคาดไม่ถึง เย็นแข็งจนแทบตาย หลิงเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาต้องป่วยเป็นแน่”
ทางแม่นมสี่เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ รีบไปต้มซุปขิงแล้ว
ค่ำคืนดึกดื่นไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ได้นอน นี่นับว่าเป็นเรื่องอะไรกันเนี้ย?
ให้น้ำเกลือขวดหนึ่งไปแล้ว หยู่เหวินหลิงจึงค่อยๆฟื้นขึ้นมา มือสองข้างของนางกุมศีรษะ กล่าวพึมพำ: “หัวของข้าปวดจะตายอยู่แล้ว ข้าอยู่ที่ไหน? โอ๊ย มึนหัวจัง ปวดจังเลย”
หยวนชิงหลิงเอื้อมมือไปคลำหน้าผากของนาง “เจ้าดื่มจนเมาแล้ว ตอนนี้อยู่ในจวนอ๋องฉู่ ปวดหัวมากไหม?”
“ท่านพี่สะใภ้!” หยู่เหวินหลิงรู้สึกไม่สบายหลับตาลงอีกครั้ง แล้วรู้สึกว่าท้องไส้ปั่นป่วนเป็นระยะๆ “ข้าทรมานมากเลยเพคะ”
“รู้ว่าทรมานเจ้าก็ยังจะไปดื่มเหล้าอีก?” หยู่เหวินเห้าคำรามอยู่ด้านข้างเสียงหนึ่ง
“ฟ้าร้องแล้ว!” หยู่เหวินหลิงพึมพำอีกคำ ขมวดคิ้วแน่น
หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยโทสะ: “เจ้ารอกลับวังไปแล้วโดนจัดการเถอะ”
หยวนชิงหลิงดึงมือของเขาไว้ “เอาเถอะ อย่าว่านางเลย ให้นางนอนสักครู่เถอะ เมาค้างทรมานเป็นอย่างมาก พรุ่งนี้ตื่นมา สมองของนางจะต้องปวดจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว”
“สมน้ำหน้า!” หยู่เหวินเห้าทั้งโมโหทั้งสงสาร “ท่านชายสี่เหลิ่งเป็นคนไม่แบ่งเพศ นางเองก็ไม่รู้จักประมาณตัวหรือ? ไปเที่ยวเล่นที่ซ่องกับผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังดื่มเมามายเหมือนหมาอีก ดูว่าเสด็จพ่อจะจัดการนางอย่างไร”
หยวนชิงหลิงสูดหายใจเข้าอย่างหนักหน่วง มองดูหยู่เหวินเห้าอย่าโศกเศร้า “ท่านต้องไปบอกกับคนของนางสักคำ กลับวังไปอย่าพูดมั่วซั่ว”
หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้วขึ้นมา “พูดไม่ได้ คนที่นางพามาล้วนเป็นคนที่เสด็จแม่และไทเฮาส่งมาดูแล คนสนิทของนางเองก็แค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น เรื่องนี้ปิดบังไม่ได้ อย่าคิดเลย ในวังกล่าวโทษลงมา เจ้าข้าล้วนประสบกับหายนะ”
หยู่เหวินเห้าพูดถึงตรงนี้ ลูบคลำด้านหลังของตัวเองนิดหน่อยด้วยจิตสำนึก ความเป็นไปได้มากที่สุด ก็คือเขาโดนเฆี่ยนตีอีก
ครั้งก่อนขณะที่เขาโดนเฆี่ยนตีก็เคยสาบานไว้ จะไม่ถูกเฆี่ยนตีอีกเด็กขาดแล้ว ถ้าหากครั้งนี้เสด็จพ่อยังตีอีก เช่นนั้นเข้าก็ไปหาที่พึ่งมา
วันรุ่งขึ้น หยู่เหวินหลิงกลับถึงในวัง ไม่นานนัก ในวังก็มีพระราชโองการมาดังคาด บอกว่าต้องการเรียกให้รัชทายาทและพระชายารัชทายาทเข้าวัง
หยู่เหวินเห้าได้เตรียมตัวล่วงหน้าแล้ว วันนี้ก็เชิญราชครูเหว่ยเข้ามาตั้งแต่เช้าแล้ว บอกว่าต้องการสอบถามราชครูเหว่ยเรื่องนโยบายของประเทศบางอย่าง
พระราชโองการมาถึงอย่างฉับพลัน เขาจึงเชิญราชครูเหว่ยด้วยเสียเลย “วันนี้ข้ายังมีธุระอีกมากมายต้องทำ เกรงว่าจะมีเวลาไม่พอที่จะฟังราชครูเหว่ยสั่งสอน ไม่เช่นนั้นราชครูเหว่ยตามข้าเข้าวังไปพร้อมกัน พูดอย่างละเอียดอีกครั้งบนทางไป?”
ราชครูรู้สึกชื่นชมอย่างไร้ที่เปรียบสำหรับการมุมานะบากบั่นต่อการเมืองของรัชทายาท ไม่ได้คัดค้านเป็นธรรมดา ถึงกระทั่งยังไปพร้อมกันด้วยความดีใจเป็นที่สุด
ฮ่องเต้หมิงหยวนโกรธหนักดังคาด แต่ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถพูดต่อหน้าราชครูได้ ยิ่งราชครูเป็นอาจารย์ด้วย ไม่ดีที่จะเชิญเขาออกไป เพียงแค่อ้างเหตุผล บอกว่าเขาทำเรื่องไม่เหมาะสม ดุด่าเขาไปรอบหนึ่ง
หยวนชิงหลิงก็ไม่ได้รับสิทธิพิเศษดีเช่นนี้ ไปตำหนักของไทเฮา เสียนเฟยก็ถูกเชิญมาด้วย
ตั้งแต่ที่เสียนเฟยถูกกักบริเวณ ยังไม่เคยได้ออกมาก่อน ตอนนี้เพราะเรื่องของหยู่เหวินหลิง ไทเฮาเชิญนางมาเป็นกรณีพิเศษ และเป็นการเผชิญหน้ากับหยวนชิงหลิง ความโกรธแค้นทั้งเก่าและใหม่ของเสียนเฟยพรั่งพรูขึ้นสมอง กล่าวว่าดุด่าหยวนชิงหลิงอย่างใหญ่โตรอบหนึ่ง “ความประพฤติของเจ้าเองไร้แบบแผนก็ช่างเถอะ ยังจะพาเจ้าหญิงเสียอีก ในจวนของเจ้าล้วนเป็นคนแบบไหนบ้างนะ? พระชายารัชทายาทที่สง่าผ่าเผย ก่อเรื่องยั่วยุชาวยุทธภพกลับมา ยังพาเจ้าหญิงไปสถานที่แบบนั้นอีก ตอนนี้เจ้าหญิงอายุครบสิบหกปีแล้ว ใกล้จะต้องจัดการเรื่องงานอภิเษกสมรส หากว่าเรื่องนี้แพร่ออกไป เจ้ารับผิดชอบไหวหรือ?”
ตอนนี้หยวนชิงหลิงไม่มีปัญญาจะแก้ตัวอธิบายอะไรจริงๆ รู้ว่าความไม่เป็นธรรมครั้งนี้เลี่ยงได้ยาก ทำได้เพียงก้มหัวลงฟังคำด่า
เสียนเฟยเห็นนางไม่โต้แย้ง ความโกรธยิ่งมีมากขึ้น ชี้หน้านางแล้วดุด่าว่า: “ข้าขอเตือนเจ้า จำเป็นต้องจับกุมผู้ต้องหากลับมายุติคดี ฟ้องร้องเขาโทษฐานที่ล่อลวงเจ้าหญิงไป หากว่าไม่เอาหัวของคนผู้นั้นมา ข้าจะไม่ยอมจบง่ายๆเด็ดขาด”
หยวนชิงหลิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง หลบหลีกนิ้วชี้ที่สั่นเทาของนาง “เสด็จแม่ เป็นหลิงเอ๋อร์ที่ตามเขาไปเอง หลิงเอ๋อร์บรรลุนิติภาวะแล้ว นางควรรับผิดชอบเรื่องที่นางทำเอง และแม้ว่านางจะไปซาวโถ๋จุ้ย แต่ไม่ได้รับความไม่เป็นธรรม ยิ่งไม่ได้รับ…….การปฏิบัติอะไรอย่างอื่น เพียงแค่ดื่มจนเมาเท่านั้นเพคะ”
“แค่ดื่มจนเมาเท่านั้น?” เสียนเฟยยกมือขึ้นฝ่ามือหนึ่งก็ตบเข้าไป