บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 719 ท่านชายสี่ก็โกรธเป็น
ท่านชายสี่ประสานสอดมือทั้งสองไว้ในแขนเสื้อ พิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน บนริมฝีปากไม่ได้มีสีเลือดมากนัก ในดวงตาก็ช้ำเขียวเล็กน้อย ราวกับว่าไม่ได้นอนทั้งคืน ทำให้บนปีกจมูกปรากฏเส้นสีเขียวๆเล็กน้อยเส้นหนึ่ง เขามองดูหยู่เหวินเห้าแล้วกล่าว: “บนคอของหมาป่าหิมะและตอเป่าเหล่านั้น ประเดี๋ยวท่านไปแย่งมาก็ได้แล้ว”
หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างโกรธเคือง: “ท่านทำเหมือนข้าเป็นอะไร? ข้าต้องแย่งอั่งเปากับสุนัขหรือ?”
ท่านชายสี่แหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย ในดวงตาเป็นความแปลกใจ “ท่านเป็นรัชทายาทที่สูงส่ง ดูแคลนสุนัขตัวหนึ่งหรือ?”
หยู่เหวินเห้าเปล่งเสียงไม่พอใจทีหนึ่ง “ท่านเอาจริงหรอ ข้าต้องคุยกับท่านให้ดีๆหน่อย หากว่าท่านพูดเล่น ข้าคิดว่าไม่น่าขำ”
ท่านชายสี่ถอนหายใจเบาๆ ใบหน้าที่งามสง่าเป็นที่สุดปรากฏความจนปัญญาออกมา “ช่างเถอะ ข้าจะคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับท่าน? ข้ามีความโกรธในใจ ระบายไม่ได้ จึงพุ่งมาที่ท่าน ก็เป็นข้าที่ไม่ถูกแล้ว”
หยู่เหวินเห้านั่งลง ขมวดคิ้ว “หากว่าท่านไม่เต็มใจแต่งงานกับหลิงเอ๋อร์ ข้าพูดไกล่เกลี่ยให้ท่านก็ได้”
“ทำไมข้าจะไม่เต็มใจแต่งงานของกับนาง?” ท่านชายสี่แปลกใจขึ้นมาอีกครั้ง
“ท่านไม่ใช่เพราะเรื่องแต่งงานหรือ?”
ท่านชายสี่ส่ายหน้าเบาๆ “แม่สาวนั่นเหมาะสม เพียงแต่สังคมภายนอกไม่สามารถที่จะแต่งเติมเสริมกล่าวข้อบกพร่องข้าเช่นนี้ได้ ขณะนี้ทุกคนในเมืองหลวงล้วนบอกว่าข้าเป็นผู้มักมากบ้าตัณหา ทำทุกวิถีทางไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกลเพื่อคบหากับราชวงศ์ ทำให้คนทำการค้าอับอาย ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าท่านชายสี่ทำการค้า เกรงว่าก็จะต้องฟังคนอื่นเขาเย้ยเยาะสองสามประโยคแล้ว”
คิ้วของหยวนชิงหลิงกระตุกขึ้นเล็กน้อย รีบกล่าว: “วันขึ้นปีใหม่ พูดเรื่องเหล่านี้ทำอะไร? ไม่เอ่ยไม่เอ่ย”
หยู่เหวินเห้ากลับมองเขาด้วยความสงสัย “หมายความว่าอะไร? ใครแต่งเติมเรื่องว่าท่าน? ทำไมสังคมภายนอกว่าท่านเช่นนี้?”
“ตั้งแต่ที่เรื่องการแต่งงานกำหนดออกมาวันนั้น ข่าวลือเหล่านี้ก็แพร่สะพัดในสังคมภายนอก ท่านไม่เคยได้ยินหรือ?”
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า มองทางหยวนชิงหลิง เห็นนางหลบสายตา จึงกล่าว: “ข้าไม่รู้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
หยวนชิงหลิงก็ทำได้เพียงแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้ “ข้าก็ไม่รู้”
หยู่เหวินเห้าลุกขึ้น “พวกท่านนั่งไปก่อน ข้าไปหาทังหยาง”
พูดจบก็เดินไปอย่างรีบร้อน
หยวนชิงหลิงมองดูท่านชายสี่ “อาจารย์ ข้ารู้ว่าในใจของท่านไม่พอใจ แต่วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ ผ่อนไปก่อนสักสองวันแล้วค่อยพูดไม่ได้หรือ?”
ท่านชายสี่เปล่งเสียงไม่พอใจทีหนึ่ง “ข้าไม่สบายใจ ผู้ใดก็อย่าคิดว่าจะสบายใจได้”
เขาสะบัดแขนเสื้อทันที กล่าวอย่างเย็นชา: “คนตระกูลซูพูดจาน่าเกลียดเกินไปแล้ว ชื่อเสียงหลายปีของข้าท่านชายสี่ก็ถูกพวกเขาทำลายไปในเวลาหนึ่งวันเช่นนี้ ไม่หาคนไปยับยั้งพวกเขาไว้หน่อย ทำเหมือนข้าเป็นคนที่กลั่นแกล้งง่ายจริงๆงั้นหรือ? อีกอย่าง ข้าถูกฮ่องเต้หลอกใช้ก็แล้วไป พวกเขาตระกูลซูเป็นอะไร? คิดจะหลอกใช้ข้าด้วยงั้นหรือ?”
หยวนชิงหลิงนึกถึงที่ชายาเฟิงอันบอกว่าแท้จริงแล้วในใจของเขากระจ่างทุกอย่าง ตอนนี้เห็นว่าเป็นจริงตามนี้ จึงกล่าว: “ท่านอย่าไปใส่ใจนักเลย คนนอกพูดอะไร ปล่อยพวกเขาพูดไป ปากอยู่บนตัวของพวกเขา หรือว่ายังจะสามารถควบคุมได้……”
ท่านชายสี่ขัดจังหวะคำพูดของนาง “ทำไมจะควบคุมไม่ได้? พวกเขาว่าคนอื่นข้าไม่สน จะว่าข้าไม่ได้ พูดความจริงได้ จะแต่งเติมเสริมแต่งไม่ได้ ที่ข้าท่านชายสี่ไม่ได้ทำ ผู้ใดก็อย่าคิดที่จะเพิ่มเข้ามาบนหัวของข้า”
นี่เป็นครั้งแรกที่หยวนชิงหลิงเห็นท่านชายสี่เดือดดาลอย่างจริงจัง
และเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสีหน้าท่าทางจริงจังเคร่งขรึมจากตัวของเขา
ที่ผ่านมารู้แค่ว่าท่านชายสี่ล่อลวงง่าย ความจริงไม่ใช่โดยสิ้นเชิง ในใจของเขาเข้าใจชัดแจ้ง เพียงแต่เวลาที่เขาสามารถแกล้งทำเป็นหูหนวกตาบอดไม่พูดจา ก็ปล่อยให้พวกเจ้าก่อเรื่อง แต่สัมผัสถึงเส้นตาย เขาก็แสดงท่าทีออกมา
“เพียงแค่ชื่อเสียงของข้าผู้เดียวไม่ได้สำคัญ แต่ชื่อเสียงของร้านค้า ชื่อเสียงของคนทำการค้าก็ไม่สามารถถูกพวกเขาหมิ่นประมาทเช่นนี้ได้ นี่เป็นเรื่องของอาชีพอาชีพหนึ่ง ในเมื่อข้าใช้ฐานะของคนทำการค้ามาเป็นลูกเขยของฮ่องเต้ ข้าก็เป็นตัวแทนของคนทำการค้าทั้งโลก เป็นคน มีบางครั้งสามารถเลอะเลือนได้บ้างนานาที แต่บางครั้ง เจ้าจำเป็นต้องรักษาความมีสติตื่นรู้และระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้คนมากมายเอาผลประโยชน์มาผูกไว้บนตัวของเจ้า”
หยวนชิงหลิงมองดูเขาอย่างตะลึง กล่าวเบาๆ: “อาจารย์กล่าวได้ถูกต้อง”
ท่านชายสี่เก็บสีหน้า แล้วกล่าว: “อีกอย่าง เรื่องนี้ในวังจัดการอย่างไร ข้าไม่รู้ แต่ รัชทายาทควรจะต้องรู้ เขาจำเป็นต้องตัดไมตรีแตกคอกับตระกูลซู น้ำคำสักน้อยก็ล้วนไม่สามารถเปรอะเปื้อนได้ ไม่เช่นนั้นจะทำร้ายเขา ทำไมคำคนถึงได้น่ากลัว? ก็เพราะคำคนสามารถกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม กระทบจิตใจคนได้”
หยวนชิงหลิงพยักหน้าเงียบๆ อันที่จริงนางรู้ความหมายของท่านชายสี่ เขาต้องการให้เจ้าห้าตัดความสัมพันธ์กับตระกูลซู จุดประสงค์สุดท้ายในนั้นคือต้องตัดสัมพันธ์กับเสียนเฟย แต่ คนนอกกล่าวง่าย ระหว่างแม่ลูก จะตัดสัมพันธ์ได้อย่างไร?
ท่านชายสี่ยืนขึ้น กล่าวด้วยความแค้นใจ: “พูดจนในใจของข้าโกรธเป็นไฟสุดๆแล้ว”
เขาเดินออกไป ร้องเรียกคำหนึ่ง “พวกเด็กๆ ไป ท่านปู่พาพวกเจ้าไปกินขนม พาหมาป่าหิมะไปด้วย” จะบรรเทาความกังวลได้อย่างไร? มีเพียงหมาป่าหิมะเท่านั้น!
ร้องเรียกครั้งหนึ่งตอบรับเป็นร้อย!
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม หยู่เหวินเห้ากลับมาด้วยสีหน้าหนักหน่วง ในมือเอาเสื้อคลุมมาชุดหนึ่ง คลุมให้หยวนชิงหลิง “ที่นี่หนาว ไม่เช่นนั้นกลับไปนั่ง? อีกเดี๋ยวน่าจะมีคนมาอวยพรปีใหม่แล้ว”
วันนี้ เจ้าหกสองสามีภรรยาและเจ้าเจ็ดน่าจะมา
เขาหลบเลี่ยงและไม่พูดถึงเรื่องเมื่อครู่
หยวนชิงหลิงก็ไม่ถาม
“ได้!” หยวนชิงหลิงจับมือเขาแล้วลุกขึ้น สามีภรรยาทั้งสองกลับมาที่ตำหนักเซี่ยวเยว่ ครู่เดียว ได้ยินด้านนอกรายงานว่าอ๋องหวยสามีภรรยาและอ๋องฉีมาแล้วดังคาด
หรงเยว่จะต้องมาด้วยแน่ เพราะว่าท่านชายสี่อยู่ที่นี่
ล้วนเป็นคนกันเอง ก็ไม่ได้ต้อนรับด้วยคำพูดที่มีพิธีรีตองอะไรมากกัน สนทนากันในตำหนักอุ่น
เพียงแต่ อ๋องฉีก็คือคนที่ไม่รู้เรื่องไหนก็ถามถึงเรื่องนั้น พูดไปพูดมาก็กล่าว: “ท่านพี่ห้า สองวันนี้ผู้คนด้านนอกพูดจาไม่น่าฟังเป็นอย่างมาก ท่านได้ยินแล้วหรือไม่? บอกว่าท่านชายสี่เป็น……ไม่ว่ายังไงก็เหมือนกับเรื่องตอนนั้นที่ท่านทำกับท่านพี่สะใภ้ห้าในจวนเจ้าหญิงเช่นนั้นน่ะ”
อ๋องฉีที่ปากไม่มีหูรูดจนคุ้นเคยแล้ว แต่คำเหล่านั้นก็ไม่ได้พูดออกจากปาก
สายตาของหรงเยว่เย็นชา “เป็นคนตระกูลซูแพร่ข่าวออกมา ข้าสั่งให้คนตรวจสอบล่วงหน้าแล้ว”
“ตระกูลซูไหน?” อ๋องฉีตกตะลึงทันที
“ยังมีที่ไหนอีก? บ้านของเสียนเฟยไงล่ะ” หรงเยว่กล่าวไป ชำเลืองมองหยู่เหวินเห้าแวบหนึ่ง “มีบางคำ ข้าไม่พ่นออกมาก็ไม่สบายใจ เสียนเฟยนี่ไม่รู้ว่าจะพยายามดิ้นรนอะไร เรื่องงานแต่งก็กำหนดออกมาแล้ว ทำลายชื่อเสียงของท่านชายสี่และก็ไม่ใช่ว่าทำลายชื่อเสียงของเจ้าหญิงด้วยหรือ? ทำให้ลูกชายลูกสาวของตัวเองไม่สบายใจโดยเฉพาะ ตอนนั้นซูต๋าเหอไปหาคนของสำนักเหลิ่งหลังให้สังหารพระชายารัชทายาท ก็เพราะนางแนะนำ ตอนนี้ในยุทธจักรยังมีนักฆ่าที่นางหามาอีกล่ะ หากว่าไม่ได้ถูกคนของสำนักเหลิ่งหลังยับยั้งไว้ พระชายารัชทายาทก็ไม่มีชีวิตแล้ว นางต้องการบ้าอะไรกันแน่?”
“หรงเยว่!” อ๋องหวยตำหนิเบาๆ
สายตาของหยู่เหวินเห้า เปลี่ยนเป็นน่ากลัวขึ้นมาทันที
สองมือของเขาจับที่เท้าแขนของเก้าอี้ไว้ ตำแหน่งของนิ้วโป้ง จมเข้าไปครึ่งหนึ่ง หลังมือเส้นเลือดปูดขึ้นแล้ว
หากบอกว่า ทั้งหมดเป็นการคาดเดามาโดยตลอด ปัดความรับผิดชอบให้ซูต๋าเหอมาโดยตลอด เป็นการคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก ถึงกระทั่งขณะที่ยายหยวนให้กำเนิดการกระทำที่ชั่วร้ายทุกอย่างของนาง ยังสามารถพูดแก้ตัวว่าเป็นความวู่วามชั่วขณะ จนถึงนาทีนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างของสังคมภายนอกบวกกับทั้งหมดที่หรงเยว่พูด เขาไม่มีปัญญาที่จะสามารถหลอกตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว
หรงเยว่รู้ตัวว่าตัวเองพลั้งปาก แต่ในเมื่อพูดไปแล้ว พูดต่อก็ไม่น่าจะเป็นไร: “รัชทายาทไม่สามารถอาศัยให้สำนักเหลิ่งหลังมาปกป้องพระชายารัชทายาทได้ตลอดนะเพคะ หากว่าเกิดความผิดพลาดล่ะ? ท้ายที่สุดยังต้องปราบเหตุการณ์เช่นนี้ให้หมดถึงจะได้ คนนอกอยากจะได้ศีรษะของพระชายารัชทายาทก็แล้วไป คนของตัวเองเป็นเช่นนี้มาตลอดนับว่าเป็นเรื่องอะไร? ตอนนี้เสียนเฟยมุ่งหวังให้คนของตระกูลซูจัดการธุระให้นาง ไม่มีตระกูลซูช่วยเหลือนาง นางก็มีเพียงแค่ความคิดชั่วร้ายไม่สามารถลงมือทำเรื่องมากมายได้ แต่ฮ่องเต้ทรงระลึกว่าไทเฮาก็เป็นคนตระกูลซู เพื่อความกตัญญู จะไม่ลงโทษสถานหนัก รัชทายาทท่านไตร่ตรองเองเถอะเพคะ โดนกล่าวหาว่าเป็นคนอกตัญญู จะต้องมีคนผู้หนึ่งแบกรักภาระเพคะ”