บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 721 ท่านเลอะเลือนไปแล้ว
หยู่เหวินเห้าด่าเช่นนี้ ทุกคนต่างก็รู้แล้วว่าคนของตระกูลซู ใส่ร้ายท่านชายสี่เหลิ่ง เพื่อให้ได้อภิเษกกับเจ้าหญิง รักษาฐานะตำแหน่งให้มั่นคง เพียงภายในเวลาสั้นๆคำพูดนินทา ว่าร้ายท่านชายสี่ ถูกร่ำลือออกไปอย่างรวดเร็ว
คนที่ชอบความตื่นเต้นไม่สนใจว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ยังไงก็ไม่มีคนสนใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ และองค์ชายรัชทายาท ยังปกป้องน้องเขยของตนเอง อย่างไม่เห็นแก่สถานะของตนเอง ยังจะเป็นเรื่องเท็จหรือ? ดังนั้นจึงพูดต่อกันจากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย ตระกูลซูกลายเป็นเป้าที่ประชาชนทั่วไปโจมตี
อ๋องจี้จะคิดได้อย่างไรว่าภายในนี้ ซ่อนความคดเคี้ยวไว้มากมายขนาดนี้ เดิมเขาแค่อยากเอาใจไทเฮา หากตระกูลซูประสงค์ร้าย เขาเสียใจที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่น่ารังเกียจนี้ ยังทำให้ตนเองต้องถูกโบยไปด้วย เห็นใบหน้าที่แทบจะกินเนื้อคนของหยู่เหวินเห้า ก็ไม่กล้ามีเรื่องกับเขา รีบหนีบหางแล้วก็เผ่นหนีไปแล้ว
เดิมตระกูลซูคิดว่าไทเฮาจะมาเรียกร้องความยุติธรรม คิดไม่ถึงว่าทางด้านไทเฮาไม่ได้ส่งคนมา อ๋องจี้ก็ไปแล้ว ตระกูลซูรับมือกับความโกรธโมโหของหยู่เหวินเห้าไม่ไหว จึงต่างก็ต้องจากไปเหมือนกัน
หมันเอ๋อกลับไปรายงานหยวนชิงหลิง ตื่นเต้นอย่างที่สุด บอกว่าคนของตระกูลซู ถูกองค์ชายรัชทายาทโบยตีเหมือนดั่งลูกหมาตกน้ำ
หยวนชิงหลิงหัวเราะไม่ออกเลยสักนิด ถามหมันเอ๋อว่า “ฝ่าบาทล่ะ?”
“หลังจากคนของตระกูลซูไปแล้ว ฝ่าบาทก็ออกไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปไหน”หมันเอ๋อพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบา พร้อมพูดขึ้นว่า “รู้แล้ว”
เขาน่าจะเข้าวังไปแล้ว ไทเฮาไม่มีทางไม่สนใจตระกูลซู และต้องป้องกันไม่ให้คนของทางด้านตระกูลซู ส่งคนเข้าวังไปบอกข่าวเสียนเฟย
วันขึ้นปีใหม่เช่นนี้ หากเสียนเฟยเดือดร้อนขึ้นมา และงานอภิเษกของเจ้าหญิงก็ยังไม่ได้จัดขึ้น ฮ่องเต้ไม่สะดวกที่จะทำอะไร
หยู่เหวินเห้าเข้าวังไปแล้วจริงๆ เขาไปขอรับโทษที่พระตำหนักไทเฮา
ไทเฮาไม่พบเขา ให้เขาคุกเข่ารออยู่ด้านนอก
ลมหนาวเย็นจัด เขาคุกเข่าอยู่บนพื้นหิมะ อย่างแน่นิ่ง
มีนางข้าหลวงไปทูลรายงานฮ่องเต้หมิงหยวน ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ อยากที่จะช่วยแต่ก็ไม่สามารถที่จะช่วยได้
ในใจเขารู้ดี เจ้าห้ายอมแบกรับความผิดโทษฐานอกตัญญูแทนเขา ตระกูลซูเป็นเหมือนก้างปลา ติดอยู่ตรงคอของเขา เอาออกไม่ได้ กลืนลงไปก็ไม่ได้ แตะต้องตระกูลซู ทำให้ไทเฮาโกรธส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ กลายเป็นความอกตัญญู ไม่แตะต้องตระกูลซู พวกเขาก็ไม่รู้จักเจียมตัว ได้คืบจะเอาศอก ยิ่งแอบสมคบคิดวางแผนกับเสียนเฟย น่ารังเกียจอย่างมาก
โดยเฉพาะในสถานการณ์ตอนนี้ เขายิ่งต้องยับยั้งชั่งใจ เจ้าห้ายืนออกมา ทำสิ่งนี้เพื่อเขา เป็นการรับผลการกระทำแทนเขา
หวังว่าเสด็จย่าจะเอ็นดูหลาน ไม่ให้เจ้าห้าตกอยู่ในความน่าสงสารมากเกินไป
ทางด้านตระกูลซู มีฮูหยินหลายคนมาขอเข้าเฝ้าไทเฮา ล้วนถูกห้ามไว้ ไม่ให้เจอไทเฮา และเจอเสียนเฟยก็ไม่ได้ คนของตระกูลซู ต่างก็ร้อนใจเหมือนดั่งมดอยู่ในกระทะร้อน
ในขณะที่ไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากที่ไหนได้ ฮองเฮาฉู่สั่งจางกงกงในตำหนักออกไปทำธุระ เห็นเกี้ยวของฮูหยินใหญ่ตระกูลซูอยู่ด้านนอก จึงเดินไปทำความเคารพทักทาย
ฮูหยินใหญ่ตระกูลซูจำจางกงกงได้ รู้ว่าเขาเป็นคนในพระตำหนัก จึงเหมือนดั่งเจอดาวช่วยชีวิต รีบฝากกงกงไปช่วยส่งข่าวให้กับเสียนเฟย กงกงกลัาเสียที่ไหน? ปฏิเสธอย่างที่สุด ฮูหยินใหญ่ซูแอบยัดตั๋วเงินให้ เหลือเพียงแค่เกือบคุกเข่าขอร้องแล้ว
จางกงกงจึงต้องดึงฮูหยินไปที่มุมกำแพง พร้อมกระซิบพูดขึ้นว่า “หลายปีมานี้ข้าน้อยก็ได้รับการดูแลจากเสียนเฟยเหนียงเหนียงไม่น้อย ตอนนี้ตระกูลซูพบกับความลำบาก ข้าน้อยก็จะนิ่งดูดายไม่ได้ แต่ข้าน้อยมีความสามารถจำกัด ทำได้เพียงเอาความไปบอกที่ตำหนักชิ่งหยู แต่ต่อไปจะเป็นอย่างไร ขอฮูหยินใหญ่อย่าดึงข้าน้อยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ข้าน้อยรับไม่ไหวจริงๆ”
ฮูหยินใหญ่ซูได้ยินว่ายอมไปช่วยบอกข่าว ก็ยอมรับประกันทุกอย่าง บอกว่าจะไม่ดึงกงกงเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเด็ดขาด
จางกงกงจึงยอมทำเรื่องนี้ให้ และให้ฮูหยินใหญ่ซูกลับไปรอฟังข่าว
จางกงกงส่งฮูหยินใหญ่ซูกลับไปแล้ว ก็ไม่ได้ออกไปทำธุระ ตรงกลับวังไปหาฮองเฮาฉู่
วันนี้เจ้าหญิงเหวินจิ้งพาลูกมาด้วย ได้ยินว่าจางกงกงมา ฮองเฮาฉู่จึงให้เจ้าหญิงเหวินจิ้งพาลูกเข้าไปภายในตำหนักก่อน
หลังจากจางกงกงเข้าไปในตำหนักแล้ว ก็คุกเข่าทูลว่า “เหนียงเหนียง เป็นอย่างที่ท่านคิดไว้ ทางด้านตระกูลซูขอให้ข้าน้อยส่งข่าวไปให้เสียนเฟย”
ฮองเฮาฉู่พูดขึ้นอย่างเย้ยหยันว่า “ข้าสงสัยแต่แรกแล้ว หากเสียนเฟยป่วยหนัก ทำไมถึงไม่มีการตามหมอหลวง พระชายารัชทายาทก็ไม่ได้เข้ามารักษาอย่างบ่อยครั้ง รู้ว่ามีอะไรผิดปกติตั้งแต่แรก กลับคิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้ต้องการที่จะลงโทษนาง”
“งั้น……” จางกงกงลังเลสักพัก พร้อมพูดขึ้นว่า “ยังจะต้องไปแจ้งข่าวให้กับเสียนเฟยไหม? หากฮ่องเต้ตั้งใจที่จะลงโทษเสียนเฟยแต่แรก เหนียงเหนียงก็ไม่จำเป็นต้องไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
ฮองเฮาฉู่พูดขึ้นด้วยใบหน้าเยือกเย็นว่า “ไม่ จางกงกง ข้าทำเรื่องที่ดีใจอ่อนมามากแล้ว ถึงต้องตกอยู่ในตำแหน่งฐานะที่น่าลำบากใจเช่นนี้ ข้าจะเสี่ยงอันตรายอีกต่อไปไม่ได้ แม่ขององค์ชายรัชทายาทจะต้องตาย ถึงจะไม่ต้องกังวลในภายหลัง เจ้าคิดหาวิธีไปบอกข่าวให้คนในตำหนักชิ่งหยู บอกว่าองค์ชายรัชทายาทจุดไฟเผาจวนตระกูลซู มีคนตายไปแล้วหลายคน พูดอีกว่าไทเฮาก็สนับสนุนให้องค์ชายรัชทายาททำเช่นนี้ แล้วก็เอาเงินไปให้กับองครักษ์ของตำหนักชิ่งหยู หากเสียนเฟยเดือดร้อนที่จะออกไป พวกเขาไม่จำเป็นต้องห้ามอย่างสุดกำลัง”
จางกงกงรับคำสั่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอรับ ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”พูดเสร็จ ก็ทูลลาจากไป
หลังจากจางกงกงไปแล้ว เจ้าหญิงเหวินจิ้งพาลูกเดินออกมาจากด้านหลังม่าน นางใช้ให้คนมาพาลูกออกไป แล้วมานั่งด้านข้างฮองเฮาฉู่ ขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จแม่ ทำไมท่านจะต้องไปมีส่วนร่วมในเรื่องนี้?”
ฮองเฮาฉู่ถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จแม่อยากเสียที่ไหน? แต่ตอนนี้จะปล่อยให้เกิดอะไรผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด เสียนเฟยจะต้องตาย นางไม่ตาย ข้าจะวางใจได้อย่างไร?”
เจ้าหญิงเหวินจิ้งก็ถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จแม่ท่านเสียสติไปแล้ว วันนี้ท่านเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ต่อไปเมื่อเจ้าห้ารู้ ท่านจะเผชิญหน้าเขาอย่างไร? เขาจะต้องแบกรับคำด่าที่ว่าฆ่าแม่ของตนเอง”
“เป็นเขาแบบรับได้อย่างไร? ฮ่องเต้มีความตั้งใจต้องการที่จะฆ่าเสียนเฟยแต่แรกแล้ว”คิ้วฮองเฮาฉู่ขมวดนูนกระตุก พยายามที่จะหาข้ออ้างให้กับตนเอง
“ต้องเป็นเขาแน่นอน ครั้งนี้เสียนเฟยจะต้องเดือดร้อนอย่างที่สุด เสด็จพ่อจะต้องไม่ให้อภัยนางแน่ ตอนนี้เสียนเฟยยังมีโอกาสรอด แต่หากเดือดร้อนในครั้งนี้ จะต้องตายเป็นแน่ เรื่องนี้เกิดจากเพราะองค์ชายรัชทายาทสร้างปัญหาให้กับตระกูลซู ท่านว่าเป็นความผิดขององค์ชายรัชทายาทหรือไม่? ถึงแม้เสียนเฟยจะน่าเกลียดชัง แต่องค์ชายรัชทายาทกับท่านต่างก็ไม่กล้าไปยุ่ง ไม่รู้ว่าใครที่ประสงค์ร้ายขนาดนี้ ที่ทำให้องค์ชายรัชทายาทออกหน้าในสถานการณ์เช่นนี้ องค์ชายรัชทายาทก็เสียสติไปแล้ว ทางด้านตระกูลซู หลายปีมานี้จะตายแหล่มิตายแหล่ เขาไม่สามารถที่จะยกให้เสด็จพ่อเป็นคนจัดการหรือ?”
เจ้าหญิงเหวินจิ้งพูดพร้อมกับ กระทืบเท้าไม่หยุด
ฮองเฮาฉู่เอามือกุมขมับ รู้สึกว่าหายใจค่อนข้างลำบาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ ฮ่องเต้ไม่มีทางลงโทษตระกูลซู ฮ่องเต้เป็นลูกกตัญญู จะลงโทษตระกูลซูได้อย่างไร? หลายปีมานี้หากจะลงโทษคงลงโทษไปแต่แรกแล้ว ตระกูลซูไม่ได้เรื่อง อาศัยแต่เพียงเสียนเฟยก่อเรื่องวุ่นวาย เสด็จพ่อของเจ้าก็ให้ท้ายมาตลอด ตอนนี้แค่เนรเทศซูต๋าเหอเพียงคนเดียว เสียนเฟยไม่ก่อเรื่องอย่างที่สุด ฮ่องเต้ก็ไม่สามารถลงโทษตระกูลซู ไม่สามารถลงโทษเสียนเฟย ถึงแม้องค์ชายรัชทายาทจะต้องแบกรับคำด่า แต่ต่อไปเขาก็จะกระทำการทุกอย่างได้อย่างราบรื่นแล้ว จะไม่มีอะไรมาบั่นทอนเขาอีก ความจริงแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี ข้าก็เป็นการช่วยเขาไว้ไม่ใช่หรือ?”
เจ้าหญิงเหวินจิ้งฟังเช่นนี้แล้ว ก็ถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จแม่ นี่ท่านกำลังช่วยองค์ชายรัชทายาทตรงไหน? นี่ท่านกำลังทำลายเขา หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา เจ้าเจ็ดจะได้เป็นองค์ชายรัชทายาทไหม? หากเจ้าเจ็ดไม่ได้เป็นองค์ชายรัชทายาท คนอื่นที่มีความหวังมีคนไหนที่ธรรมดาบ้าง? ต่อไปท่านจะรับมือไหวไหม?”
ฮองเฮาฉู่ได้ฟังเช่นนี้แล้ว ในใจก็ย่ำแย่ขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาก็แค่เจตนาพูดให้ผู้อื่นตกใจแค่นั้นเองมั้ง? นี่จะเป็นการทำร้ายเขาอย่างไร? ในใจฮ่องเต้ยังรู้สึกผิดต่อเขาอยู่เลย”