บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 726 ต่างคนต่างมีใจ
ตอนตีห้า คนของจวนเหลิ่งพาหยู่เหวินเห้ามาส่ง
เขาดื่มจนเมามาก เข้าประตูมาก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้ว หยวนชิงหลิงสั่งคนพาเขาไปนอนบนเตียง แล้วก็เรียกหมันเอ๋อไปเอาน้ำร้อน มาช่วยเช็ดหน้าเช็ดมือให้เขา
บนตัวเขามีกลิ่นสุราแรงมาก ได้ยินคนของจวนเหลิ่งพูดว่า เขาดื่มสุราไปกว่าห้าชั่ง
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าภายในใจลึกๆเจ็บปวด แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน นับดูแล้วก็ประมาณสองปีกว่า ความใกล้ชิดสนิทสนมกัน ต่างก็คุ้นเคยกันดี รู้ใจกัน ผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย แต่เมื่อนับดูแล้ว มีความอันตรายจริงๆ คงมีเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว
นั่งอยู่ข้างกายเขา ฝ่ามือลูบใบหน้าของเขา ช่วงนี้เขาก็ต้องทุกข์ทรมานลำบากอย่างมาก ผิวบนใบหน้าหยาบกระด้างยิ่งกว่าที่ผ่านมา
ตั้งแต่ไปอยู่กรมการพระนคร เขาไปเช้ากลับค่ำงานยุ่งอย่างมากทุกวัน แทบจะไม่มีเวลาหยุดพัก มีเวลาว่างเป็นบางครั้ง ก็ต้องไปยุ่งกับงานอย่างอื่น
เขาลำบากอย่างมาก
เพราะในใจเขาทุกข์ทรมานอย่างมาก จึงได้ดื่มจนเมาขนาดนี้?
จ้องมองดูอยู่สักพัก แล้วก็เห็นเขาค่อยๆลืมตาขึ้นมา
แววตาของเขาฉายแววโศกเศร้าขึ้นมาให้เห็นก่อน จากนั้นก็กลายเป็นแววตาที่ซับซ้อน จับมือของนางไว้ แล้วก็ดึงไปแนบไว้ที่หน้าของตนเอง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงแหบว่า “ทำไมถึงยังไม่นอน?”
เขายืนมือดึงหยวนชิงหลิงลงมา โอบกอดไว้แนบอก คางวางแนบใบหูของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “นอนเถอะ ดูตาของเจ้าสิแดงไปหมดแล้ว”
หยวนชิงหลิงซบอยู่ในอ้อมอกของเขา วางมือไว้บนไหล่ของเขา ร่างกายอ่อนแอไม่มีเรี่ยวแรงเลยสักนิด
หยู่เหวินเห้าดูเหมือนจะหลับไปอีกแล้ว ลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่หน้าผากของหยวนชิงหลิงแนบชิดดวงตาของเขา สามารถรู้สึกได้ว่าขนตาของเขาสั่นไหว
เขาไม่ได้หลับ
นางรู้สึกว่า ระหว่างสามีภรรยาไม่ควรที่จะสงบกับเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ ดังนั้นนางจึงใช้มือทั้งคู่วางบนหน้าอกของเขา แล้วก็เงยหัวขึ้นมามองดูใบหน้าของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นภายในวัง ถ้ารู้หมดแล้ว”
หยู่เหวินเห้าหลับตาอืมคำหนึ่งอย่างหนักแน่น จากนั้นสักพักแล้วก็ลืมตา พร้อมพูดขึ้นว่า “ห้ามคิดไปเรื่อยเปื่อย เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่สามารถที่จะกลับไปแก้ไขอะไรได้”
ดวงตาหยวนชิงหลิงเปียกชื้น พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าโทษข้าไหม?”
หยู่เหวินเห้ามองดูนาง พร้อมพูดขึ้นอย่างค่อนข้างตะลึงว่า “ทำไมเจ้าถึงได้คิดเช่นนี้? ข้าจะโทษเจ้าได้อย่างไร? เจ้าทำอะไรผิด?”
ในใจหยวนชิงหลิงอึดอัดเล็กน้อย “เรื่องมาถึงทุกวันนี้ ล้วนเป็นเพราะข้า ข้าคิดว่าเจ้าจะห่างเหินกับข้า”
หยู่เหวินเห้าสัมผัสหน้าผากของนาง พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบ ภายในปากยังเต็มไปด้วยกลิ่นสุราว่า “ไม่มีทางไปตลอด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าเป็นคนที่เสียเปรียบที่สุด หากจะมีความผิดจริง ก็เป็นเพราะข้าวู่วาม ไม่ควรที่จะไปเผาตระกูลซู….แต่ตระกูลซู จะสมยอมให้ท้ายหรือ? เจ้าหยวน ต่างไม่มีความผิด เพียงแต่จุดยืนไม่เหมือนกัน ใจของท่านแม่อยู่ที่ตระกูลซู นางไม่เคยคิดถึงประเทศชาติบ้านเมือง นางมีวันนี้ ก็เพราะทำตัวเองทั้งนั้น ข้าในฐานะที่เป็นรูปต่อให้เจ็บปวดใจ แต่ที่จริงข้าไม่มีทางเลือก หากข้าปล่อยปละละเลยไม่สนใจ แล้วจะแตกต่างอะไรกับการให้ท้าย? ไม่อยู่ในตำแหน่งน้ัน ไม่พึงคิดถึงเรื่องของตำแหน่งนั้น ข้าจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนี้ ถึงจะสามารถทำให้คำร่ำลือสงบลง แบบนั้นหลิงเอ๋อร์อภิเษกไปแล้ว ถึงจะไม่มีคำครหา”
คำพูดพวกนี้ หยู่เหวินเห้าใช้พูดปลอบใจตัวเอง ตอนนี้ก็เอามาใช้ปลอบหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงรู้ ต่อให้หลักการพูดได้ดีขนาดไหน ก็ไม่เท่ากับว่าในใจจะไม่ทุกข์ทรมาน
“ส่วนอย่างอื่น เสด็จพ่อควรที่จะทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้นเถอะ ก่อนที่ข้าจะออกจากวัง ก็ได้ทูลขอให้เสด็จพ่อปลดจากการเป็นองค์ชายรัชทายาทแล้ว”หยู่เหวินเห้าหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ดื่มสุราไปค่อนข้างเยอะ ขมับนูนขึ้นมากระตุก
เขาลืมตาขึ้นมามองหยวนชิงหลิงอย่างกะทันหัน พร้อมพูดขึ้นว่า “หากข้าไม่ใช่องค์ชายรัชทายาทแล้ว เจ้าจะผิดหวังไหม?”
หยวนชิงหลิงมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ผิดหวัง ข้าก็ไม่ได้อยากให้เจ้าเป็นชายรัชทายาท”
เขาจึงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นก็ดี ข้าสามารถทำร้ายใครก็ได้ ทำให้ใครผิดหวังก็ได้ แต่กลัวเป็นการทำร้ายเจ้า ทำให้เจ้าผิดหวังอย่างที่สุด”
เขาพูดเสร็จ แล้วก็อุ้มนางกอดแนบอกแน่น
น้ำตาหยวนชิงหลิงไหลเปื้อนขนตา ฟังคำพูดนี้แล้ว ความกังวลที่รู้สึกมาตลอดทั้งคืน ในที่สุดก็โล่งอก พูดขึ้นอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ข้ากลัวว่าเจ้าจะห่างเหินจากข้าด้วยเหตุนี้มาก”
เขาลูบหลังของนางอยู่อย่างเบาๆ พร้อมพูดพึมพำว่า “ไม่มีทาง ข้าหยู่เหวินเห้ารู้สำนึกดี เจ้าหยวนชิงหลิงทำเพื่อข้าทุกสิ่งอย่าง ข้าจดจำขึ้นใจ เดิมก็เป็นข้าที่ผิดต่อเจ้า ตอนที่เจ้าคลอดลูก ท่านแม่กระทำกับเจ้าเช่นนั้น ข้าไม่ได้ทำอะไรเพื่อเจ้า เจ้ายังไม่ว่าข้าอะไรสักคำ ตอนนี้เวลาแบบนี้ข้าจะห่างเหินกับเจ้าได้อย่างไร? เจ้าห้ามคิดมาก ไม่มีใครสามารถแยกพวกเราได้ ตลอดชีวิตนี้ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย จะรุ่งโรจน์หรือหายนะ เจ้าก็จะต้องอยู่เคียงข้างข้า ใครก็ห้ามปล่อยมือก่อนเด็ดขาด”
หยวนชิงหลิงซบแนบอกของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ ใครก็ห้ามปล่อยมืออีกฝ่ายก่อนเด็ดขาด”
วินาทีนี้ นางคิดว่า ต่อให้ต้องทำเพื่อหยู่เหวินเห้าอีกมากมายแค่ไหนก็คุ้ม
ภายในวังไม่มีความเคลื่อนไหวใดใด หลายวันแล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น
ภายนอกต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักหนา ต่างก็รู้ว่าเสียนเฟยทำร้ายไทเฮา ทุกคนต่างก็กำลังรอคอยดู และก็มีคนกระเหี้ยนกระหือรือ แม้แต่ขุนนางข้าราชบริพารต่างก็ปรึกษากันเป็นการส่วนตัว รอวันที่แปดของปีใหม่ทางจันทรคติ ตอนที่ขึ้นว่าราชการ ก็จะยื่นฎีกาลงโทษผู้ที่กระทำผิดร่วมกับองค์ชายรัชทายาท
ข่าวแพร่กระจายสู่สาธารณะโดยปริยาย ประชาชนต่างก็ตกตะลึงอย่างมาก ตระกูลซูก็รู้เรื่องนี้ เดิมอ๋องจี้จะยกจวนหลังหนึ่งให้กับตระกูลซู ก็ไม่กล้าให้อีกแล้ว ดีที่คนของตระกูลซูไม่ได้ย้ายเข้าไปอยู่ ก่อนหน้านั้นพวกเขาได้ซื้อจวนไว้แล้ว
ทางด้านตระกูลซูก็ตกตะลึงอย่างมาก
หลังจากที่มีข่าวลือออกมา ใครก็ไม่กล้าเดือดร้อนอีก กลัวเป็นการกระทำผิดร่วม หัวของตระกูลซูอาจจะหลุดออกจากบ่า
ก็ยังมีคนที่มองโลกในแง่ดีคิดว่ายังไงไทเฮา ก็ยังคงเห็นแก่ตระกูลซู ไม่ว่ายังไง ตระกูลซูก็เป็นครอบครัวต้นตระกูลของนาง ทนเห็นขนของตระกูลซูตายไม่ได้
แต่จะมีคนที่มองโลกในแง่ดีมากแค่ไหน ลอบฆ่าไทเฮา นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาในราชวงศ์ทุกสมัย เสียนเฟยเป็นหลาน และก็เป็นนางสนมวังหลัง ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อจริยธรรมอย่างใหญ่หลวงของมนุษย์ หากสอบสวนอย่างจริงจัง องค์ชายรัชทายาทกับเจ้าหญิง ต่างก็จะได้รับผลกระทบเกี่ยวข้องไปด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงต้นเหตุผู้กระทำอย่างตระกูลซู
ผู้มองโลกในแง่ร้ายเหล่านี้ เริ่มเก็บข้าวของและออกจากเมืองหลวง หลบหนีไป ต่อไปหากมีการสืบสวนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตนเองแล้ว
พี่ซูหลงมายังจวนอ๋องฉู่ในวันที่หกของปีใหม่ เล่าเรื่องสถานการณ์ของตระกูลซูในตอนนี้ให้หยู่เหวินเห้าฟัง
หยู่เหวินเห้าเงียบไม่พูดอะไร สิ่งที่ตระกูลซูกระทำ เขาคิดว่ามีเหตุและผล แต่ในใจจะไม่ทุกข์ทรมานหรือ? นั่นมันเป็นไปไม่ได้
พี่ซูหลงเห็นเขาเป็นเช่นนี้ จึงพูดขึ้นว่า “ที่จริงถือเป็นเรื่องที่ดี ตระกูลซูควรได้รับการจัดการใหม่ ถ้ากิ่งที่คดเคี้ยวของต้นไม้เก่าไม่ถูกตัดแต่ง จะเป็นที่รำคาญของคนและยังกีดขวางทางเดิน ผ่านเรื่องครั้งนี้ไปแล้ว ข้าคิดว่าพวกเขาจะสงบเสงี่ยมลงบ้าง”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “ตระกูลซูสร้างเรื่องเลวร้ายมาเนิ่นนาน ครั้งนี้มีคนจากไปแล้วกี่คน?”
“คนที่ค่อนข้างสนิทสนมกับท่านน้า แทบจะไปหมดแล้ว ที่เหลือ ปกติก็หาไม่ได้เงินอะไรมากมาย คงไม่สามารถที่จะไปเริ่มต้นที่อื่นได้อีก” พี่ซูหลงมองดูเขา ลังเลสักพักพร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้จะปลดองค์ชายรัชทายาทไหม?”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นไว้ “ไม่รู้ โอกาสมีมาก”
พี่ซูหลงถอนหายใจ ตบบ่าของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “อย่าคิดมาก การเป็นองค์ชายรัชทายาท ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีอะไร เจ้าดูเจ้าสิ ยังหลงเหลือความอิสรภาพเหมือนเมื่อก่อนไหม?”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ข้าไม่คลั่งไคล้ตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท เพียงแค่กลัวว่าหากตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทว่างแล้ว จะเกิดการแย่งชิงขึ้นมาอีก กว่าจะสงบลงมาได้บ้างแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
พี่ซูหลงพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ อ๋องจี้กับอ๋องอานตอนนี้ยังไม่ตายใจ เกิดเรื่องเช่นนี้ คนที่ดีใจที่สุดก็ต้องเป็นพวกเขาแน่”