บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 727 เขาคัดลอกพระไตรปิฎก
จวนอ๋องจี้
อ๋องจี้ดีใจอย่างที่สุด เรียกขุนนางคนสนิทมาหาทั้งวัน พูดคุยปรึกษากันเรื่องยื่นถวายฎีกา
ก่อนหน้านี้เขาทำทุกวิถีทาง ก็ยังไม่สามารถที่จะปลดหยู่เหวินเห้าลงมา คิดไม่ถึงว่าเสียนเฟยจะช่วยเขาได้มากขนาดนี้
เขายังใช้ให้ฉู่หมิงหยางกลับไปสืบข่าวที่ตระกูลฉู่ ดูว่าโสวฝู่ฉู่ว่าอย่างไร ยังไงเขาก็ยังคงคอยระวังไท่ซ่างหวงกับโสวฝู่ฉู่ กลัวว่าทางด้านนั้นจะช่วยพูดเข้าข้างหยู่เหวินเห้า
เขาจะต้องรู้แผนการตั้งแต่แรก จะได้แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด
ช่วงนี้ฉู่หมิงหยางเฉยชากับเขามาก แต่เมื่อได้ยินเรื่องนี้ คิดว่าเขามีความหวังที่จะได้เป็นองค์ชายรัชทายาท ก็กระตือรือร้นกลับไปยังที่บ้านพ่อแม่ เพื่อทำหน้าที่เป็นนักสืบอย่างลับ
อ๋องจี้ไม่ละอายที่จะขอความช่วยเหลือจากพระชายาอ๋องจี้ คนภายใต้การดูแลของนางยังคงอยู่ในมือนาง ช่วงนี้ถึงแม้บางครั้งจะช่วยเหลือเขาบ้าง แต่ก็ดูแล้วไม่ได้เป็นการกระทำอย่างสุดความสามารถ
พระชายาอ๋องจี้ฟังเขาพูดอย่างกระตือรือร้น แล้วก็ถามคืนด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “อืม? หลังจากนั้นล่ะ? หลังจากยื่นฎีกาแล้วล่ะ? หลังจากปลดหยู่เหวินเห้าลงมาได้แล้วล่ะ?”
“งั้นข้าก็มีโอกาสที่จะได้เป็นองค์ชายรัชทายาทแล้ว”อ๋องจี้มองดูนาง ไม่ชอบเลยสีหน้าที่เรียบเฉยของนางนี้ เหมือนทุกเรื่องในตอนนี้เขาก็จะต้องขอร้องนาง
“เจ้ามีความหวังหรือเจ้าสี่มีความหวัง? หรือเจ้าเจ็ดมีความหวัง?”พระชายาอ๋องจี้ถามกลับอย่างไม่ไว้หน้าเขา
“ความทะเยอทะยานของเจ้าสี่ เสด็จพ่อรู้แต่แรกแล้ว เขาจะยังมีโอกาสอะไร? ฆ่าที่ปรึกษาหญิงภายในจวนของเขาคนหนึ่ง เสด็จพ่อกระทำเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ส่วนเจ้าเจ็ด…..” อ๋องจี้หัวเราะเย้ย สะบัดเสื้อคลุมนั่งลงลองพูดขึ้นอย่างชั่วร้ายว่า “ก็แค่มีชาติกำเนิดที่ดี คลอดออกมาจากท้องของฮองเฮา หากข้ามีโชคชะตาเช่นนี้ ข้าได้เป็นองค์ชายรัชทายาทแต่แรกแล้ว เขาเป็นคนไม่ได้เรื่องคนหนึ่ง เสด็จพ่อจะยกให้เขาเป็นองค์ชายรัชทายาทได้อย่างไร? เดิมเขาก็มีโอกาส โอรสสืบสายเลือดโดยตรง เบื้องหลังมีตระกูลฉู่ ยังมีชายารองเป็นคนของตระกูลหยวน น่าเสียดาย เขาโง่เง่าไม่รู้จักรักษาไว้ ตอนนี้เป็นเหมือนดั่งใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำ น้ำก็รั่วออกจากตะกร้าทันที เหลือไว้แต่ตะกร้าอันว่างเปล่า ทำได้แค่มองดูโอกาสหลุดมือไปต่อหน้าต่อตา”
พระชายาอ๋องจี้ปักผ้าอยู่อย่างเชื่องช้า พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ อ๋องอานไม่มีโอกาส อ๋องฉีไม่มีโอกาส แต่แล้วท่านอ๋องก็จะมีโอกาสหรือ?”
“ทำไมข้าถึงไม่มีโอกาสล่ะ? ตอนนี้ข้าในสายตาเสด็จพ่อเป็นคนที่กลับใจเป็นคนใหม่แล้ว ยังไงข้าก็เป็นโอรสคนโต ทำไมจะไม่มีโอกาส? นอกจากข้า เสด็จพ่อยังมีตัวเลือกอื่นหรือ? เจ้าหก? เจ้าแปดเจ้าเก้า หรือว่าเจ้าสิบที่เพิ่งคลอด?”อ๋องจี้พูดขึ้นอย่างเยาะเย้ย
พระชายาอ๋องจี้ถอนหายใจยาวอยู่ภายในใจ แต่ก็ไม่พูดหักหน้าเขา เพียงพูดขึ้นว่า “ข้าว่าท่านอ๋องรอดูให้สถานการณ์แน่นอนก่อน หากเสด็จพ่อไม่ได้อยากที่จะปลดองค์ชายรัชทายาท ท่านจะไม่เสียเวลาเปล่าหรือ ยังจะเป็นการทำให้เสด็จพ่อโกรธอีก”
อ๋องจี้ตบโต๊ะหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ลอบฆ่าไทเฮา จะไม่ปลดองค์ชายรัชทายาทได้หรือ? องค์ชายรัชทายาทจะมีแม่ที่ทรยศ เนรคุณเช่นนี้ไม่ได้ จะว่าไป เจ้าไม่อยากที่จะช่วยข้า ใช่ไหม?”
พระชายาอ๋องจี้วางผ้าปักบนมือลง เงยหน้ามองดูใบหน้าที่กำลังโกรธโมโหของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ายอมช่วยท่านอ๋องอยู่แล้ว ยังไงก็เป็นสามีภรรยากัน หากเจ้าได้เป็นองค์ชายรัชทายาท ข้าก็จะได้เป็นพระชายาองค์ชายรัชทายาท ไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกหรือ?”
“งั้นเจ้าก็ไปดำเนินการสิ ไปหาคนของเจ้า”อ๋องจี้พูดขึ้นอย่างโมโห
พระชายาอ๋องจี้อืมหนึ่งที แล้วก็เรียกข้ารับใช้มาพร้อมพูดขึ้นว่า “เปลี่ยนเสื้อผ้า ข้าจะออกไปข้างนอก”
อ๋องจี้ค่อยวางใจ ยิ้มเดินจากไปอย่างมีความสุข
พระชายาอ๋องจี้มองดูเงาหลังของเขา พูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “พูดจาเหมือนอย่างกับผายลม ไม่ผ่านการครุ่นคิดเลย”
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็สั่งคนเตรียมของขวัญ รถม้าเดินวนรอบอยู่ด้านนอกหนึ่งรอบ แล้วก็ตรงไปยังจวนอ๋องฉู่
ในวันขึ้นปีใหม่หิมะตกหนักมาก หลายวันนี้อุณหภูมิลดลง หิมะยังไม่ละลาย ทั่วทั้งจวนอ๋องฉู่หุ้มไปด้วยหิมะสีเงิน งดงามอย่างมาก
พวกเด็กๆกับหมาป่าหิมะกำลังเล่นอยู่ในสนามกับท่านชายสี่ บนตัวท่านชายสี่มีเชือกมัดไว้อยู่หลายเส้น นั่งอยู่บนกระดานแล้วให้หมาป่าหิมะลากเขาลงมา เสียงหัวเราะดังกึกก้องฟ้า
พวกเด็กๆจำพระชายาอ๋องจี้ได้ วิ่งมาร้องเรียกว่าท่านป้าใหญ่ ชายชุดคลุมพระชายาอ๋องจี้ห้อยลงพื้น ยิ้มเดินไป กำผลไม้เชื่อมวางบนมือพวกเด็กๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไปเล่นกันเถอะ”
พวกเด็กโค้งคำนับขอบคุณพร้อมกัน แล้วก็วิ่งกระโดดโลดเต้นไป ซาลาเปาโยนผลไม้เชื่อมไปให้ท่านชายสี่หนึ่งชิ้น ท่านชายสี่โยนใส่เข้าไปในปาก หมาป่าหิมะก็วิ่งมาแย่ง เขาวิ่งหนีแล้วก็ไปชนถูกต้นไม้ จนหิมะหล่นลงมาเหมือนดั่งฝนหิมะ
พระชายาอ๋องจี้หัวเราะ จวนอ๋องฉู่ช่างมีชีวิตชีวาจริงๆ นางยิ่งอยู่ก็ยิ่งชอบมาที่นี่แล้ว
มีคนมารายงาน แล้วก็พานางไปยังห้องโถง
ผ่านไปสักพัก หยวนชิงหลิงอุ้มเตาอุ่นมือออกมา สวมเสื้อผ้าไว้อย่างหนา ห่อหุ้มไว้เหมือนดั่งหมีตัวหนึ่ง
พระชายาอ๋องจี้หัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเพิ่งได้หนังใหม่มาหลายผืน ข้ายกให้เจ้า เป็นถึงพระชายารัชทายาท สวมเสื้อผ้าแบบนี้เจ้าไม่รู้สึกโทรมหรือ?”
หยวนชิงหลิงแลมองดูนางอย่างเฉยเมย ทำความเคารพทักทายนาง แล้วก็เชิญนางเข้ามาพร้อมกัน พร้อมพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ข้าไม่มีพรรับหนังของเจ้า ใส่แบบนี้ดูโทรมยังไง? ประชาชนทั่วไปอยากที่จะทำเสื้อสวมทับสักผืนยังทำไม่ได้เลย เสื้อผ้าของข้านี้ไม่ได้แย่อะไร”
“ต่อให้ไม่แย่ แต่ก็อุ่นไม่เท่าหนังขนสัตว์” พระชายาอ๋องจี้นั่งลง รู้สึกว่าหนาวมาก จึงถามขึ้นว่า “ทำไมในห้องโถงถึงไม่เผาถ่าน วันทั้งวันไม่มีคนมาหรือ?”
“บานประตูเงียบเหงา ก็ดี จะได้อยู่อย่างสงบ”หยวนชิงหลิงหัวเราะ ตั้งแต่หลังจากข่าวเสียนเฟยลอบฆ่าไทเฮาถูกร่ำลือออกไป ใครจะมาไหว้ปีใหม่? มีทั้งคนคิดเอาตัวรอดและหลีกเลี่ยงความชั่วร้าย แต่หลายคนไม่อยากแปดเปื้อนความโชคร้าย ยังไงก็วันปีใหม่ ใครจะอยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้?
พระชายาอ๋องจี้หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ มีความสุขและเงียบสงบ”
หยวนชิงหลิงเงยหน้า พร้อมถามขึ้นว่า “เจ้ามาได้อย่างไร?”
พระชายาอ๋องจี้เอนพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน กระตุกคิ้วมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ในจวนของข้าคึกคักอย่างมาก แต่เป็นความคึกคักที่ไร้ความหมาย คิดไปคิดมาก็เลยมาพูดคุยกับเจ้าดีกว่า”
หยวนชิงหลิงรู้ว่านางมาเพื่ออะไร จึงพูดขึ้นตามตรงว่า “ไม่จำเป็นต้องพูดปลอบ ข้าสบายดี เจ้าห้าก็สบายดี”
พระชายาอ๋องจี้หัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าสบายดี ก็ไม่ได้มาเพื่อปลอบเจ้า เพียงแค่อยากมาคุยกับเจ้า พูดตามความจริง ข้าก็ไม่มีที่ไป นอกจากกลับบ้านพ่อแม่ งานเลี้ยงอย่างอื่นก็ไม่อยากเข้าร่วมแล้ว อาจเป็นเพราะว่าอายุมากแล้ว จึงไม่มีความกระตือรือร้นแล้ว”
หยวนชิงหลิงสั่งคนเตรียมพวกเมล็ดผลไม้กับผลไม้เชื่อม พระชายาอ๋องจี้พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องแล้ว ข้าเตรียมมาเองเยอะมาก เมื่อกี้ยังให้พวกเด็กๆไปแล้ว เห็นพวกเขาเล่นอยู่บนพื้นหิมะอย่างมีความสุข มองดูพวกเขา แล้วค่อยรู้สึกมีความหวังในชีวิต”
“ใช่ มองดูพวกเขา แล้วค่อยรู้สึกมีความหวังในชีวิต”หยวนชิงหลิงเห็นด้วยอย่างสุดซึ้ง ถ้าชีวิตไม่มาถึงตอนนี้ ความรู้สึกลึกซึ้งมากมายในตอนนั้น ก็เหมือนที่อยู่ในกระดาษเท่านั้น
ประสบการณ์แต่ล่ะอย่างที่ผ่านมาเท่านั้น ที่มีค่าและทรงคุณค่า
“อ๋องจี้สบายดีไหม?”หยวนชิงหลิงถามขึ้น ไม่จงใจสอดแนม เพียงแค่ถามเฉยๆเท่านั้นเอง
“สบายดี ดีใจเป็นอย่างมากด้วย” พระชายาอ๋องจี้หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นอย่างแดกดันว่า “คิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด ดังนั้นจึงมีอยากที่จะหว่านล้อมคนสนิทที่ผ่านมาให้กลับมา”
“แน่นอน”หยวนชิงหลิงก็เดารู้อยู่แล้ว อ๋องจี้ที่ยอมทำทุกอย่าง อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จะไขว่คว้าทุกโอกาสที่อาจไปถึงจุดสูงสุดอย่างมุ่งมั่น
พระชายาอ๋องจี้เห็นนางแล้ว ก็อดทนไม่ได้ขึ้นมา จึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ เจ้าก็อย่าเอาแต่ทำหน้าเศร้า ยังไงภายในวังก็ต้องมีวิธีรับมือ ปลดองค์ชายรัชทายาท เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก หากไม่ใช่เพราะไม่มีทางเลือกอย่างที่สุด เสด็จพ่อจะไม่ทำเช่นนี้”
หยวนชิงหลิงส่ายหัว หลายวันนี้นางก็ผอมลงบ้าง ดวงตาแลดูโตขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่เป็นห่วงเรื่องนี้เลยสักนิด ตำแหน่งและอำนาจ ล้วนเป็นสิ่งของนอกกาย ไม่คู่ควรที่จะยึดถือ ข้าเพียงแค่เป็นห่วงอารมณ์ความรู้สึกของเจ้าห้า ช่วงไม่กี่วันนี้ เขาทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูตำราศึกอยู่ในห้องหนังสือ พูดคุยดื่มชากับพวกกู้ซือเหลิ่งจิ้งเหยียนเป็นบางครั้ง ไม่แตะต้องสุราแม้แต่นิด”
นางหยุดไปสักพัก แล้วพูดขึ้นว่า “เมื่อคืน ข้าเห็นเขาคัดลอกคำปฏิญาณเดิมของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ อยู่ในห้องหนังสือ”