บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 729 ข้าแทนนาง
นางข้าหลวงมาทูลรายการฮองเฮาฉู่ เมื่อฮองเฮาฉู่ได้ยินว่าเสียนเฟยจับตัวเจ้าหญิงเป็นตัวประกัน และได้แทงทำร้ายเจ้าหญิงแล้ว ก็ตกใจจนตาโต อยากที่จะเป็นลมตายไปเสียตอนนี้
นางรู้ว่าเสียนเฟยเป็นคนเหี้ยมโหด เห็นได้ชัดจากที่นางแทงทำร้ายไทเฮา ภายในใจเสียนเฟย คนตระกูลซูสำคัญที่สุดมาตลอด
“เหนียงเหนียง ขอร้องท่านช่วยเจ้าหญิงด้วย เจ้าหญิงตกใจแย่แล้ว ร้องไห้อยู่ตลอด เสียนเฟยเหนียงเหนียงบ้าไปแล้ว นางอาจจะทำร้ายเจ้าหญิงจริงๆก็เป็นได้ เสียนเฟยเหนียงเหนียงพูดว่า ให้ไปตามพระชายารัชทายาทมา แล้วถึงจะปล่อยเจ้าหญิง” นางข้าหลวงคุกเข่าอยู่บนพื้น ร้องไห้พูดขึ้นพร้อมคำนับศีรษะ
ฮองเฮาฉู่ยากที่จะหายใจออกมาสักคำ รีบสั่งบ่าวใช้ด้วยเสียงเคร่งขรึม ว่าให้ไปทูลเชิญฮ่องเต้
จะตามพระชายารัชทายาทเข้ามาในวังหรือไม่ เรื่องนี้ให้ฮ่องเต้เป็นคนตัดสินใจ
กลับคิดไม่ถึงว่า ฮ่องเต้หมิงหยวน กำลังปรึกษาหารืองานราชการกับเหล่าขุนนางอยู่ในห้องทรงพระอักษร มีคำสั่งห้ามไม่ให้ใครรบกวน เพราะกำลังปรึกษาหารือ เรื่ององค์ชายรัชทายาทในวันว่าราชการเช้าวันที่แปดของวันปีใหม่ กำลังตึงเครียดกันอย่างมาก ด้วยเหตุนี้มู่หรูกงกงจึงต่างก็ล้วนห้ามไว้
ฮองเฮาฉู่ได้รู้ว่าทางด้านฮ่องเต้ไม่สามารถเข้าเฝ้า จึงต้องสั่งคนไปเตรียมเกี้ยว นางจะไปด้วยตนเอง ในใจแทบกระอักเป็นเลือด หากรู้แต่แรกว่าจะเดือดร้อนกลายเป็นดั่งเช่นทุกวันนี้ ตอนนั้นจะไม่มีทางกล้าวางแผนทำร้ายเสียนเฟยเด็ดขาด ใครจะไปรู้ว่าเพื่อตระกูลซูแล้ว นางจะกระทำเรื่องโหดเหี้ยมใจดำอำมหิตได้ขนาดนี้
เพื่อความปลอดภัยเบื้องต้น ระหว่างทางไปตำหนักชิ่งหยู นางได้สั่งคนออกจากวัง ไปเชิญพระชายารัชทายาทมา
ภายในตำหนักชิ่งหยู องครักษ์ที่มาใหม่พวกนั้นต่างก็ไม่มีใครกล้าขยับ กลัวว่าเสียนเฟยจะพลั้งมือ ทำร้ายเจ้าหญิง
ส่วนในใจเสียนเฟย เวลานี้ได้หมดหวังไปแล้วกว่าครึ่ง
เมื่อได้ยินว่าหยู่เหวินหลิงพูดว่า ตระกูลซูไม่ได้มีคนตายในเหตุไฟไหม้ นางก็รู้แล้วว่าจะต้องมีแผนร้ายแน่
สามารถจุดไฟเผาทั้งจวนตระกูลซู กลับไม่มีคนตายไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ นางจะเชื่อได้อย่างไร? ชีวิตครอบครัวของพ่อแม่นาง ไร้ค่าขนาดไหน? ฮ่องเต้ถึงขั้นเลือกที่จะปิดบังความจริง ว่ามีคนตายในตระกูลซู คิดว่ายังไงก็จะไม่มีทางเข้าข้างตระกูลซู ลูกชายที่นางคลอด กลับเป็นคนทำร้ายให้ตระกูลซูแทบสูญสิ้น ต่อให้นางตายไปแล้วก็ไม่มีหน้า ไปพบบรรพบุรุษ
ความโกรธนี้ ความทรมานนี้ ความโศกเศร้านี้ ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาไปทั้งตัว ยังนึกว่าลูกชายของนางได้เป็นองค์ชายรัชทายาทแล้ว ตระกูลซูก็จะได้ลืมตาอ้าปากเสียที คิดไม่ถึงว่ากลับกลายเป็นเริ่มต้นฝันร้ายของตระกูลซู
ไม่ได้สอนลูกชายได้เป็นอย่างดี นางกระทำผิดต่อญาติพี่น้องวงศ์ตระกูล
ส่วนลูกสาวของนาง ฮ่องเต้กลับใจร้ายให้นางอภิเษกกับพ่อค้าคนหนึ่ง ใช้วิธีแบบนี้ทำให้นางเสียหน้า ความกดขี่ที่ฮ่องเต้มีต่อตระกูลซู ได้มาถึงจุดอธรรมแล้ว
แม้แต่ไทเฮา ก็ไม่ได้ยืนอยู่ข้างนาง ภายในใจของนางจะไม่หมดหวังได้อย่างไร?
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ตายไปพร้อมกันเถอะ ดีกว่าอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรีแบบนี้
แต่นางไม่พอใจ ทำไมถึงได้ไม่ยุติธรรมกับนางเช่นนี้?
หยู่เหวินหลิงถูกกดอยู่บนพื้น เหน็บหนาวไปทั้งตัวจนไร้ความรู้สึก มีเพียงความรู้สึกเจ็บปวดอย่างเดียว ก็คือตรงที่ปิ่นปักผมนั่นปักอยู่ เหน็บหนาวเจ็บปวด
นางคิดว่าตนเองคงจะต้องตายอยู่ในมือของท่านแม่แล้ว เต็มไปด้วยความกลัวและความเจ็บปวด แต่กลับร้องไห้ไม่ออก
เสียนเฟยปล่อยผมของนาง ค่อยๆลูบแป๊บหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงบางเบาว่า “เจ้าไม่ต้องกลัว แม่ไม่มีทางเลือก เสด็จพ่อของเจ้าไม่มีทางปล่อยข้า ข้ามาถึงทางตันแล้ว แต่ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของแม่ ก็จะต้องให้เสด็จพ่อคืนความยุติธรรมให้กับตระกูลซู”
หยู่เหวินหลิงพูดขึ้นอย่างยากลำบากว่า “จะคืนความยุติธรรมให้กับตระกูลซูยังไง? ท่านจะให้เสด็จพ่อลงโทษพี่ห้าหรือ? ตระกูลซูเป็นญาติพี่น้องของท่าน ข้ากับพี่ห้าเป็นลูกของท่านนะ”
เสียนเฟยส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังว่า “ไม่ เสด็จพ่อของเจ้าไม่มีทางลงโทษพี่ห้าของเจ้า เขาไม่มีทางปลดองค์ชายรัชทายาท ใช่ พวกเจ้าล้วนเป็นลูกชายลูกสาวของข้า เริ่มตั้งแต่ที่พวกเจ้าคลอดออกมาก็ติดหนี้บุญคุณข้าแล้ว และข้าก็ติดหนี้บุญคุณพ่อแม่ของข้า ติดหนี้บุญคุณตระกูลซู วันนี้ติดหนี้บุญคุณ ที่ตระกูลซูต้องทนรับความอัปยศนี้ในวันนี้ ต่อให้ข้าตายตกนรกไป ก็ไม่มีหน้าไปพบพวกเขา มีเพียงใช้ชีวิตของข้านี้ แลกกับราชโองการของเสด็จพ่อเจ้า ตระกูลซูจะต้องได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพระยา ประทานจวนที่หรูหรา คืนชื่อเสียงให้เหมือนเดิม สิ่งที่แม่ขอ มีเพียงเท่านี้”
นางก้มหัวลง พูดขึ้นตรงข้างหูของหยู่เหวินหลิงด้วยเสียงเบา อย่างดื้อรั้นว่า “เจ้ารู้ไหม? บนโลกนี้ไม่ยุติธรรม ตอนที่แม่อภิเษกกับเสด็จพ่อ เสด็จย่าของเจ้าได้เป็นฮองเฮาของไท่ซ่างหวงแล้ว ตอนที่แม่คลอดพี่ห้าของเจ้า คลอดก่อนผู้หญิงตระกูลฉู่คนนั้น หากเสด็จย่าของเจ้าเห็นแก่ความเป็นญาติสายเลือดเดียวกัน นางสามารถที่จะทำให้แม่ได้เป็นพระชายารัชทายาท จนเมื่อเสด็จพ่อของเจ้าขึ้นเป็นฮ่องเต้ งั้นตระกูลซูของเราก็จะมีไทเฮาคนหนึ่ง ฮองเฮาคนหนึ่ง จะรุ่งโรจน์ขนาดไหน? แต่เสด็จย่าไม่ได้ทำเช่นนั้น แม่อดทนมานานหลายปี คาดหวังว่านางจะเห็นถึงความสัมพันธ์ แต่นางไม่มีเลย น่าหดหู่ใจมาก บนโลกนี้ ยังมีคนที่อกตัญญูได้ขนาดนี้ แต่สุดท้ายข้าก็ทำร้ายนาง กลับกลายเป็นคนอกตัญญู ไม่ซื่อสัตย์ ไม่มีความชอบธรรม ยุติธรรมไหม?”
น้ำเสียงของนางรดอยู่บนหูของหยู่เหวินหลิง น้ำเสียงแฝงไปด้วยกลิ่นอายเลือดสด เหมือนกัดริมฝีปากแล้วมีเลือดอยู่ข้างใน ยังมีมีกลิ่นเหม็นแฝงไปด้วยบ้าง ทำให้หยู่เหวินหลิงหันหน้าไปทางบันไดหินโดยไม่รู้ตัว หันไปจนปวดแก้ม
น้ำเสียงที่ขุ่นเคืองนั้น ทำให้ในใจลึกๆของนางหวาดหวั่น
ตอนที่ฮองเฮาฉู่มาถึง ก็มองเห็นภาพนี้ ตกตะลึงจนหัวชา รีบลงมาจากเกี้ยว ก้าวเดินไปอย่างรวดเร็ว พร้อมพูดขึ้นว่า “เสียนเฟย อย่าทำอะไรไปเรื่อย ปล่อยเจ้าหญิง”
เสียนเฟยมองดูฮองเฮาฉู่ ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ดูแย่กว่าร้องไห้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่แท้ก็เป็นเจ้าที่มา ฮ่องเต้ไม่มาหรือ?”
ฮองเฮาฉู่ยื่นมือทั้งคู่ออกไป มองดูปิ่นปักผมในมือของนาง พร้อมพูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “ฮ่องเต้กำลังปรึกษางานราชการอยู่กับขุนนางในห้องทรงพระอักษร เดี๋ยวก็มา เจ้าปล่อยเจ้าหญิงก่อน เรามีอะไรก็คุยกันดีๆ นางเป็นลูกสาวของเจ้า อย่าทำร้ายนาง”
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้ากลับไปเถอะ สั่งคนไปตามหยวนชิงหลิงเข้าวังมา”เสียนเฟยพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น
ในใจฮองเฮาฉู่รู้สึกไร้ความสามารถอย่างมาก คนอย่างเสียนเฟย ควรที่จะกำจัดแต่แรกแล้ว วันนี้ยังต้องมาทนความดูหมิ่น ไม่ให้ความเคารพอย่างแปลกๆของนาง
และนางยังต้องพูดปลอบนางว่า “เจ้าวางใจ ข้าได้สั่งคนไปเชิญพระชายารัชทายาทแล้ว ไม่นานเดี๋ยวนางก็มา เจ้าปล่อยเจ้าหญิงก่อน พื้นเย็นขนาดนี้นางหมอบอยู่เช่นนี้ เจ้าไม่เห็นใจเลยหรือ? ข้าเห็นแล้วก็เจ็บปวดใจอย่างมาก”
หยู่เหวินหลิงเห็นฮองเฮามา ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้เสียงดัง พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จแม่ ช่วยข้าด้วย”
หัวของนางเพิ่งเงยขึ้นมาบ้าง กลับถูกเสียนเฟยใช้มือกดลงไป หน้าผากกระทบบนบันไดหิน จนมีเลือดไหลออกมา เจ็บปวดจนนางกำหมัดไว้แน่น ไม่กล้าขยับอีก
ฮองเฮาฉู่เห็นเช่นนี้ ก็ตกใจอย่างมาก กระแทกลงไปเช่นนี้ จะเสียโฉมไปไม่ได้นะ ไม่นานก็จะต้องอภิเษกแล้ว
ตอนนี้ตำหนักชิ่งหยูเป็นจุดสนใจของในวัง เมื่อทางนี้เกิดเรื่อง ภายในวังก็รู้กันไปทั่วอย่างรวดเร็ว พวกเต๋อเฟย กุ้ยเฟย กับหลู่เฟย ต่างก็พากันมา เห็นสภาพเช่นนี้ ก็ตกตะลึงอย่างมาก
กุ้ยเฟยพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “เสียนเฟย เจ้าช่างกล้านัก ทำร้ายไทเฮาก่อน ยังจะทำร้ายเจ้าหญิงอีก เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆหรือ?”
แววตาเสียนเฟยมองดูกุ้ยเฟยอย่างดุร้าย หัวเราะเยาะสองทีพร้อมพูดขึ้นว่า “วันนี้หัวของข้า จะสามารถรักษาไว้ได้ไหมยังไม่รู้ แล้วจะมีชีวิตไปเพื่ออะไร?”
เต๋อเฟยมาจากตระกูลนักรบ กล้าหาญมาตั้งแต่เด็ก จึงรีบพูดขึ้นว่า “เสียนเฟย เจ้าหญิงขี้กลัว เจ้าปล่อยนาง อย่าทำให้นางตกใจ ข้าไปแทนนาง เจ้าใช้ปิ่นปักผมจ่อคอข้าก็เหมือนกัน”
เสียนเฟยเกลียดเต๋อเฟยอย่างที่สุดอยู่แล้ว นางสนิทกับหยวนชิงหลิง ลับหลังไม่รู้ว่าพูดคุยสมรู้ร่วมคิดกันมากน้อยแค่ไหน นางไม่มีลูกชาย แต่มักชอบยุ่งเรื่องคนอื่น เป็นคนหน้าด้านหน้าไม่อาย
ดังนั้น เมื่อได้ยินเต๋อเฟยพูดเช่นนี้ นางคว้าจับคอเสื้อด้านหลังของหยู่เหวินหลิง ดึงหัวของนางขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นอย่างดุดันว่า “ดี เจ้าเข้ามา มาแลกตัวนางไป”