บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 753 หายนะจากการถูกฆ่า
ราชวงศ์เป่ยถัง เพราะฮ่องเต้หมิงหยวนป่วย ทำให้เกิดความสามัคคีกันขึ้นมา บรรยากาศในราชวงศ์ดี ด้านนอกก็ดูมีเรื่องน้อยลงมาก
ตามที่การเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิเริ่มขึ้น ทุกสถานที่ทำให้เห็นถึงทุกคนมีความสุข และประเทศชาติสงบสุข รู้สึกกระฉับกระเฉง
แม่ทัพใหญ่จิ้งถิงของแคว้นต้าโจว สั่งคนนำแผนที่ทางการทหาร มาส่งให้ที่จวนอ๋องฉู่ หยู่เหวินเห้าไม่อยู่ภายในจวน หยวนชิงหลิงเป็นคนรับมา ทังหยางพูดว่า แม้ว่าจะไม่มีเจตนาทุจริต แต่ก็หนีไม่พ้นที่จะถูกสงสัยได้ ส่งไปเก็บรักษาไว้ที่กรมทหารดีกว่า รอกรมทหารนำไปถวายฮ่องเต้
กรมทหารได้รับแผนที่ทางการทหารมาแล้ว ก็นำแผนที่ทางการทหารเก็บไว้ในคลังลับ ปิดสนิทไว้แล้วก็เข้าวังไปทูลรายงานฮ่องเต้หมิงหยวน ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดว่า ค่อยหาวันเชิญขุนนางคลังทหารมาดูพร้อมกัน ดูสิว่าสามารถทำได้ไหม
งานแต่งงานของตระกูลหยวนกับตระกูลลู่ จะจัดขึ้นในเดือนหน้า
อ๋องฉีดูเหมือนจะตัดใจได้แล้ว หยู่เหวินเห้าเคยไปคุยกับเขา เขาพูดว่า ขอเพียงหยวนหย่งอี้มีความสุขก็พอ เขาเคยเห็นนางกับจอหงวนฝ่ายบู๊อยู่ด้วยกันอย่างความสุขด้วยตาตัวเอง เขาพูดว่า ขอเพียงหยวนหย่งอี้มีความสุขก็พอ เขาเองก็วางใจ
เขาพูดกับหยู่เหวินเห้าอย่างมองโลกในแง่ดีว่า “ที่จริงการรักคนคนหนึ่ง ไม่จำเป็นจะต้องได้อยู่ด้วยกันแล้วถึงจะมีความสุข ขอเพียงคนที่รักมีความสุข ในใจตนเองก็มีความสุข”
หยู่เหวินเห้าฟังคำพูดเช่นนี้แล้ว ครุ่นคิดสักพัก แล้วก็ตบลงไปหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นว่า “หากเจ้าหยวน อยู่กับผู้ชายคนอื่นอย่างมีความสุข ข้าจะฆ่าพวกเขาทั้งสองคน”
มีแต่คนโง่ที่จะอวยพรให้คนที่ตนเองรักมีความสุขกับคนอื่น
อ๋องฉีมองดูเขาอย่างไม่พอใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเห็นแก่ตัว ใจแคบ หากเจ้ารักคนคนหนึ่งจริง ก็ควรที่จะอวยพรให้นางได้มีความสุขอย่างที่สุด”
“เจ้าคนงี่เง่า นั่นเป็นคำพูดของคนพ่ายแพ้ หากเจ้ารักคนคนหนึ่งจริง งั้นก็ควรที่จะพยายามทำให้นางมีความสุขด้วยตนเอง ไม่ใช่คาดหวังในตัวคนอื่น เป็นเพราะเจ้าจีบคนอื่นกลับมาไม่ได้ ถึงได้พูดเช่นนี้ หากเจ้ายังมีโอกาส จะพูดเช่นนี้หรือ?”หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น
อ๋องฉีพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าห้า เจ้าพูดเกินไปแล้วนะ ด่าคนอย่างไม่เห็นแก่ความเป็นส่วนตัว”
หยู่เหวินเห้าเดินกลับไปอย่างหยิ่งผยองเอาแต่ใจ ไม่อยากต่อความยาว สาวความยืดกับคนเขลา
อ๋องฉีเข้าไปในหอจดหมายเหตุ จัดระเบียบแฟ้มคดี เขาก็พยายามที่จะให้ตนเองเชื่อว่า การอวยพรหยวนหย่งอี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะนางมีความสุขแล้ว
แต่ภายในใจกลับมักเจ็บปวดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ โดยเฉพาะตอนที่ในหัวสมองปรากฏภาพหยวนหย่งอี้กับลู่หยวนอยู่ด้วยกัน เขายังคงอยากที่จะฆ่าคน
เขาพยายามสะกดจิตตัวเองได้อย่างล้ำลึก แล้วหันกลับมาปลอบใจตัวเอง ไม่เป็นเช่นนี้แน่ ถึงแม้พวกเขามักจะออกไปด้วยกัน แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังไม่ได้แต่งงาน จะไม่จับมือกันไม่โอบกอดกัน จะต้องปฏิบัติต่อกันอย่างมีมารยาท
พวกเขาล้วนเป็นสุภาพบุรุษ
แต่เมื่อเขาพูดเช่นนี้กับสือโส่ สือโส่พูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ตอนนี้พวกเขาจับมือกันหรือไม่ กอดกันหรือไม่ ก็ไม่ต้องคิดแล้ว เพราะต่อไปพวกเขาจะนอนร่วมเตียงเดียวกัน กระทำเรื่องที่ระหว่างสามีภรรยาเขาทำกัน”
อ๋องฉีฟังคำพูดของสือโส่ ก็ใช้ฝีมือการต่อสู้ที่มีเหมือนดั่งแมวสามขาทำร้ายสือโส่ไปหนึ่งยก
ว่าที่เจ้าสาวหยวนหย่งอี้ยังคงออกไปข้างนอกทุกวัน ท่านย่าว่านาง จะแต่งงานอยู่แล้ว ทั้งสองคนจะเจอหน้ากันบ่อยไม่ได้
แต่นางอยู่ไม่สุข จิตใจโลดแล่น ไม่ออกไปข้างนอกไม่ได้
วันนี้ นางมาศาลเจ้าภูเขากับลู่หยวน
ศาลเจ้าภูเขานี้ที่จริงเล็กมาก ธูปไม่เฟื่องฟู กันดารห่างไกล นอกจากคนในหมู่บ้านใกล้เคียง ก็มีคนมากราบไหว้บูชาที่นี่น้อยมาก
เดิมทั้งสองคนไม่ได้คิดจะมาศาลเจ้าภูเขา เพียงแค่ล่าสัตว์อยู่ในป่าระแวกนี้ ล่าไม่ได้อะไรเลย จึงเดินมาถึงที่ตรงนี้อย่างไม่ได้ตั้งใจ
ทั้งสองคนกำลังเหนื่อยแล้วพอดี จึงพักผ่อนอยู่ที่นี่
ภายในศาลเจ้าภูเขามีเพียงคนแก่หนึ่งคนดูแลอยู่ที่นี่ อาศัยเครื่องสักการะจากผู้ศรัทธาในการดำรงชีวิต ซึ่งมีน้อยนิดอย่างมาก หยวนหย่งอี้เห็นคนแก่อายุค่อนข้างมากแล้ว นุ่งเสื้อผ้าชิ้นบาง จึงบริจาคไปสิบตำลึง คนแก่ดีใจอย่างมาก พูดชมหยวนหย่งอี้ยกใหญ่
แต่เมื่อเขาเห็นลู่หยวน กลับค่อยๆขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “หนุ่มคนนี้ใบหน้าดั่งหยกประดับกวน ท่าทางภูมิฐานแลดูสง่างาม แต่ระหว่างคิ้วไฉนถึงเป็นสีดำ? คุณชายเคยไปมีเรื่องกับใครหรือเปล่า?”
ลู่หยวนเป็นคนร่าเริง ได้ยินเช่นนี้ ก็หัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ผู้เฒ่า ข้าไม่เคยทำอะไรผิดศีลธรรม และไม่เคยมีเรื่องกับใคร ผู้เฒ่าไม่ต้องเป็นกังวลเพื่อข้า”
พูดพร้อมกับยื่นเงินสิบตำลึงให้กับผู้เฒ่า นึกว่าที่ผู้เฒ่าอยากได้เงินบริจาค จึงตั้งใจพูดเช่นนี้
กลับคิดไม่ถึงว่า ผู้เฒ่าคนนั้นไม่รับ เอาเงินคืนให้กับเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่สามารถที่จะรับของของเจ้าได้ คุณชายนำกลับไปเถอะ หากคุณชายเชื่อถือข้า หลายวันนี้ก็ไม่ต้องออกไปไหนแล้ว”
หยวนหย่งอี้ได้ยินเช่นนี้ ก็รีบพูดขึ้นว่า “ท่านผู้เฒ่า ทำไมถึงพูดเช่นนี้? ท่านดูอะไรออกหรือ?”
ผู้เฒ่ามองดูใบหน้าของลู่หยวน พร้อมพูดขึ้นว่า “ระหว่างคิ้วคุณชายมืดมน จะพบกับความโชคร้าย เป็นหายนะถึงชีวิต”
ลู่หยวนพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ท่านผู้เฒ่า ต่อหน้าเทวาภูผา พูดจาไปเรื่อยอย่างนี้ได้อย่างไร?”
ผู้เฒ่าโบกมือพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ ไม่ ข้าไม่ได้พูดไปเรื่อย คุณชายจะต้องเชื่อข้า หลายวันนี้ไม่ต้องออกไปไหนแล้ว”
ลู่หยวนได้ยินเขายังพูดอยู่ จึงดึงมือหยวนหย่งอี้แล้วก็ไป
หยวนหย่งอี้หันกลับมามองผู้เฒ่าแว็บหนึ่ง เห็นเพียงแววตาที่เป็นกังวลของผู้เฒ่า ในใจของนางก็ตกตะลึง
ทั้งสองคนลงมาจากเขา หยวนหย่งอี้ ยังคงครุ่นคิดถึงคำพูดที่ผู้เฒ่าพูดเมื่อกี้ จึงพูดขึ้นว่า “เขาก็ดูไม่เหมือนคนโกหกเพื่อให้ได้เงิน บางทีอาจจะเป็นเทพเทวาภูผาจริงๆล่ะ?”
ลู่หยวนหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “เทพเทวาภูผาจะดูไม่น่าเชื่อถือขนาดนี้ได้อย่างไร? ก็แค่พูดจาไปเรื่อยให้ตนเองแลดูสูงส่ง พวกเราจะได้บริจาคเงินให้มากกว่านี้”
“แต่เงินที่เจ้าให้เมื่อกี้ เขาก็ไม่ได้รับไว้”
ลู่หยวนพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจว่า “น้องหยวน ทำไมเจ้าถึงเชื่อคำพูดของคนทรงพวกนี้? ข้าเห็นว่าเขาก็แค่คิดอยากที่จะได้รับเงินบริจาค คราวหลังหากเราเชื่อเขา จะต้องกลับไปหาเขา ถึงตอนนั้นก็หลอกลวงพวกเรา เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะเห็นได้น้อย คนทรงต่างก็หลอกคนกันด้วยวิธีนี้”
หยวนหย่งอี้คิดดูแล้วก็ถูก จึงพูดขึ้นว่า “งั้นก็ได้ พี่ลู่ แต่ว่าหลายวันนี้พวกเราก็ไม่ต้องเจอหน้ากันแล้ว เจ้าก็ไม่ต้องออกมา”
ลู่หยวนหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไม? ปากบอกไม่เชื่อ แต่ในใจก็ยังเชื่ออยู่ ใช่ไหม?”
หยวนหย่งอี้หัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ ท่านย่าพูดว่าเราจะแต่งงานกันแล้ว หลายวันนี้ห้ามเจอหน้ากัน บอกว่าเป็นธรรมเนียม ยังไงก็คือห้ามเจอหน้ากัน”
ลู่หยวนจูงม้า พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ เราจะได้แต่งงานกันแล้ว”
หยวนหย่งอี้ถอนหายใจพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่หรือ? วันเวลาผ่านไปเร็วมาก”
แววตาลู่หยวนโศกเศร้า มองดูภูเขาไกลออกไป รู้สึกว่าภูเขาและน้ำสีเขียวนี้ เต็มไปด้วยเสน่ห์ จากนั้นก็หันมามองหยวนหย่งอี้ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าหยวน เจ้าคิดว่าเราสองควรเหมาะสมที่จะแต่งงานกันไหม?”
หยวนหย่งอี้หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าอยากยกเลิกงานแต่งงานหรือ?”
มาจนถึงขนาดนี้แล้ว หากยกเลิกงานแต่งงานจริง จะต้องถูกผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลฆ่าตายแน่
“ก็ไม่ได้คิดอยากที่จะยกเลิกงานแต่งงาน เพียงแต่ในใจของข้าเห็นเจ้าเป็นพี่น้องมาตั้งแต่แรก” เขาหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “รู้สึกว่าเราอยู่ด้วยกันแบบนี้ก็มีความสุขดี คิดถึงว่าต่อไปเราจะต้องนอนบนเตียงเดียวกัน ข้ารู้สึกแปลกๆ คนลุกคนพองเป็นนานกว่าจะหาย”
เขาหัวเราะไปด้วย พร้อมพูดไปด้วยว่า “อีกอย่าง ต่อไปเจ้าเรียกข้าว่าสามี ข้าเรียกเจ้าว่าภรรยา….ไอ๊หยา ไม่ได้ รับไม่ได้” เขาพูดพร้อมกับตบหน้าตนเองหนึ่งที แล้วก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา
หยวนหย่งอี้ถีบออกไปหนึ่งที หัวเราะจนท้องแข็งพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าก็รับไม่ได้”
ทั้งสองคนพลิกตัวกระโดดขึ้นม้า ควบขี่ม้าไป เสียงหัวเราะดังก้องภูเขา
มาถึงบนถนนสายหลัก ด้านล่างเป็นแม่น้ำ น้ำแข็งละลายแล้ว น้ำในแม่น้ำไหลริน มีปลากระโดดโลดแล่น ลู่หยวนพูดขึ้นว่า “ยังไงเราก็กลับมือเปล่า จับปลากลับไปดีไหม จะได้ไม่ต้องไปซื้อไก่ในตลาดแล้ว”
หยวนหย่งอี้พูดขึ้นอย่างชอบใจว่า “ได้ เราลงไปจับปลากัน”