บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 754 แผนที่ทางการทหารถูกขโมย
ทั้งสองคนลงน้ำ เล่นกันอยู่พักใหญ่ แล้วก็จับปลาไม่ได้สักตัว โกรธอย่างที่สุด
“เพราะน้ำในแม่น้ำเย็นมาก เรารู้ตัวช้า”หยวนหย่งอี้พูดขึ้นอย่างคับอกคับใจ
ลู่หยวนมองดูเขาอย่างยิ้มแย้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร เรากลับไปซื้อไก่กันเถอะ”
พระอาทิตย์อัสดงสาดส่องบนใบหน้าหล่อเหลาของลู่หยวน เวลาเขายิ้มเผยให้เห็นฟันสีขาว ดวงตาสดใส บนใบหน้าสาดส่องไปด้วยแสงอันอ่อนโยน หยวนหย่งอี้พูดขึ้นในทันใดว่า “พี่ลู่ เรายกเลิกงานแต่งงานกันเถอะ”
ลู่หยวนเอามือข้างหนึ่งวางไว้บนบ่าของนาง พร้อมพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “ได้ แล้วแต่น้องหยวน”
“เจ้าจะถูกแม่ของเจ้าตีไหม?”หยวนหย่งอี้ถามขึ้นเหมือนโล่งใจ
ลู่หยวนยักไหล่ พร้อมพูดขึ้นว่า “ตั้งแต่เล็กจนโต ถูกตีแล้วไม่น้อย”
เขานั่งเอนกายพิงหินอยู่อย่างเกียจคร้าน ยื่นมือหยิบหินขว้างออกไป พร้อมถามขึ้นว่า “เจ้ายังตัดใจจากอ๋องฉีไม่ได้ ใช่ไหม?”
หยวนหย่งอี้นั่งลงด้านข้างเขา มือกอดเข่าไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “จะพูดอย่างไรล่ะ? ช่วงนี้อยู่กับเจ้า เรามักจะออกไปเที่ยวเล่นกัน ตัดใจจากเขาได้หรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่อย่างน้อยภายในใจก็ทรมานน้อยหน่อย ช่วงเริ่มแรกช่วงนั้น กว่าจะผ่านไปได้หนึ่งวันเหมือนดั่งหนึ่งปี พี่ลู่ ข้าต้องขอบคุณเจ้า ที่อยู่เป็นเพื่อนข้า ผ่านพ้นวันเวลาที่ทรมานนี้ ไม่เช่นนั้นข้ากลัวว่าตอนนี้เมื่อคิดถึงเขา ในใจยังคงอ่อนปวกเปียกเหมือนสำลี”
ลู่หยวนมองดูนาง แววตาแลดูสะเทือนใจ แต่ก็พูดขึ้นอย่างจริงใจว่า “ข้าบอกว่าจะยกเลิกงานแต่งงาน ไม่ใช่เพราะไม่ชอบเจ้า แต่กลับกัน ข้าหวังอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถเป็นพี่น้องกันไปตลอดชีวิต เพราะข้ารู้ว่าในใจเจ้าตัดใจจากเขาไม่ได้ เจ้าไม่สามารถได้อยู่กับเขา วันเวลาค่อยๆผ่านไป เขาอยู่ในใจเจ้ายิ่งอยู่ก็ยิ่งงดงาม ข้าจะยิ่งอยู่ก็ยิ่งชั่วร้าย เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็จะสูญเสียความตั้งใจเดิมที่อยู่ด้วยกัน ปล่อยมือตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า ความสัมพันธ์ มิตรภาพระหว่างพวกเรายังสามารถรักษาไปได้ตลอดชีวิต”
“พี่ลู่ ขอบคุณ”หยวนหย่งอี้พูดขึ้นอย่างจริงใจ
ทั้งสองคนมองตากันแล้วก็หัวเราะ ต่างก็รู้สึกโล่งอกโล่งใจแล้ว
ตอนที่ขี่ม้ากลับ ลู่หยวนพูดกับนางว่า “เรื่องยกเลิกงานแต่งงาน ให้ตระกูลหยวนเป็นฝ่ายพูด แบบนี้จะสามารถรักษาชื่อเสียงของเจ้าให้ได้”
“ไม่ เจ้าเป็นฝ่ายพูด เจ้าขอยกเลิกงานแต่งงาน อย่างน้อยก็ยังสามารถรักษาชื่อเสียงของเจ้าไว้ได้ ข้าไม่สนใจ ข้าเคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง”หยวนหย่งอี้พูดขึ้น
ลู่หยวนพูดขึ้นอย่างลำบากใจว่า “ไม่ หากข้าเป็นฝ่ายพูดว่าไม่แต่งงานกับเจ้า แม่ของข้าจะไม่ตีข้าตายหรือ? หากข้าถูกยกเลิกงานแต่งงาน อย่างน้อยแม่ของข้าก็ยังสงสารข้า”
หยวนหย่งอี้หัวเราะขึ้นมา หัวใจเต็มล้นไปด้วยความอบอุ่น
แต่งงานกับลู่หยวนแล้วจะมีความสุข นางรู้
แต่ก็เหมือนอย่างที่ลู่หยวนพูด ช่วงวันเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันนี้ ช่างเข้ากันได้อย่างดีที่สุด แต่กลับไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง
ลู่หยวนส่งหยวนหย่งอี้กลับมาถึงจวน แล้วก็ขี่ม้ากลับจวนด้วยตนเอง
เวลาหนึ่งทุ่ม เช้ามืดแต่แรกแล้ว เพราะอากาศยังหนาวเย็น ไม่มีใครเดินบนถนนสายหลัก ทำให้ได้ยินเสียงทหารม้าวิ่งมาอย่างรวดเร็ว
เขารีบลงจากม้า แล้วก็จูงม้าไปยังซอยด้านข้าง แล้วก็เห็นทหารม้าวิ่งมาอย่างเร่งรีบ เขาจำได้คนที่นำหน้าคือ ใต้เท้าหยางหยวนไว้หลันของกรมทหาร ใต้เท้าหยางก็มองเห็นเขา จึงถามขึ้นว่า “น้องลู่ ค่ำขนาดนี้แล้วทำอะไรอยู่ที่นี่?”
ลู่หยวนพูดขึ้นว่า “เพิ่งกลับมาจากชานเมือง พี่หยาง นี่พวกเจ้าจะไปไหนกันหรือ?”
เขาเห็นทหารม้ามีตั้งสิบคน แต่ละคนสีหน้าต่างดูเร่งรีบ เหมือนกำลังปฏิบัติภารกิจสำคัญ
ใต้เท้าหยางพูดว่า “เมื่อกี้เจ้าเห็นคนสวมชุดดำคนหนึ่งผ่านไปไหม? สูงประมาณห้าฟุตแปด คลุมหัวปิดหน้า สวมชุดสีดำ บาดเจ็บที่ไหล่”
ลู่หยวนส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเพิ่งผ่านมาถึงที่นี่ ไม่เคยใคร”
ใต้เท้าหยางยกมือขอบคุณ พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ วันหลังจะพาเจ้าไปดื่มน้ำชา รีบกลับไปเถอะ”
พูดเสร็จ ควบขี่ม้าแล้วก็ไป
ลู่หยวนมองดูเงาหลังของพวกเขา ในใจคิดว่า “กรมทหารพาคนออกมาไล่ตามคนสวมชุดดำด้วยตนเอง? หรือว่าเอกสารในกรมทหารถูกขโมย?”
กำลังคิดที่จะจูงม้าไป กลับได้ยินเสียงภายในซอยมีเสียงเคลื่อนไหว เขาหันไปมองอย่างสงสัยพร้อมพูดขึ้นว่า “ใคร?”
ไม่มีคนตอบ แม้แต่เสียงก็เงียบสงบลง
ท้องฟ้ามืดมิด แสงพระจันทร์ก็ไม่สามารถที่จะสองสว่างภายในซอย ลู่หยวนพกดาบติดตัวไว้อย่างระมัดระวัง จับฝักดาบไว้แน่นแล้วค่อยๆเดินเข้าไป
ภายใต้ความมืด มีคนคนหนึ่งกระโจนออกมาในทันใด ลู่หยวนหันข้างหลบ มือข้างหนึ่งดึงมือของอีกฝ่ายไว้ แล้วก็ไขว่ไปด้านหลัง คุณคนนั้นดิ้นรนให้หลุดพ้น แต่ลู่หยวนจับไว้แน่น ดึงนิ้วมือของอีกฝ่ายหลุดออกมา
เขาสัมผัสได้ถึงตัวอักษรบนนิ้วมือ ค่อนข้างคุ้นเคย รีบยกขึ้นมาเพื่ออาศัยแสงจากดวงจันทร์มองดู ที่แท้ก็คือ….. เขามองดูรูปร่างของคนชุดดำอีกครั้ง พร้อมพูดขึ้นอย่างตกใจว่า “เจ้า….”
หยู่เหวินเห้าถูกเรียกให้ตื่นขึ้นมากลางดึก บอกว่ามีคดีทางด้านกรมทหาร
มีคนอาศัยความมืดเข้าไปในคลังลับของกรมทหาร เพื่อขโมยแผนที่ทางการทหารที่แคว้นต้าโจวส่งมา
แผนที่ทางการทหารฉบับนี้ เฉินจิ้งถิงแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าโจวสั่งคนนำมาให้ เพิ่งมาถึงกรมทหารไม่ถึงวัน ก็ถูกคนร้ายอยากได้แล้ว แอบเข้ามาขโมยถึงในกรมทหาร
หยู่เหวินเห้าโกรธอย่างมาก แผนที่ทางการทหารฉบับนี้เป็นอาวุธที่แคว้นต้าโจวคิดพัฒนาขึ้นใหม่ มีแบบวาดโครงสร้างของรถถัง มีที่ใส่ดินปืน เพราะเหตุนี้จึงเก็บไว้ในคลังลับของกรมทหาร เขายังไม่ทันได้เห็น ก็ถูกขโมยไปแล้ว
และที่สำคัญที่สุดก็คือ หากตกอยู่ในมือคนที่ไม่ประสงค์ดี ผลที่จะตามมานั้นคาดไม่ถึง
หยู่เหวินเห้ารีบสั่งปิดทั้งเมือง แล้วก็พาคนไปไล่ตามจับ
ใต้เท้าหยาง ผู้ที่เป็นหยวนไว้หลันของกรมทหารพูดว่า ได้สู้กับคนชุดดำคนนั้น ไหล่ของอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ ดังนั้น หยู่เหวินเห้าได้พาคนไปค้นโรงหมอในเมืองหลวงทุกแห่ง หากมีใครมาซื้อยาบรรเทาอาการบาดเจ็บ ให้รีบแจ้งความ
ค้นหาจนถึงเช้าของอีกวัน ก็ยังไม่ได้พักผ่อน หยู่เหวินเห้าสั่งคนสืบค้นหาต่อ เขากับกรมทหารเข้าวังไปกราบทูลฮ่องเต้พร้อมกัน
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้รับรู้ว่า แผนที่ทางการทหารถูกโมย ก็โกรธโมโหอย่างมาก มีคำสั่งลงไปว่า จะต้องตามแผนที่ทางการทหารกลับมาให้ได้ แล้วค่อยสืบหาสถานะของขโมย
แผนที่ทางการทหาร ที่แคว้นต้าโจวส่งมาให้ แม้แต่ฮ่องเต้หมิงหยวนยังไม่ทันได้เห็นเลย เดิมเขาคิดว่า รอให้ร่างกายดีขึ้นกว่านี้ ค่อยเชิญเซียวเหยากงโสวฝู่กับเจ้าหน้าที่ของกรมอาวุธยุทโธปกรณ์มาดูพร้อมกัน จะไปคิดได้อย่างไรว่าจะมีคนมาขโมย?
กว่าเขาจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาได้ ตอนนี้ก็กลับพังทลายลง รู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ สั่งให้กรมการพระนคร ต้องตามแผนที่ทางการทหารกลับมาให้ได้ ภายในสองวันเท่านั้น
หยู่เหวินเห้าค้นหาอย่างไม่หยุดยั้งติดต่อกันสองวัน โรงเตี๊ยม บ้านพัก วัดต่างๆ สถานที่ที่สามารถหลบซ่อนตัวได้ ล้วนค้นแล้วทั้งหมด
หยู่เหวินเห้าเหนื่อยอิดโรยติดต่อกันสองวัน ไม่มีเวลาทานข้าว ไม่มีเวลาดื่มน้ำ บ้านก็ไม่มีเวลากลับ
แต่สองวันผ่านไป ก็ไม่มีข่าวคราวเลยสักนิด
หยู่เหวินเห้าก็ไม่ได้ท้อถอย ค้นหาไปด้วย กราบทูลฮ่องเต้หมิงหยวนไปด้วย เตรียมใจยอมรับผลร้ายที่สุด นั่นก็คือสั่งคนส่งจดหมายไปให้แม่ทัพใหญ่จิ้งถิง เพื่อขอแผนที่ทางการทหารมาอีกฉบับ
ก่อนหน้านี้เป่ยถังก็เคยคุยกับแคว้นต้าโจว เมื่อแคว้นต้าโจวพัฒนาอาวุธขึ้นมา ลองแล้วใช้ได้จริง ก็จะส่งแผนที่ทางการทหารมาให้
ตอนนี้แผนที่ทางการทหารส่งมาแล้ว เท่ากับว่าการพัฒนาของแคว้นต้าโจวประสบความสำเร็จแล้ว งั้นเป่ยถังก็จะต้องรีบสร้างอาวุธและรถรบนี้ขึ้นมา
แผนการใหญ่ของฮ่องเต้หมิงหยวนในปีนี้ ครึ่งหนึ่งของความสำคัญอยู่ที่การผลิตอาวุธ
การป้องกันประเทศให้แข็งแกร่งแล้ว ถึงจะสามารถพูดถึงการพัฒนาภายในประเทศ
ตอนนี้แผนที่ทางการทหารถูกขโมย เขาก็รู้ว่าโอกาสที่จะตามกลับมาได้มีน้อยมาก เพราะฉะนั้น จึงยอมตกลงกับสิ่งที่หยู่เหวินเห้าเสนอ คือการส่งคนไปยังแคว้นต้าโจว