บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 778 เสด็จพ่อ
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ตอนแรกที่ตัดสินว่าเขามีความผิดฐานเป็นกบฏ สาเหตุหลักก็คือการขโมยแผนที่ทางการทหาร แผนที่ทางการทหารเป็นสิ่งที่แคว้นต้าโจวได้มอบให้เพื่อสร้างอาวุธและรถรบที่มีความแข็งแกร่งมีพลังในการเข่นฆ่าสูง ใช้สำหรับการสู้รบ ถ้าหากเขาไม่ได้คิดอยากจะก่อกบฏ ย่อมต้องไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขโมยแผนที่ทางการทหาร ถ้าหากไม่มีความจริงข้อนี้อยู่ ข้อหากบฏก็คงไม่ถูกตั้งขึ้นมา ”
หยวนชิงหลิงสีหน้าผ่อนคลายลง พูดอย่างเร่งเร้าว่า “แล้วท่านจะรีบเข้าไปวังไปทูลเสด็จพ่อหรือไม่ แม้ว่าหยู่เหวินจุนจะไม่คู่ควรให้เห็นใจ แต่เห็นแก่พระชายาจี้และจวิ้นจู่ทั้งสองคน พวกเราจะไม่ยุ่งก็ไม่ได้ ”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะเสียงขื่นแล้วมองนาง “แต่ว่า ถ้าข้าบอกว่าเป็นของปลอม ก็เป็นของปลอมจริงๆอย่างนั้นหรือ ต้องเอาหลักฐานออกมายืนยัน จะให้ข้าไปบอกกับเสด็จพ่อได้อย่างไร ว่าพระชายารัชทายาทบอกว่าเป็นของปลอม จากนั้นเสด็จพ่อก็ทรงเชื่อ แม้ว่าเจ้าจะมีความสำคัญอยู่ในใจของเสด็จพ่ออยู่บ้าง แต่ว่าเรื่องสำคัญของประเทศชาติ เขาระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถใช้การวางตัวและนิสัยมาเป็นหลักฐานยืนยันได้ ”
“นั่นก็จริง”หยวนชิงหลิงลืมคิดถึงจุดนี้ไปชั่วขณะ ไม่ต้องพูดถึงว่าแผนที่ทางการทหารนั้นไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน แม้จะเคยเห็น ทั้งสองภาพนี้เมื่อเทียบกันแล้วไม่ได้มีจุดแตกต่างที่ชัดเจนมากเท่าไหร่ และไม่แน่ว่าอาจหาจุดแตกต่างไม่พบด้วยซ้ำ
จะให้บอกว่าเขาคิดว่าเป็นของปลอม แล้วเสด็จพ่อก็จะเชื่อ
หยู่เหวินเห้าใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่ พูดว่า “เรื่องนี้ประเดี๋ยวข้าจะไปปรึกษากับโสวฝู่ ดูสิว่าเขามีวิธีการอะไรหรือไม่ ”
“โสวฝู่จะเชื่อหรือ”หยวนชิงหลิงถาม โสวฝู่ฉู่เองก็เป็นคนช่างสงสัย อาจจะไม่เชื่อก็ได้ว่าแผนที่ทางการทหารเป็นของปลอม
“แม้เขาจะไม่เชื่อ แต่ชั่วขณะนั้นอาจทำการสันนิษฐานว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นถูกต้องจากนั้นก็จะคิดหาวิธีการบางอย่างให้ เขารู้จักนิสัยของเสด็จพ่อเป็นอย่างดี รู้ว่าต้องสื่อสารกับเสด็จพ่ออย่างไรจึงจะดีที่สุด”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า ทันใดนั้นก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน “ใช่แล้ว ได้ยินมาว่าในช่วงรัชสมัยของฮ่องเต้ฮุยจงได้ทรงมีพระราชโองการให้ประหารตระกูลของอ๋องชินยู่ทั้งโคตร เรื่องนี้ท่านรู้หรือไม่ ”
“เรื่องนี้ก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่ว่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรนั้น ข้าเองก็รู้ไม่ชัดเจนนัก ในวังไม่เคยพูดถึง คนข้างนอกก็ไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ทำไมเจ้าจึงถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหันเล่า”
“วันนี้ตอนอยู่ในวังได้ยินไทเฮาทรงพูดขึ้นมา จึงได้ถามไท่ซ่างหวง จึงได้รู้ว่าคนที่สามารถหนีรอดจากการประหารทั้งโคตรนั้น เป็นอ๋องชินเป่านั่นเอง อ๋องชินเป่าท่านนี้ ปกติเป็นคนอย่างไร เคยรู้สึกไม่พอใจต่อราชสำนักหรือราชวงศ์หรือไม่”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ “ทำไม เจ้าคิดว่าเขาจะเป็นคนขโมยแผนที่ทางการทหารหรืออย่างไร ข้าจะบอกเจ้าให้ คนมากมายในราชวงศ์ล้วนมีความเป็นไปได้ มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่เป็นไปไม่ได้ เขาเป็นท่านอ๋องที่ร่ำรวยคนหนึ่ง ไม่เคยยุ่งเรื่องการเมืองการปกครองเลยแม้แต่น้อย ตอนนั้น เป็นชายาเฟิงอันที่เลี้ยงเขาจนเติบโต ช่วยทำให้เขารู้จักบรรพบุรุษของตัวเอง มีความรักฉันพี่น้องต่อเสด็จปู่อย่างลึกซึ้ง อีกอย่าง เขาไม่รู้จักวิชายุทธ และไม่ไปมาหาสู่กับเหล่าขุนนาง จะมีความเป็นไปได้อย่างไรว่าเขาจะขโมยแผนที่ทางการทหารไปเพื่อก่อกบฏ ไม่ใช่เขาอย่างเด็ดขาด”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง……”ที่จริงก็เป็นเพียงความคิดชั่ววูบของหยวนชิงหลิงเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าเป็นอ๋องชินเป่า แต่ที่เจ้าห้าพูดมาทั้งหมด ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีทางทำเช่นนี้
ในขณะที่กำลังสอบสวนคดี สามารถทำการสันนิษฐานได้เต็มที่ ทุกคนล้วนน่าสงสัยทั้งสิ้น
หยวนชิงหลิงไม่พูดอะไรอีก เพราะความสงสัยของนางตั้งอยู่บนการคาดเดา ไม่มีหลักฐานเป็นพื้นฐานในการสันนิษฐาน
นางกลับไปถึงจวน หยู่เหวินเห้าก็เอาแผนที่ทางการทหารไปหาโสวฝู่ฉู่
โสวฝู่ฉู่ฟังเขาพูดจบ ก็นิ่งขรึมไปชั่วครู่ พูดว่า “ยังไม่ต้องสนใจว่าแผนที่ทางการทหารนี้เป็นของจริงหรือของปลอม อย่างไรเสียท่านก็ต้องถวายให้กับฮ่องเต้ก่อน คำพูดของพระชายารัชทายาทท่านก็สามารถเอ่ยกับฮ่องเต้ได้ ไม่ว่าฮ่องเต้จะคิดอย่างไรในใจ เขาต้องเรียกตัวพระชายารัชทายาทเข้าวังเพื่อสอบถามแน่ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะเชื่อคำพูดของพระชายารัชทายาท แต่ถ้าหากเขามีใจอยากจะปลดปล่อยหยู่เหวินจุน ภายนอกจะแสดงออกว่าเชื่อถือ ประกาศว่าแผนที่ทางการทหารนั้นเป็นของปลอม เช่นนั้น ก็จะไม่ถูกตั้งข้อหากบฏ”
“ฉะนั้น จะเป็นของจริงหรือของปลอมก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือต้องดูว่าเสด็จพ่อมีใจอยากจะไว้ชีวิตหยู่เหวินจุนหรือไม่”
โสวฝู่ฉู่พยักหน้า วิเคราะห์ให้ฟังว่า“ถูกต้อง ที่ฮ่องเต้ทรงกริ้วที่สุดอาจไม่ใช่เรื่องที่เขามีใจอยากจะเป็นกบฏ และเป็นเรื่องที่เขาใช้สถานะในการเป็นทั้งขุนนางและเป็นลูกทำการสาปแช่งเสด็จพ่อของตัวเอง จุดนี้ทำร้ายจิตใจของฮ่องเต้ที่สุด ด้วยเหตุนี้ก่อนที่ฮ่องเต้จะทรงตัดสินข้อหาก่อการกบฏของเขาก็ได้ทำการปลดเขาออกจากตำแหน่งทั้งยังตรวจค้นยึดทรัพย์จวนอ๋องจี้ เรื่องผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว คาดว่าอารมณ์ขุ่นมัวของฮ่องเต้ก็คงจะเบาบางลงบ้างแล้ว ถ้าหากยื่นข้อเสนอที่สามารถทำให้จบเรื่องนี้ได้กับเขา เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะใช้เหตุนี้ไว้ชีวิตของหยู่เหวินจุน”
หยู่เหวินเห้ารู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา พูดว่า “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังไปถวายรายงานเสด็จพ่อทันที หลังจากถวายรายงานเสด็จพ่อแล้ว ข้าจะมาหาท่านโสวฝู่เพื่อปรึกษากันอีกครั้ง”
โสวฝู่ฉู่พูดว่า “พรุ่งนี้แรมขึ้นสองค่ำเป็นวันหยุด ข้าจะไปรออยู่ที่จวนอ๋องฉู่แล้วกัน รัชทายาทจะได้ไม่ต้องวิ่งไปมาให้เหนื่อย”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “เรื่องนั้นไม่เป็นไร ไม่ว่าอย่างไรก็ขี่ม้ามา ไม่เปลืองแรงอะไร ท่านเองก็ยากจะมีวันหยุดพักผ่อน อยู่พักผ่อนในจวนสักครึ่งวันก่อนเถอะ”
โสวฝู่ฉู่อืมหนึ่งเสียง พูดเสียงเรียบว่า “ตกลงตามนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ข้าจะขี่ม้าไปรอท่านที่จวนอ๋องฉู่ ”
หยู่เหวินเดินออกไปข้างนอกแล้ว เพิ่งจะได้สติกลับมา ทำไมยังเป็นเขาที่ต้องไปจวนอ๋องฉู่อีก
แต่ แล้วแต่เถอะ ใครไปใครมา ระยะทางก็ไม่ได้ไกล
วันรุ่งขึ้นหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงนำแผนที่ทางการทหารเข้าไปในวัง เดิมทีแผนที่ทางการทหารควรส่งเข้าไปตั้งนานแล้ว แต่เพราะเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี จึงได้จัดเก็บไว้ที่กรมการพระนครหลายวัน
บวกกับฮ่องเต้หมิงหยวนเองรู้สึกไม่มีความสุขในใจ ก็ไม่ได้เร่งรัดเขา
ฮ่องเต้หมิงหยวนดูแผนที่ทางการทหาร และฟังหยู่เหวินเห้าพูดถึงแผนที่ทางการทหารเป็นของปลอม สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไป เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมามองหยู่เหวินเห้า “พระชายารัชทายาทบอกว่าเป็นของปลอมเจ้าก็เชื่ออย่างนั้นหรือ”
หยู่เหวินเห้าได้แต่พยักหน้า “นางว่าอย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนนิ่งเงียบไปนาน และไม่ได้ถามอะไรอีก ตามที่โสวฝู่ฉู่คาดเดาไว้ ไม่ช้าก็มีรับสั่งให้เรียกตัวหยวนชิงหลิงเข้าเฝ้า
หยวนชิงหลิงนั้นได้เข้าวังมาพร้อมกันกับหยู่เหวินเห้า นางไปที่ตำหนักฉินคุนก่อน จากนั้นก็รอพระบัญชาอยู่ที่นั่น
เมื่อมาถึงห้องทรงพระอักษร หยู่เหวินเห้าถูกไล่ออกไปรออยู่ข้างนอก เรียกให้หยวนชิงหลิงเข้าไปพูดคุยข้างในเพียงคนเดียว
หยวนชิงหลิงเห็นสีหน้าตรอมใจของฮ่องเต้หมิงหยวน ในใจก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา
หลังจากที่นางคุกเข่าลงคำนับแล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวนก็เรียกให้นางเดินขึ้นไปข้างหน้าและไม่พูดมากความ ถามออกไปตรงๆว่า “เจ้าเคยเห็นแผนที่ทางการทหารหรือ”
หยวนชิงหลิงก้มศีรษะลง พูดตามความจริงว่า “ใช่เพคะ ตอนนั้นหลังจากที่ราชทูตของแคว้นต้าโจวส่งแผนที่ทางการทหารมาให้ ลูกไม่ทราบว่าเป็นความลับ คิดว่าต้องทำการตรวจรับเอาไว้ จึงได้เปิดออกดู ลูกไม่ได้มีเจตนาจะขโมยดูเพคะ”
“แล้วแผนที่ฉบับนี้กับฉบับก่อนหน้านี้ที่เจ้าเคยดู ไม่ใช่ฉบับเดียวกันหรือ”
“ลูกขอใช้หัวเป็นประกันเพคะ ว่านี่เป็นของปลอม ในนั้นมีรายละเอียดเล็กๆที่เปลี่ยนไป ไม่เหมือนกับฉบับที่ลูกเคยดู”หยวนชิงหลิงเอ่ยขึ้นอย่างแน่วแน่
ฮ่องเต้หมิงหยวนดูแผนที่ทางการทหาร ข้างในนั้นมีการเขียนเครื่องหมายสัญลักษณ์ต่างๆไว้ซับซ้อนมาก อย่าว่าแต่ดูเพียงชั่วครู่เลย แม้แต่ใช้เวลาจ้องมองอย่างละเอียดทั้งวัน ก็คงไม่อาจจำได้ และนางยังบอกอีกว่าที่เปลี่ยนไปคือจุดเล็กๆ นั่นยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่
อีกอย่าง นางบอกว่าเคยดูแผนที่ทางการทหารก็ไม่พอที่จะทำให้เชื่อได้ ราชทูตของแคว้นต้าโจวส่งแผนที่ทางการทหารมา แม้จะไม่ได้บอกกล่าวอย่างชัดเจนว่าเป็นความลับ นางเองก็ไม่ใช่คนไร้มารยาทไม่รู้จักหลบเลี่ยงเสียหน่อย ทำไมจึงต้องแอบดูด้วยเล่า
เขาครุ่นคิด คิดว่าเจ้าห้ามีใจอยากจะช่วยเจ้าใหญ่ให้พ้นโทษ จึงได้ร่วมมือกับหยวนชิงหลิงแต่งเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา ผ่านการตกตะกอนความคิดมาหลายวัน ความโกรธของเขาก็บางเบาไปบ้างแล้ว แต่มีความเจ็บปวดหนักอึ้งมากกว่า น้ำใจของเจ้าห้าที่จะช่วยเหลือพี่น้องร่วมสายเลือด เขารู้สึกซาบซึ้งใจ
ฉะนั้น เขาจึงไม่ได้ถามว่ามีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดอะไรในแผนที่ทางการทหาร ได้แต่ถามว่า “นอกจากเจ้าแล้ว ยังมีใครพูดอีกว่าแผนที่นี้เป็นของปลอม”