บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 798 ที่ผ่านมาเจ้าเย่อหยิ่งจองหองอย่างยิ่ง
เมื่อหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงได้ยินดังนั้น ต่างก็ตกตะลึงกันไปชั่วขณะ สมรู้ร่วมคิดกับท่านชายหงเย่ ? นั่นไม่เท่ากับว่าเป็นการสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูต่างแคว้นหรอกหรือ ?
หยู่เหวินเห้าจำได้ว่าตอนที่เขาถามอ๋องชินเป่า เขาเคยพูดว่าจำใจต้องเลือกแผนสองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่แน่ว่าบางที มันอาจเป็นไปตามข้อสันนิษฐานนี้จริง ๆ ก็เป็นได้
เขาประสบการณ์ยังน้อย ทั้งยังเปิดเผยตัวตนเร็วเกินไป ไม่อาจหล่ออาวุธได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งไม่สามารถพัฒนากำลังสู้รบให้ยิ่งใหญ่ทรงพลังได้ หากใช้แค่กำลังของตัวเองก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะก่อกบฏได้สำเร็จ
แต่ถ้าจะให้เขาเลิกล้มความคิดที่อยากจะแก้แค้น ก็เกรงว่าคงจะทำไม่ได้ สิ่งที่สามารถโจมตีเป่ยถังได้อย่างรุนแรงหนักหน่วง ก็คือการสมรู้ร่วมคิดกับศัตรู แค่มอบแผนที่ทางการทหารให้กับเซียนเปยหรือเป่ยโม่ อาศัยวิธีการเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าเป่ยถังได้สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับแคว้นต้าโจว เมื่อถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับเป่ยโม่และเซียนเปยสองแคว้นนี้อีกครั้ง พวกเขาก็จะตกอยู่ในสภาพโดดเดี่ยวไร้หนทางอย่างถึงที่สุด
ถ้าเขาคิดจะสมรู้ร่วมคิดกับเซียนเปย เช่นนั้นเขาก็คงเก็บไพ่ใบนี้ไว้ในมือมานานแล้ว เขาลอบติดต่อกับหงเย่ ตอนที่หงเย่มาเมื่อปีที่แล้ว เคยได้ทำการผูกสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทางเจ้าสี่ ในเวลานั้นเขาเฝ้าจับตาระวังป้องกันเฉพาะเจ้าสี่ กลับคิดไม่ถึงว่าคนที่ติดต่อกับหงเย่จะไม่ใช่เจ้าสี่ แต่เป็นเขานี่เอง
พระชายาเห็นถึงความกังวลใจของหยวนชิงหลิง จึงพูดขึ้นว่า: “เจ้าวางใจในความปลอดภัยของท่านย่าเจ้าได้ หมาป่าหิมะตามไปด้วยแล้ว ถ้าตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ หมาป่าหิมะสามารถช่วยนางได้แน่นอน ทันทีที่นางก้าวเท้าเข้าสู่ชายแดนของซีเจ้อ ก็จะมีคนคอยจับตาดู ไม่มีใครสามารถทำร้ายนางได้เด็ดขาด”
“แต่ข้าได้ยินมาว่าเส้นทางที่จะไปซีเจ้อต้องสัญจรทางน้ำ ไม่แน่ว่าหมาป่าหิมะ อาจจะตามไปไม่ทันก็ได้นะเพคะ” หยวนชิงหลิงพูดอย่างไม่คลายความกังวล
“ตามไปแล้วล่ะ ตอนนี้ก็อยู่บนเรือแล้วด้วย” พระชายาพูดอย่างมั่นใจ
หยวนชิงหลิงตกตะลึง “ท่านรู้ได้อย่างไรกัน? บนเรือมีคนของท่านอยู่หรือเพคะ?”
พระชายายกยิ้มน้อย ๆ “หมาป่าหิมะทุกตัว จะมี GPS พกติดตัวไว้เสมอ”
“นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน!?” หยวนชิงหลิงตกตะลึงจนตาค้างไปแล้ว ต่อให้มีความสามารถมากกว่านี้อีกสักแค่ไหน ที่นี่ก็ไม่ได้มีระบบที่สามารถใช้กำหนดตำแหน่งที่แน่ชัดได้ แม้ว่านางจะสามารถฝังไมโครชิพจากที่ไหนสักแห่งได้จริง แต่ที่นี่ก็ไม่ได้มีนวัตกรรมอันล้ำสมัยแบบยุคปัจจุบัน แล้วจะสามารถระบุพิกัดได้ยังไงล่ะ?
พระชายายิ้มน้อย ๆ “เป็นแค่คำอุปมาเฉย ๆ น่ะ ข้าเป็นแม่ของพวกมัน แน่นอนว่าต้องมีวิธีติดต่อกับพวกมันได้เป็นธรรมดา”
หยู่เหวินเห้ากำลังครุ่นคิด เกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างหงเย่กับอ๋องชินเป่า สมองยังไม่ฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์ดี ทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ ก็ตกตะลึงพรึงเพริศไปชั่วขณะ “หมาป่าหิมะ…เป็นท่านที่ให้กำเนิดรึ?”
ในเวลาเดียวกัน เมื่อได้รับสายตาแปลกประหลาดจากทั้งสาม เขาถึงค่อยกลับมามีสติรู้ตัว ยิ้มแหย ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “บรรยากาศมันตึงเครียดเกินไป ทุกคนผ่อนคลายหน่อยเถอะ ผ่อนคลายสักหน่อยนะ!”
แม้จะมีการรับประกันจากพระชายา หยวนชิงหลิงก็ยังคงรู้สึกกังวลใจมากอยู่ดี คุณย่าสุขภาพไม่ค่อยดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ต้องมาเดินทางทางน้ำเพื่อไปซีเจ้อ บนเรือย่อมต้องลำบากกว่ามาก มันอาจส่งผลร้ายต่อครึ่งชีวิตที่เหลือของท่านได้เลยทีเดียว
ยังมีอีกอย่าง ต่อให้หมาป่าหิมะตามไปแล้วยังไงล่ะ? มันสามารถรับมือกับบรรดายอดฝีมือมากมายขนาดนั้นได้เหรอ? แน่ใจได้หรือไม่ว่าจะดูแลความปลอดภัยให้คุณย่าได้รอบด้าน หรือพาท่านหลบหนีไปได้หากได้เจอกับอันตรายขึ้นมาจริง ๆ?
หยู่เหวินเห้ารู้ว่านางกังวลใจ ดังนั้น หลังจากที่สองสามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอันกลับไป จึงสั่งให้สวีอีไปพบเสี้ยวหงเฉิง เพื่อขอให้นางส่งคนไปที่ซีเจ้อเพิ่มอีก
หลังจากที่หยู่เหวินเห้าได้ยินคำพูดของอ๋องชินเฟิงอัน เขาก็กังวลใจสุดขีด เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่แผนที่ทางการทหารตกไปอยู่ในมือของหงเย่ เป่ยถังกับต้าโจวจะต้องกลายเป็นศัตรูกันเองอย่างแน่นอน อาวุธใหม่ที่พวกเขาทุ่มเทพัฒนาขึ้นมาอย่างยากลำบากในท้ายที่สุด จะถูกเปลี่ยนไปอยู่ในมือของชาวเซียนเปย ในเวลานี้แคว้นต้าโจวก็กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติที่เป่ยโม่กับเซียนเปยเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกันอยู่แล้ว เขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่า ผลที่จะตามมามันจะร้ายแรงมากแค่ไหน
ยังมีอีกเรื่อง สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับจิ้งถิงกันแน่ ?
เรื่องราวมากมายล้วนประเดประดัง รบกวนจิตใจหยู่เหวินเห้าจนว้าวุ่นไปหมด ในเช้าวันต่อมา เมื่อรู้ว่าเจ้าสี่กลับมาแล้ว ก็รีบตรงไปที่จวนอ๋องอานทันที
ในตอนแรกที่ส่งคนไปจับตามองเจ้าสี่ เขาเคยทำการติดต่อกับหงเย่จริง แต่ทั้งสองมีข้อตกลงเป็นการส่วนตัวจนถึงขั้นไหนแล้วนั้น เรื่องนี้เขาเองก็ไม่รู้เลยจริง ๆ
อ๋องอานเพิ่งกลับจากสุสานจักรพรรดิ เขายังไม่ได้อาบน้ำล้างเนื้อตัว ชุดไว้ทุกข์ของเขาสกปรกมากจนแทบไม่เหลือสภาพ เพิ่งจะเช็ดหน้าเช็ดตาเสร็จ หยู่เหวินเห้าก็มาถึงแล้ว
“ตรวจสอบเป็นอย่างไรบ้างแล้วล่ะ?” อ๋องอานยังไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอะไรเลยซักอย่าง เมื่อเห็นหยู่เหวินเห้ามาถึง ก็เอ่ยถามอย่างรีบร้อน
หยู่เหวินเห้าตอบว่า: “ขโมยแผนที่ทางการทหาร ขโมยพระศพของฮ่องเต้ฮุยจง แล้วก็ยังลักพาตัวฮูหยินใหญ่ที่มาจากแคว้นต้าซิ่งไปด้วย ล้วนเป็นฝีมือเขาทั้งหมด เขายอมรับแล้ว”
“จับตัวได้แล้วรึ?” อ๋องอานถามอีก
“ไม่ได้ เขาใช้แผนที่ทางการทหารกับพระศพของฮ่องเต้ฮุยจงมาข่มขู่ เรียกร้องขอพบอ๋องชินเฟิงอัน ” หยู่เหวินเห้านั่งลง จ้องมองเขานิ่ง ๆ “เจ้าบอกความจริงกับข้ามาสักประโยคหนึ่ง ตอนที่ข้าได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นองค์ชายรัชทายาท หงเย่แห่งเซียนเปยกับ แม่ทัพฉินแห่งเป่ยโม่ได้มาพำนักอยู่ในเมืองหลวงระยะหนึ่ง มีการติดต่อกับเจ้าเป็นการส่วนตัว ระหว่างพวกเจ้ามีข้อตกลงอะไรกัน? หรือเจ้ารู้หรือไม่ว่าแผนการของพวกเขาคืออะไร?”
อ๋องอานปรายตามองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง “เจ้าส่งคนมาคอยจับตามองข้ารึ?”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าก็ส่งคนมาจับตามองข้าด้วยหรอกหรือ? เจ้าระวังข้า ข้าก็ควรต้องระวังเจ้าเป็นธรรมดา แค่ป้องกันตัวอย่างสมเหตุสมผล แต่อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้จะดีกว่า เจ้าแค่บอกข้ามาก็พอ ว่าหงเย่เคยพูดอะไรกับเจ้าบ้าง?”
อ๋องอานเช็ดมือด้วยผ้าขนหนูร้อน หลุบสายตาลงต่ำ “หงเย่เคยมีการติดต่อส่วนตัวกับข้าในตอนนั้นจริง แต่ไม่ได้พูดถึงรายละเอียดสำคัญอะไร ใจข้ากำลังพุ่งเป้าไปที่ตำแหน่งรัชทายาท ทั้งไม่เคยมีความคิดที่จะทรยศแผ่นดินไปสมคบคิดกับศัตรูต่างแคว้น เจ้าไม่จำเป็นต้องสงสัยคลางแคลงใจข้าในข้อนี้”
หยู่เหวินเห้ามองเขา พลางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง: “ ข้าไม่ได้นึกสงสัยในตัวเจ้า แต่อ๋องชินเฟิงอันบอกว่า มีความเป็นไปได้ที่อ๋องชินเป่าจะสมคบคิดกับเซียนเปย ข้าอยากรู้ว่าในน้ำเต้าของเขาขายยาอะไร ( เป็นสำนวนจีนที่มีหมายความในลักษณะคาดเดาใจคนไม่ได้ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีแผนการหรือซ่อนเร้นอะไรเอาไว้) เจ้าลองคิดดูให้ละเอียดอีกสักครั้ง ว่าเจ้าหงเย่ผู้นั้นเคยแพร่งพรายอะไรให้เจ้าได้ยินบ้างหรือไม่?”
อ๋องอานยิ้มเย้ยหยัน “เขาจะแพร่งพรายอะไรกับข้าล่ะ? เจ้าห้า นี่เจ้ากำลังถามหรือสอบสวนกันแน่? ถ้าข้าบอกเรื่องที่เขาแพร่งพรายออกไป ไม่แน่ว่าบางทีเจ้าก็อาจจะนำความไปกราบทูลต่อเสด็จพ่อก็เป็นได้ คิดจะอาศัยช่วงชุลมุนกำจัดข้าไปให้พ้นทางอย่างนั้นรึ?”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า: “เจ้าไม่ต้องมีจิตคิดระแวงขนาดนั้นหรอก หากข้าสงสัยเจ้าจริง ๆ แค่ตามสืบเจ้าอย่างลับ ๆ ก็ย่อมได้ ทำไมยังต้องมาถามเจ้าโดยเฉพาะแบบนี้ด้วยล่ะ?”
อ๋องอานยักไหล่ “ใครจะไปรู้ล่ะ? สถานการณ์ตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด อีกทั้งเสด็จพ่อก็ไม่ไว้ใจข้าอีกแล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าจะไม่ฉวยโอกาสจากสถานการณ์ยุ่งเหยิงนี้ ลงมือกำจัดข้าไปให้พ้น อีกทั้งข้าในตอนนี้ก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว คนข้างกายที่ข้าสามารถใช้การได้ล้วนถูกเขี่ยทิ้งไปราวห้าหกคนได้แล้ว ถ้าเจ้าคิดจะสร้างความลำบากให้ข้าจริง ๆ ชั่วขณะนี้ข้าก็ไม่รู้ว่าจะหาทางรับมือเจ้าอย่างไรไหว แน่นอนว่าข้าสมควรต้องเตรียมตัวให้พร้อมเอาไว้เป็นธรรมดา ”
เพื่อแลกกับความไว้วางพระทัยของเสด็จพ่อ หลังจากเรื่องของอะหลูเป็นต้นมา เขาก็ส่งคนของตัวเองออกไปเป็นจำนวนมาก แล้วทำตัวเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์ภักดี เป็นลูกที่กตัญญูจริงใจไประยะหนึ่งเลยทีเดียว
เมื่อเห็นว่าเขาระวังตัวแจขนาดนี้ หยู่เหวินเห้าก็รู้ว่าหงเย่จะต้องแพร่งพรายข้อมูลบางอย่างออกมาแน่ ๆ เมื่อหงเย่ไม่สามารถลงมือกับทางเจ้าสี่ได้ สุดท้ายจึงเปลี่ยนเป้าหมายหันไปหาอ๋องชินเป่าแทน การคาดเดาเช่นนี้ เป็นอะไรที่สมเหตุสมผลที่สุดแล้ว
“เอาอย่างนี้เถอะ ถ้าข้อมูลที่เจ้าให้มา มันสามารถช่วยข้าได้ เมื่อไปทูลต่อเบื้องพระพักตร์ของเสด็จพ่อ ยกให้เป็นความดีความชอบของเจ้า คิดว่าเป็นอย่างไร?” หยู่เหวินเห้าถาม
อ๋องอานโยนผ้าเช็ดหน้าลงบนโต๊ะ นั่งลงมองเขา สีหน้าดูคล้ายประทับใจขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้เขาจำต้องเร่งทำคะแนนให้ดีที่สุด เพื่อขจัดจุดด่างพร้อยของตัวเองออกไป “เจ้าห้า ข้าเชื่อใจเจ้าได้ใช่หรือไม่?”
“เจ้ากับข้าต่างก็สืบสวนเรื่องนี้ด้วยกัน ต่อให้ไม่ถึงขั้นเป็นความดีความชอบ เสด็จพ่อก็จะต้องจดจำผลงานครั้งนี้ของเจ้าอย่างแน่นอน” หยู่เหวินเห้าพูด
อ๋องอานขมวดคิ้วเล็กน้อย “จริงรึ?”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า: “ข้าไม่ขอผลงาน ขอแค่ไม่ผิดพลาดก็พอแล้ว ถ้าเรื่องนี้จัดการได้ไม่ดี เสด็จพ่อจะต้องมาคิดบัญชีที่ข้า ดังนั้น ครั้งนี้ก็ถือเสียว่าเป็นข้อตกลงระหว่างข้ากับพี่สี่ก็แล้วกัน”
อ๋องอานมองเขาด้วยสายตาลำพองใจเล็กน้อย “คำพูดประโยคนี้ของเจ้าได้ผลมากจริง ๆ เจ้าห้า อันที่จริงถ้าเวลาปกติเจ้าไม่เย่อหยิ่งจองหองขนาดนั้น ไม่แน่ว่าข้าอาจจะไม่ตั้งตนเป็นศัตรูกับเจ้าตลอดเวลาแบบนี้ก็ได้”
หยูเหวินเห้าตกใจจนผงะ “ข้าเคยเย่อหยิ่งจองหองเมื่อไหร่กัน?”
“เจ้าเย่อหยิ่งจองหองตลอดเวลานั่นล่ะ ตั้งแต่กลับมาจากสร้างความสำเร็จทางการทหาร ท่าทีของเจ้าก็เย่อหยิ่งจองหองมาโดยตลอด ข้าล่ะทนเห็นท่าทีแบบนั้นของเจ้าไม่ไหวที่สุดแล้ว”
หยู่เหวินเห้าถึงกับพูดไม่ออก “ได้ จากนี้ข้าจะเก็บท่าทางของตัวเองลงหน่อยก็แล้วกัน เช่นนั้นก็ขอให้พี่สี่ช่วยข้าครั้งนี้สักครั้งเถอะ”