บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 806 พระชายาดื่มยาพิษ
ริมฝีปากอ๋องชินเป่าสั่นเทา พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ยังคงขาวซีดจนน่าตกใจว่า “เจ้า….เจ้าพูดไปเรื่อย”
“หากข้าพูดเป็นความเท็จเพียงประโยคเดียว ขอให้ฟ้าผ่าให้ข้าไม่ได้ตายดี” ชายาเฟิงอันหวนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา ยังคงทำให้โกรธโมโห พร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนนั้นตอนที่ข้าช่วยเจ้า มีคนพูดเตือนข้ามากมาย บอกว่าถอนหญ้าไม่ถอนคน ต่อไปจะทำให้เกิดความวิบัติ ข้าไม่ฟัง คิดว่าใครทำสิ่งใดก็ควรได้รับสิ่งนั้น เห็นแก่ความที่เจ้ายังเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา ไม่ควรที่จะต้องมารับเคราะห์พร้อมกับเสด็จพ่อของเจ้า ทำให้ข้ากลายเป็นที่ไม่พอใจกับคนไม่น้อย ทำให้คนที่เคยถูกเสด็จพ่อของเจ้าทำร้ายพวกนั้นไม่พอใจ ข้าไม่ให้เจ้ารับราชการ เจ้านึกว่าเป็นการกดดันเจ้าจริงๆหรือ? เป็นเพราะตอนนั้นคนในราชสำนักเกลียดเสด็จพ่อของเจ้ามีจำนวนมาก เจ้ารับราชการเข้าไปในราชสำนักจะไม่มีผลดีอะไรเลย เป็นท่านของลอยชายยังจะดีกว่า ทำหน้าที่ของการเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ คนที่เป็นแม่ ใครกันที่หวังอยากให้ลูกชายของตนเองกลายเป็นหงษ์เป็นมังกรจริง? ล้วนหวังอยากให้พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตไม่ใช่หรือ?”
ประโยคสุดท้าย ชายาเฟิงอันอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้วจริงๆ
อ๋องชินเป่าได้ยินเช่นนี้ รู้สึกเหมือนถูกมีดแทงหัวใจขึ้นมาในทันที ตลอดชีวิตของพี่สะใภ้ ดำเนินไปอย่างเฉียบขาด เข้มแข็งอดทน น้ำตาไหลน้อยครั้งมาก
“เวลานี้ หากเพราะเจ้าทำให้ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ถือเป็นความรับผิดชอบของข้า โทษประหารที่เจ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้าก็เช่นกัน ข้าต้องแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนทั่วหล้า ดังนั้น สุราแก้วนี้ ข้าดื่มเป็นเพื่อนเจ้า”
นางพูดเสร็จ หยิบยาลูกกลอนหนึ่งลูกออกมาจากในแขนเสื้อแล้ววางข้างริมฝีปาก
“ไม่”อ๋องชินเป่าตกใจอย่างสุดขีด สายเกินไปที่จะคว้าแย่งมา ชายาเฟิงอันทานยาพิษลงไปแล้ว
เข้ากระโจนเข้าไป ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ พร้อมตะคอกขึ้นว่า “ยาถอนพิษ ยาถอนพิษ เอายาถอนพิษออกมา”
“เจ้ารู้ว่านี่เป็นยาพิษอะไร และก็รู้ว่ายาพิษนี้ไม่มียาถอนพิษ” ชายาเฟิงอันมองดูเขา ดวงตาร้อนรุ่มไม่สบายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “สุราแก้วนั้นที่เจ้าดื่มลงไปเมื่อกี้ ไม่ใช่สุรายาพิษ ข้าเพียงแค่ลองใจ ดูว่าเจ้ายังเชื่อฟังข้าไหม ก็ดี อย่างน้อยก็ไม่เคยไม่เชื่อฟังข้า ข้าได้สั่งการไว้แล้ว พรุ่งนี้จะมีคนมารับเจ้าออกไปจากเมืองหลวง ต่อไปไม่ต้องกลับมาอีก ตายก็ตายอยู่ด้านนอก ความผิดบาปที่เจ้ากระทำไว้ทั้งหมด ข้าจะชดใช้ให้กับเจ้า”
ที่มุมปากของนางมีเลือดสีดำไหลออกมา สีหน้าขาวซีดไปทั้งหมดแล้ว ยืนขึ้นมาอย่างเชื่องช้า มองดูใบหน้าที่ทุกข์ทรมานของเขา อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง แล้วค่อยๆเดินออกไป
“ไม่…..”อ๋องชินเป่าร้องขึ้นด้วยเสียงสันรันทด ไล่ตามออก ถูกหัวหน้าหมาป่าหิมะขวางทางไว้ ทำได้เพียงยืนมองผ่านน้ำตาอยู่ตรงหน้าประตู เห็นนางถูกหมาป่าหิมะหลายตัวอุ้มไว้ แล้วจากไปอย่างยิ่งอยู่ยิ่งไกลออกไป
เลือดแห่งความโกรธล้นเต็มอก กระอักออกมาเป็นเลือดสดหนึ่งคำ แล้วก็รู้สึกตรงหน้ามืดสนิท ล้มไปข้างหน้าอย่างจัง
ท่านอ๋องอ้วกออกมาเป็นเลือด….“
ชายาเฟิงอันพาหมาป่าหิมะไปจากจวนอ๋องชินเป่า เมื่อขึ้นรถม้า ก็มีหมาป่าหิมะกว่าสิบตัวพาจากไป ภาพนั้นน่าตกใจมาก คนบนท้องถนนต่างก็หลบหลีก
กลับมาถึงจวนอ๋องฉู่ หยวนชิงหลิงรออยู่ในจวนแต่แรกแล้ว เห็นหมาป่าหิมะเยอะขนาดนี้ในทันใด ก็ตกอกตกใจอย่างมาก
ชายาเฟิงอันลงมาจากรถม้า ร่างกายค่อนข้างสั่นไหว นางรีบเข้าไปประคอง พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านยังไหวไหม?”
“ไม่เป็นไร ทานยาถอนพิษแล้ว สักพักก็ดีขึ้น”ริมฝีปากของชายาเฟิงอันกลายเป็นสีม่วงดำแล้ว ปล่อยให้หยวนชิงหลิงประคองเข้าไป
เข้าไปภายในห้องโถงใหญ่ หยวนชิงหลิงประคองนางนั่งลง แล้วค่อยรินน้ำให้กับนาง พร้อมพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “เป็นอย่างไร?”
“ดีขึ้นมากแล้ว” ชายาเฟิงอันวางแก้วน้ำลง ภายในดวงตาแฝงไปด้วยแสงประกาย พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาดื่มสุราเลือดลงไปแล้ว ข้ายังใช้วิธีดื่มยาพิษบีบบังคับ หวังว่าจะสามารถคลายมนต์สะกดได้ ยังไงเลือดนั่นก็เป็นอีกรุ่นแล้ว ไม่รู้ว่าผลเป็นอย่างไร หากคลายไม่ได้ เกรงว่าจะยิ่งลุ่มหลงบ้าคลั่ง มีเพียงวิธีเสี่ยงเช่นนี้ ยาพิษที่ข้าทานลงไปเขารู้ว่าร้ายแรงขนาดไหน ที่ผ่านมาไม่เคยคิดค้นยาถอนพิษออกมาได้ สองปีมานี้เพิ่งมียาถอนพิษ น่าจะสามารถปิดบังเขาได้ ตอนที่ข้าจากมา ได้ยินค่ะรับใช้พูดขึ้นอย่างตกใจว่าเขาอ้วกออกมาเป็นเลือดแล้ว”
หยวนชิงหลิงค่อยโล่งใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เคยถามหมันเอ๋อแล้ว อ้วกออกมาเป็นเลือดก็ดีแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปเลย”
“ข้าเหลือหมาป่าหิมะส่วนหนึ่งไว้ในจวนอ๋อง ค่อยเฝ้าไม่ให้เขาหนีไปไหน เจ้าระวังตัวด้วย ไม่รู้ว่าคลายมนต์ได้หรือไม่ หากคลายยังไม่ได้ เจ้าเข้าใกล้เขาจะมีอันตราย ทำอะไรให้ระวังด้วย”ชายาเฟิงอันพูดตักเตือน
“วางใจ ข้ารู้ดีอยู่แก่ใจ”หยวนชิงหลิงหันไปสั่งหมันเอ๋อไปเตรียมรถม้า นางต้องพานางกับอะซี่ไปด้วย ถึงจะดี
หยวนชิงหลิงเพิ่งออกมาจากหน้าประตู ก็เห็นหยู่เหวินเห้าควบขี่ม้ามา เมื่อเห็นนางก็รีบลงมาจากม้า พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าจะรีบไปซีเจ้อ ทางด้านนั้นมีข่าวแล้ว เจ้าวางใจ ข้าจะพาท่านย่ากลับมาอย่างปลอดภัย”
ท่าทีของเขาดูเร่งรีบ หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “ดี เจ้าเดินทางระมัดระวังด้วย”
“อืม ไม่เป็นไร เตรียมม้าพันลี้ไว้เรียบร้อยแล้ว ออกเดินทางตอนนี้ เที่ยงวันถัดไปก็ถึงซีเจ้อ” เขาจุมพิตที่หน้าผากของนางอย่างเร่งรีบ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าจะรีบเข้าไปเก็บของบางส่วน แล้วก็จะรีบไป เจ้ากระทำการอยู่ในเมืองหลวงก็ระมัดระวังบ้าง”
“รู้แล้ว….”หยวนชิงหลิงยังพูดไม่ทันจบ เขาก็วิ่งเข้ามาเหมือนลมพายุแล้ว
หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบา เขาช่างทำงานหนักจริงๆ ตั้งแต่เป็นองค์ชายรัชทายาท ก็ไม่ได้พักผ่อนเลยสักวัน นางสงสารอย่างจับใจ กลับก็ทำได้เพียงแค่ส่ายหัว ขึ้นรถม้าไปพร้อมกับหมันเอ๋อกับอะซี่
รถม้ามาจอดตรงหน้าประตูจวนอ๋องชินเป่า อะซี่ลงรถม้าไปพูดกับคนเฝ้าประตูว่า “ไปรายงานท่านอ๋องของพวกเจ้า บอกว่าพระชายารัชทายาทมาขอพบ อาการชายาเฟิงอันไม่ดี พระชายารัชทายาทมาเพื่อปรุงยาถอนพิษ”
คนเฝ้าประตูรู้ว่าเป็นพระชายารัชทายาทมา ก็รีบวิ่งไปรายงานแล้ว
อ๋องชินเป่าอยากไปแต่แรกแล้ว จนใจที่ทหารจวนต่างก็ได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถสู้กับหมาป่าหิมะได้ เขาถูกบีบบังคับถูกขังให้อยู่แต่ภายในจวนอ๋อง จิตใจรุ่มร้อนอย่างทรมาน
ได้ยินคนเฝ้าประตูมาบอกว่าอาการชายาเฟิงอันไม่ดี ในใจของเขาเหมือนตกอยู่ในห้วงแห่งน้ำแข็งขึ้นมาในทันใด พร้อมพูดขึ้นว่า “ให้เขาเข้ามา”
เมื่อหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาเงยหน้าขึ้นมองดูนางด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างร้ายกาจ ถึงแม้จะนั่งอยู่บนเก้าอี้ แต่มือทั้งคู่จับที่วางมือไว้ ข้อต่อนิ้วขาวซีด แสดงให้เห็นว่าอดทนอดกลั้นไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “นางเป็นอย่างไร? อาการเป็นไง?”
“ไม่ดี” หยวนชิงหลิงจ้องมองดูเขา ค่อยๆเดินเข้าไป หัวหน้าหมาป่าเดินติดตามทุกย่างก้าว เตรียมการเผื่อมีอะไรไม่คาดคิด พร้อมพูดขึ้นว่า “พิษนี้รุนแรงอย่างมาก ไม่มียาถอนพิษ แต่ข้ามาวิธีชะลออาการกำเริบ เพราะการปรุงยาถอนพิษต้องใช้เวลา และก็ต้องใช้เลือดของท่านอ๋องหลายหยด ขอท่านอ๋องให้ความร่วมมือด้วย”
อ๋องชินเป่าลุกขึ้นยืนในทันใด กระทำอย่างรวดเร็ว เกือบชนโต๊ะน้ำชาล้ม แววตาเพ่งจ้องมองหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดจริงหรือ?”
“ข้าไม่รับปาก แต่ลองดูได้”หยวนชิงหลิงมองดูเขา ภายในใจค่อนข้างคับข้องใจ เพราะเคยเห็นท่าทีเป็นมิตรของเขา แล้วเห็นเขามีท่าทีเคลือบแคลงใจเช่นนี้ ต่างกันอย่างมาก
อ๋องชินเป่าจ้องมองดูนาง แววตากลับแฝงไปด้วยเลือด แดงยิ่งกว่าเดิม พร้อมพูดขึ้นว่า “หากเจ้าช่วยนางไม่ได้ ข้าจะเอาชีวิตเจ้าตายไปเป็นเพื่อน”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ก็รู้ว่าเวลานี้ ความคิดของเขาไม่สามารถที่จะใช้สามัญสำนึก ในใจของนางหนักอึ้ง เห็นทีวิธีที่หมันเอ๋อพูดนี้ ไม่ค่อยใช้ได้ผล
“ยังไงก็ต้องลอง ท่านอ๋องเห็นว่าอย่างไรล่ะ?” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
อ๋องชินเป่ามองดูนางรับกล่องยามาจากมืออะซี่ ค่อยๆเริ่มสงบลง พร้อมถามขึ้นว่า “ทำไมจะต้องเอาเลือดของข้า? เอาเลือดของข้าไปทำประโยชน์อะไร?”
หยวนชิงหลิงเตรียมบทพูดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “พิษนี้เผด็จการอย่างมาก ตอนที่พระชายากลับไปถึงจวน ก็ได้อ้วกออกมาเป็นเลือดติดต่อกันสามครั้งแล้ว จะปราบปรามพิษค่อนข้างเป็นไปไม่ได้ แต่สามารถกระตุ้นบีบบังคับให้พิษนี้ ถูกขับออกมาส่วนหนึ่ง เช่นนี้พิษที่ตกค้างในร่างกาย ก็ไม่เพียงพอที่จะทำร้ายปอดและหัวใจ ทำไมถึงต้องเอาเลือดของท่านอ๋อง เพราะตอนนี้ในใจท่านอ๋องเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เลือดแห่งความโกรธถือเป็นจิตของคน ใช้โลหิตแห่งความเกลียดแค้นเป็นตัวนำยา สามารถช่วยในการขับพิษ จากนั้นก็รับการถ่ายเลือดของบุคคลอื่น เช่นนี้พิษในร่างกายของนางก็จะเจือจางลง พิษที่เหลือจึงไม่ทำให้ถึงตาย ถึงตอนนั้น ค่อยใช้ยาทิพย์ปราบปรามพิษในร่างกายของนาง ไม่ให้เลือดพิษไหลเวียน สามารถบรรลุผลในการยับยั้งและชะลอการกำเริบ”