บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 815 เจ้าอย่าร้องไห้
หยู่เหวินเห้าเชื่อในสัญชาตญาณของผู้หญิง นิ่งไปชั่วครู่ พูดว่า “ยังไม่ต้องรีบไปหาแม่นางเหยา รอให้ข่าวนี้ถูกเปิดเผยออกมาแล้วค่อยจัดการเรื่องนี้ก็ไม่สาย ”
หยวนชิงหลิงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง “ทำไม ถ้าหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ผลจากการป้องกันข่าวลือก็ไม่สู้ให้หยู่เหวินจุนยอมรับซะตั้งแต่ตอนนี้ ”
หยู่เหวินเห้าพูดเสียงขึ้นจมูก “ไม่ ไม่ ชื่อเสียงไม่สำคัญ ข้าอยากจะรอดู ข่าวนั้นถูกแพร่งพรายออกมาจากที่ไหน เสียเปรียบโดยไม่อาจตอบโต้ได้ถึงเช่นนี้ ก็ต้องทำให้พวกเขาเปิดเผยตัวออกมาสักนิด”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี ข้าจะเช็ดหน้าอาบน้ำแล้ว”
นางลุกขึ้นไปนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แกะเอาเครื่องประดับอัญมณีทั้งหลายบนศีรษะลงมา ถามขึ้นอย่างไม่ค่อยไยดีว่า “ท่านว่า จิตใจของฉู่หมิงหยางตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
“ถุย อย่าพูดถึงนาง ข้าจะเก็บอารมณ์ฉุนเฉียวไว้ไม่อยู่ ”ชั่วครู่เดียวไฟโทสะของหยู่เหวินเห้าก็ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
“พรุ่งนี้ข้าจะไปหานางเพื่อลองถามดู คนคนนั้นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนางถึงขั้นนั้นแล้ว คิดว่าคงจะได้อะไรที่เป็นประโยชน์จากปากของนางบ้าง ที่สำคัญที่สุดคือต้องให้นางรับรู้ว่า คนที่อยู่กับนางคนนั้นไม่ใช่ท่าน ”นี่เป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุด
“อย่าไป จะได้ยินแต่เรื่องที่ระคายหู”
“ไม่เป็นไร ข้ารับได้ พูดอย่างจริงจังแล้ว เรื่องนี้นางก็นับว่าเป็นผู้เสียหาย นางจะน่าเกลียดชังแต่ไหน ก็เป็นการถูกหลอกใช้ ที่น่าเกลียดชังที่สุดคือผู้ชายเหล่านั้น หลอกใช้ความรู้สึกและร่างกายของผู้หญิงเพื่อเป้าหมายของตัวเอง เลวทรามต่ำช้าที่สุด”
ประกาศโทษผู้ชายต่ำช้า หยู่เหวินเห้าก็ได้แต่คล้อยตาม “ถูกต้อง ถูกต้อง ชายต่ำช้า”
ฉู่หมิงหยางถูกโสวฝู่กักขังเอาไว้ที่ลานเซี่ยจื้อภายในจวน มีข้ารับใช้หญิงชราคอยดูแล ไม่ให้นางก้าวออกจากประตูลานเซี่ยจื้อแม้แต่ก้าวเดียว
สมาชิกในจวนที่เป็นผู้หญิงก็ห้ามเข้าใกล้นาง เกรงว่าจะมีข่าวคราวอะไรเผยแพร่ออกไป
ฉู่หมิงหยางร้องไห้อยู่นาน นางคิดไม่ถึงว่าหยู่เหวินเห้าจะทรยศนางเช่นนี้ คำพูดหวานซึ้งทั้งหลายยังคงวนเวียนอยู่ในหู แต่เขากลับชักสีหน้าไม่ยอมรับ
ตั้งแต่ถูกนำตัวกลับมาขังที่ลานเซี่ยจื้อตั้งแต่เมื่อวาน น้ำตาของนางก็ยังไม่หยุดไหล นางโมโหเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกใจสลายยิ่งกว่าความโกรธก็คือความเสียใจ
เมื่อก่อนนางเคยเยาะเย้ยฉู่หมิงชุ่ย ต้องลำบากเพราะความรัก จึงเป็นเหตุทำให้แผนการล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า คิดไม่ถึงว่าฉู่หมิงชุ่ยเพิ่งจะตายไปได้ไม่นาน นางก็เดินตามรอยของฉู่หมิงชุ่ยเสียแล้ว
หยู่เหวินเห้านะหยู่เหวินเห้า ทำไมท่านถึงแสร้งทำตัวได้ไร้เดียงสายิ่งนัก
หยวนชิงหลิงพาแม่นมสี่กับหมันเอ๋อมาที่จวนฉู่ตั้งแต่เช้า เดิมทีโสวฝู่ฉู่ได้กำชับอย่างหนักแน่นว่าต้องรักษาความลับ แต่ภายหลังมาคิดดูแล้วก็รู้สึกไม่ง่าย จะรักษาเป็นความลับนั้นเป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้มีเจตนาให้นางได้พบหน้าฉู่หมิงหยาง เพราะว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นเขาที่เป็นปู่ไม่เหมาะที่จะถาม
คนที่มีความต้องการเอาชีวิตรอดสูงอย่างเขา พยายามแก้ตัวต่อหน้าแม่นมสี่อย่างสุดความสามารถ พยายามปกป้องความบริสุทธิ์ของหยู่เหวินเห้าอย่างเต็มที่
หยวนชิงหลิงพาหมันเอ๋อไปที่ลานเซี่ยจื้อ หลังจากที่ทั้งสองคนเข้าไป โสวฝู่ฉู่ก็ไล่ให้คนดูแลถอยออกไป หมันเอ๋อคนเดียวสามารถรับประกันความปลอดภัยของหยวนชิงหลิงได้
ในขณะที่ฉู่หมิงหยางอยู่ในความโมโหเสียใจและสิ้นหวังก็มองเห็นการมาถึงของหยวนชิงหลิง ชิงชังจนใบหน้าบิดเบี้ยว ราวกับจะพุ่งเข้ามาฉีกทึ้งหยวนชิงหลิงก็ไม่ปาน
“เจ้าชนะแล้ว จะมาหัวเราะเยาะข้าใช่หรือไม่ ”นางตะคอกเสียงดุดันไปทางหยวนชิงหลิง
หมันเอ๋อขวางหน้านางเอาไว้ มองนางอย่างระแวง
ฉู่หมิงหยางชี้ไปที่หมันเอ๋อ ท่าทีราวกับคลุ้มคลั่งไปแล้ว “เจ้า ……เจ้าเป็นบ่าวรับใช้ของข้า ฆ่านางเพื่อข้า ฆ่านางเสีย”
หมันเอ๋อยังคงรู้สึกกลัวนางอยู่บ้าง การกดขี่ในใจที่มีมาอย่างยาวนานทำให้นางเวลาเผชิญหน้ากับฉู่หมิงหยางขณะที่โมโหยังคงรู้สึกเข่าอ่อนเหมือนเดิม แต่ว่า นางยังคงทำจิตใจให้มั่นคงขวางฉู่หมิงหยางเอาไว้ เกรงว่าพระชายารัชทายาทจะถูกนางทำร้าย
หยวนชิงหลิงมองฉู่หมิงหยางที่มีสภาพน่าอนาถใจยิ่งนัก นึกถึงท่าทียโสโอหังของนางในวันวาน ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เห็นทีสิ่งที่ทำร้ายผู้หญิงได้มากที่สุดก็คือความรู้สึก
ฉู่หมิงหยางเห็นหมันเอ๋อไม่เคลื่อนไหว ก็เงื้อมือขึ้นมาฟาดฝ่ามือลงไปที่หน้าของนาง “เจ้านางคนต่ำช้า”
หมันเอ๋อไม่กล้าหลบและไม่กล้าตอบโต้ มองดูฝ่ามือที่กำลังจะจรดลงมาบนหน้าของนาง ทันใดนั้นหยวนชิงหลิงก็ยื่นมือออกมาจากด้านหลังของหมันเอ๋อจับข้อมือของนางเอาไว้ พูดเสียงขรึมว่า “หยุด”
ฉู่หมิงหยางนั้นรู้วิชาหมัดเท้าปักบุพผาอยู่บ้าง ตอนนี้อยู่ในอารมณ์ที่กราดเกรี้ยวมาก ฝ่ามือที่ฟาดลงไปนั้นย่อมใช้แรงมหาศาล แต่ดีที่หยวนชิงหลิงเองก็ฝึกฝนมาเป็นเวลาไม่น้อยไม่ได้เสียเวลาอย่างเปล่าประโยชน์ ประสบความสำเร็จอยู่บ้าง
จับข้อมือของนางเอาไว้ดันไปด้านหลัง “เอาแต่ระบายความโกรธกับคนที่ไม่มีความผิด”
ฉู่หมิงหยางจ้องนางเขม็ง ดวงตาที่งดงามโกรธจนมีเปลวเพลิงผุดขึ้นมา เอ่ยด้วยเสียงกัดฟันว่า “หยวนชิงหลิง เจ้าคิดว่าเจ้าชนะแล้วจริงหรือ เขาก็แค่ถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องปฏิเสธในตัวข้าเท่านั้น ”
ใบหน้าที่ดุร้ายของนางเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นยะเยือก “ตอนที่เขาอยู่กับข้า หลงใหลในร่างกายของข้ามากแค่ไหน เจ้าคงไม่มีทางรู้ได้ เขาพูดกับข้าเองว่า เขาไม่หย่ากับเจ้าเพราะไท่ซ่างหวงชื่นชอบเจ้า เจ้ามันคนต่ำช้า เจ้าไม่มีฝีมืออะไรเลย ก็แค่รู้วิชาแพทย์บางส่วนไว้เอาใจไท่ซ่างหวง ไม่เช่นนั้นเจ้าคงถูกเขาหย่าให้ลงจากตำแหน่งไปตั้งนาน”
ดวงตาของหยวนชิงหลิงมีคลื่นของความไม่พอใจ “คำพูดเช่นนี้เจ้าก็เชื่อหรือ น่าสงสารจริงๆ ข้าสามารถพูดอย่างมั่นใจได้คำหนึ่งว่า คนที่อยู่กับเจ้าไม่ใช่เขาแน่ๆ ”
ฉู่หมิงหยางเงยหน้าขึ้นหัวเราะฮ่าฮ่า “ดี ดี เจ้าจะหลอกตัวเองก็ไม่เป็นไร แต่เจ้าทำตัวให้ดูเป็นคนโง่ อย่าคิดว่าคนในใต้หล้านี้ต่างก็เหมือนเจ้า ลูกในท้องของข้า เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอย่างแน่นอน รอให้ลูกคลอดออกมา ผ่านเรื่องราวเลวร้ายนี้ไปแล้ว เขาย่อมต้องแต่งงานรับข้าเข้าบ้านแน่ ถึงเวลาหากไท่ซ่างหวงสวรรคต เจ้าก็รอการหย่าและโยนทิ้งออกไปนอกประตู ดูสิว่าถึงตอนนั้นใครจะต้องสงสารใครกันแน่”
“คำพูดนี้เจ้าเองก็คงไม่เชื่อกระมัง ฉู่หมิงหยางที่ข้ารู้จัก ฉลาดและเด็ดขาด โดดเด่นกว่าพี่สาวเจ้าฉู่หมิงชุ่ยมากนัก ทำไมแม้แต่คำพูดที่หลอกลวงที่เส็งเคร็งเหล่านี้ยังเอามาแสดงท่าทีข่มขู่ต่อข้าได้ ดี เจ้าว่าคนคนนั้นคือรัชทายาท เช่นนั้นเจ้าก็ลองพูดถึงลักษณะพิเศษบนร่างกายของเขาให้ข้าฟังซิ เจ้ากับเขามีความสัมพันธ์ทางร่างกาย คงไม่มีทางไม่รู้แม้กระทั่งลักษณะพิเศษบนร่างกายของเขากระมัง”
หน้าตาของคนคนนี้ไม่จำเป็นต้องถามถึง สามารถทำให้ฉู่หมิงหยางคิดว่าเป็นเจ้าห้าได้ ย่อมต้องมีหน้าตาคล้ายกับเจ้าห้ามากแน่ๆ มีเพียงทางเดียวที่จะรู้ก็คือลักษณะพิเศษบนร่างกาย
ฉู่หมิงหยางเชิดคางขึ้น พูดอย่างเย็นชาว่า “พวกเราอยู่ด้วยกัน ต่างก็เมามาย ในใจยินดี ไหนเลยจะสนใจสิ่งเหล่านี้ อีกอย่างทำไมเจ้าต้องถามเรื่องพวกนี้ด้วย ไม่เท่ากับเพิ่มความอัดอั้นให้ตัวเองหรืออย่างไร แม้ว่าข้าคิดอยากจะเห็นสีหน้าเสียใจของเจ้า แต่ก็ไม่เล่าความทรงจำระหว่างพวกเราให้เจ้ารู้ เจ้าไม่คู่ควรที่จะรู้”
หยวนชิงหลิงนั่งลง หมันเอ๋อก็เดินไปยืนประกบอยู่ข้างนางทันที เกรงว่าฉู่หมิงหยางจะพุ่งเข้ามาหาอีก
“ไม่ยินดีจะบอกหรือว่าเรื่องทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งสมมติที่เจ้าสร้างขึ้นเอง เมื่อวานเจ้าห้ากลับไปข้าก็ได้ถามเขาแล้ว เขาพูดอย่างมั่นใจว่าไม่เคยอยู่กับเจ้าตามลำพังมาก่อน ยังบอกว่าเรื่องทั้งหมดนี้เจ้าเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง”
“เจ้าอย่าคิดมาใช้วิธีการกระตุ้นข้า ถ้าหากข้าเป็นคนสร้างเรื่องขึ้นมาเอง ลูกในท้องของข้ามาจากที่ไหน เขาก็แค่โกหกเจ้า เพราะเห็นแก่ไท่ซ่างหวง ไม่อยากจะขัดใจเจ้าในตอนนี้เท่านั้น หญิงที่น่าเศร้าใจที่สุดเอ๋ย”ฉู่หมิงหยางได้ยินนางถ่ายทอดคำพูดของรัชทายาท หัวใจรู้สึกเจ็บปวดมาก แต่คนหยิ่งยโสอย่างนาง ต่อหน้าหยวนชิงหลิงไม่ยินดีจะเผยสีหน้าเจ็บปวดแม้แต่น้อยออกมาให้เห็น
หยวนชิงหลิงยักไหล่ “ใครจะไปรู้เล่า เจ้าใช้สถานะการเป็นพระชายารองจี้อาศัยอยู่ที่บ้านมารดามาเป็นเวลานาน แม้ว่าภายหลังจะกลับไปที่จวนอ๋อง แต่ก็ไม่ได้รับความรักเท่าที่ควร เจ้าจะออกไปหาความสำราญกับชายอื่น จินตนาการว่าคนผู้นั้นเป็นเจ้าห้าเพื่อมากลบเกลื่อนบาดแผลในจิตวิญญาณของเจ้า คิดแล้วก็ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด เพราะว่าก่อนหน้านี้เจ้าเองก็เคยชื่นชอบเจ้าห้า ต้องการใช้วิธีการเช่นนี้เพื่อปลอบประโลมจิตใจของตัวเอง ช่างน่าสงสารจริงๆ”
ดวงตาของฉู่หมิงหยางเป็นประกายเยือกเย็น พูดเสียงเย็นว่า “แม้ว่าเจ้ายังจะใช้แผนกระตุ้นข้า แต่ในเมื่อเจ้าไม่กลัวความเสียใจ ข้าก็จะบอกให้เจ้ารับรู้ เขานั้นไล่ตามข้าอย่างรู้สึกเสียดายถึงเพียงใด กระทั่งถึงกับดันทุรังตายก็ไม่ยอมแพ้ เพียงแต่ ฟังจบแล้วเจ้าอย่าร้องไห้ก็แล้วกัน”