บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 819 ให้รัชทายาทลงโทษอ๋องชินเป่า
แม่นางเหยาหลุบสายตาลง ขนตางอนยาวได้ถ่ายทอดเงาสีเทาสายหนึ่งไว้ใต้ตา น้ำเสียงเปล่าเปลี่ยวเงียบเหงา “เขาเข้าตาจนไร้หนทางไปแล้ว ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน แม้แต่ใจที่คิดอยากจะฆ่าคนก็คงจะเกิดขึ้นแล้ว เรื่องของชายารองหลิ่วในตอนนั้น ภายหลังเขารู้เรื่องแล้ว ขุดศพของนางขึ้นมาใช้แส้ฟาด แยกศพของนางเป็นชิ้นๆเพื่อระบายความแค้นที่อยู่ในใจ ”
หยวนชิงหลิงมองนาง “เจ้ายังรู้สึกเสียดายแทนเขาอยู่หรือ ข้าคิดว่าเจ้าไม่มีความรู้สึกกับเขาตั้งนานแล้ว”
มุมปากของแม่นางเหยาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดุซีดเซียว “ไม่มีความรู้สึกแล้ว และไม่ได้รู้สึกสงสารเขาสักนิด เพียงแค่รู้สึกว่าเรื่องราวบนโลกทำไมจึงได้เสียดสีทิ่มแทงยิ่งนัก”
หยวนชิงหลิงตบที่หลังมือของนาง “ไม่จำเป็นต้องทอดถอนใจ ทุกคนต่างมีโชคชะตาของตนเอง ตอนนี้เขาแสดงตัวออกมายอมรับว่าเด็กคนนี้เป็นของเขา โสวฝู่ฉู่ก็คงจะชดเชยให้เขาอย่างเหมาะสมอยู่บ้าง นับว่าต่างคนต่างได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ”
“ใช่แล้ว เพียงแต่ฉู่หมิงหยางคงต้องถูกผูกมัดไว้กับเขาอีกแล้ว ”ขณะนี้เองนางก็หัวเราะออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “สงสารคนคู่นี้จริงๆ วิ่งวนไปมา ในที่สุดก็หนีไม่พ้น คงเป็นเพราะพวกเขามีวาสนาต่อกันจริงๆ ”
ช่วงพลบค่ำหยู่เหวินจุนปรากฏตัวขึ้นที่จวนโสวฝู่ บอกว่าได้ข่าวฉู่หมิงหยางตั้งครรภ์ ต้องการมารับตัวฉู่หมิงหยางกลับไปพักบำรุงครรภ์
แน่นอนว่าตอนนี้โสวฝู่ฉู่คงไม่ยอมให้ฉู่หมิงหยางไปกับเขา แต่ก็ไม่สามารถให้ทั้งสองคนพักอาศัยอยู่ในจวนได้ ฉะนั้น จึงได้จัดหาบ้านอีกหลังหนึ่งเอาไว้ให้ทั้งสองได้พักชั่วคราว และได้สั่งให้คนที่ไว้ใจได้ในจวนคอยจับตาดูเอาไว้ บริเวณใกล้เคียงกับบ้านหลังนั้นก็ไม่ให้คนนอกเข้าใกล้
ก่อนที่พวกเขาสองคนจะย้ายเข้าไป เขาได้เรียกตัวหยู่เหวินจุนเข้าไปพบที่ห้องหนังสือ
โสวฝู่ฉู่เป็นผู้ชาย ความแค้นที่ถูกทรยศหักหลังนั้นเขาเข้าใจดี เกรงว่าตอนนี้ในใจของหยู่เหวินจุนคงจะมีความคิดที่อยากจะฆ่าฉู่หมิงหยางแล้ว
โสวฝู่ไม่พูดเรื่องอื่น ได้แต่ให้เขาดูฎีกาฉบับหนึ่ง
หลังจากหยู่เหวินจุนอ่านเสร็จแล้ว รู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง คุกเข่าลงกับพื้น ร้องสะอื้นอยู่ในใจ
โสวฝู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ปรมาจารย์มองไปทางเขา สายตามีแววแห่งความไม่พอใจ“ลุกขึ้นเถอะ ข้ามีแค่เงื่อนไขเดียว อย่าทำร้ายนางแม้แต่นิดเดียว เด็กคนนี้ไม่ว่าจะได้กำเนิดมาอย่างราบรื่น หรือต้องตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ข้าจะไม่ให้นางต้องได้รับความลำบากมากเกินไป ชั่งน้ำหนักเอาเองแล้วกัน ”
หยู่เหวินจุนโขกศีรษะคำนับ เอ่ยเสียงสะอื้นว่า “บุญคุณของท่านปู่ หยู่เหวินจุนจะไม่ลืมไปชั่วชีวิต ภายหน้าจะกลับตัวกลับใจเสียใหม่ ทำตัวเป็นคนใหม่ ไม่ให้ท่านต้องผิดหวัง ”
สีหน้าของโสวฝู่ฉู่เคร่งขรึมจริงจัง ไม่ได้พูดอะไร และไล่เขาออกไป
วันรุ่งขึ้น เขาถวายฎีกา ยกความดีความชอบที่เคยชนะการสู้รบเพื่อราชสำนักและประเทศชาติที่ผ่านมาของหยู่เหวินจุน แม้เขาจะไม่กตัญญู แต่จะลบคุณงามความดีที่เคยสร้างไว้ออกไปไม่ได้ บวกกับโทษทัณฑ์ก่อนหน้านี้ได้ทำให้ภรรยาและลูกต้องลำบากไปด้วย ช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ จึงได้ดำเนินการร้องขอพระบัญชาให้เขา โปรดประทานความเมตตาด้วย
ฎีกาฉบับนี้ของท่านราชครู ได้รับความเห็นชอบจากขุนนางใหญ่ไม่น้อย ผลกระทบจากโสวฝู่นั้นน่าตกใจมาก แม้ว่าทุกคนจะรู้สึกผิดหวังอย่างที่สุดกับการกระทำของหยู่เหวินจุน แต่โสวฝู่ต้องการจะช่วยเขา ทุกคนย่อมต้องสนอง
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่พูดอะไร หลังจากผ่านการไตร่ตรองแล้วก็มีราชโองการฉบับหนึ่ง คืนสถานะในราชวงศ์ให้กับหยู่เหวินจุน เป็นองค์ชายคนโต ไม่ได้รับการแต่งตั้ง ไม่ได้รับการจัดสรรที่ดิน กระทั่งเงินประจำปีก็คงจะไม่ได้รับ
สองพี่น้องเมิ่งซิงกับเมิ่งเยว่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเสี้ยนจู่ แม่นางเหยาถูกแต่งตั้งเป็นผู้มีคุณงามความดี โดยใช้คำว่าเหยาของนางเป็นคำนำหน้าในการแต่งตั้ง เป็นฮูหยินเหยา นางกับเสี้ยนจู่ทั้งสองคนได้รับการจัดสรรที่ดิน และประทานที่อยู่อาศัย
ทุกคนต่างรู้ดี ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ได้ให้อภัยหยู่เหวินจุน แค่เพียงเห็นแก่หลานสาวทั้งสองคนเท่านั้น ที่สุดก็เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ทนไม่ได้หากต้องให้เลือดเนื้อเชื้อไขต้องตกระกำลำบาก
ตอนที่มีราชโองการมาถึง หยู่เหวินจุนคุกเข่าลงรับราชโองการ ร้องไห้อย่างหนัก ตอนที่ขุนนางผู้ประกาศราชโองการกลับไปรายงานฮ่องเต้หมิงหยวน ฮ่องเต้หมิงหยวนได้แต่พูดด้วยเสียงเย็นชาประโยคหนึ่งว่า “น้ำตานั้นเกรงว่าจะมีความจริงใจอยู่แค่ไม่กี่ส่วนเท่านั้น ”
คืนนั้นฮ่องเต้หมิงหยวนไปที่ตำหนักของฮู่เฟย ฮู่เฟยมองจอนผมของเขาที่ถูกย้อมเป็นสีขาว ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเขาดูโรยราไปมาก
“ลูกหลับไปแล้ว ฮ่องเต้ต้องการจะพบหรือไม่”ฮู่เฟยรู้ว่าเขาชอบดูใบหน้าอ้วนกลมยิ้มแย้มขององค์ชายสิบ อยากจะอุ้มลูกออกมาทำให้เขาเบิกบานใจ
ฮ่องเต้หมิงหยวนพิงอยู่กับฟูกบนเตียงหลอฮั่น กวักมือเรียกให้ฮู่เฟยเข้ามานั่งข้างกาย “วันนี้ ข้ามีราชโองการฉบับหนึ่ง คืนสถานะในราชวงศ์ให้กับหยู่เหวินจุน”
ฮู่เฟยพิงอยู่ในอ้อมอกของเขาอย่างเงียบๆ “คนเป็นลูกทำผิด คนเป็นพ่อย่อมให้อภัยได้ นี่เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์”
“ข้าไม่อยากจะมีราชโองการฉบับนี้เลยสักนิด ”น้ำเสียงของฮ่องเต้หมิงหยวนเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า “เขาเป็นโอรสองค์โต เป็นลูกชายคนแรกของข้า รักมาก ย่อมตั้งความหวังไว้สูงมาก และเจ็บปวดมากเช่นกัน ปลดเขาออกจากตำแหน่ง ดูเขาตกอับชีวิตกลับตาลปัตร ข้าเองก็ไม่ได้รู้สึกดีใจ ช่างเถอะ สายเลือดของการเป็นพ่อลูกไม่ว่าอย่างไรก็คงตัดไม่ขาด ถ้าหากให้กำเนิดสิ่งที่ไร้ประโยชน์แล้วก็โยนทิ้งตัดความสัมพันธ์ ก็แค่เป็นการหลอกตัวเองเท่านั้น ”
“ใช่แล้ว เป็นไปได้ว่าทรงมีราชโองการตัดขาดความสัมพันธ์ แต่จะตัดความเป็นพ่อลูกได้จริงหรือ ความสัมพันธ์เช่นนี้ไม่สามารถเปลี่ยนผันได้ ”ฮู่เฟยกล่าว
“ผ่านเรื่องราวครั้งนี้ ข้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว ตอนนี้เจ้าห้าก็สามารถยืนได้ด้วยตนเอง สามารถปล่อยอำนาจให้เขาได้แล้ว แม้ว่าตอนนี้เป่ยถังจะยังไม่นับว่ามีทั้งศึกนอกและศึกใน แต่ก็มีอันตรายกรูเข้ามาจากทั่วทุกทิศ ข้าแก่แล้ว จิตใจและกำลังไม่สู้ดีเหมือนวันวาน สมควรให้รัชทายาทช่วยข้าแบ่งเบาภาระบ้างแล้ว ”
ฮู่เฟยเงยหน้าขึ้นมองเขา ยื่นมือไปลูบจับที่รอยย่นบนหน้าผาก แววตาเต็มไปด้วยความรัก “ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว ช่วงที่ผ่านมานี้ ฝ่าบาทไม่เคยได้หยุดพักเลย ถ้าหากรัชทายาทสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของท่านได้ ท่านก็สามารถพักผ่อนดีๆสักพัก”
“ก็ควรปล่อยให้เขาได้จัดการเรื่องในราชสำนักสักหน่อยแล้ว”ฮ่องเต้หมิงหยวนตัดสินใจแล้ว
ผ่านไปสองวัน ฮ่องเต้หมิงหยวนเรียกตัวหยู่เหวินเห้าเข้าวัง ให้เขาลงโทษอ๋องชินเป่า
คำพูดของฮ่องเต้หมิงหยวนชัดเจนมาก จะฆ่า หรือจะไว้ชีวิต ให้เขาตัดสินใจเอง
หยู่เหวินเห้าตกอยู่ในสภาพอึดอัดใจมาก แม้ว่าเรื่องลูกในท้องของฉู่หมิงหยางจะได้รับการคลี่คลายแล้ว แต่ว่าแผนที่ทางการทหารที่สูญหายไปอยู่ที่ไหนก็ยังสืบค้นไม่เจอ คนร้ายที่ทำร้ายลู่หยวนก็ยังหาไม่พบ
เวลานี้ยังให้เขาเป็นคนตัดสินใจในลงโทษอ๋องชินเป่า เขาไม่รู้จริงๆว่าควรจะมีคำสั่งเช่นไร
เขาเชิญโสวฝู่กับกู้ซือมาปรึกษาหารือกันที่จวน
ชายาเฟิงอันเคยสร้างคุณงามความดีให้กับเป่ยถังไม่น้อย สามารถพูดได้ว่าที่ฮ่องเต้ฮุยจงขึ้นครองราชย์ได้ในตอนนั้น โดยมีความดีความชอบที่ชายาเฟิงอันสร้างไว้จะมองข้ามไม่ได้
จุดนี้ทั้งไท่ซ่างหวงและฮ่องเต้หมิงหยวนต่างก็รู้ดี โสวฝู่คิดว่า ด้วยสาเหตุเช่นนี้ ฉะนั้นฮ่องเต้หมิงหยวนจึงไม่ได้มีราชโองการ
โสวฝู่วิเคราะห์ว่า “ความหมายของฮ่องเต้นั้นคงไม่ให้ไว้ชีวิตอ๋องชินเป่า ขุดสุสานบรรพบุรุษ นี่มันเป็นความผิดที่ใหญ่หลวงแค่ไหน แต่เขาไม่สามารถรับสั่งราชโองการได้ เขาไม่ยินดีจะขัดใจกับชายาเฟิงอัน”
กู้ซือมองหยู่เหวินเห้า “หรืออีกอย่าง คือฮ่องเต้หวังให้ท่านออกหน้า ส่วนจะเป็นการล่วงเกินชายาเฟิงอันหรือไม่ เรื่องนี้ก็พูดยาก ตอนนี้ชายาเฟิงอันก็ย้ายไปอยู่กับเขาแล้ว ไม่รู้ว่าเพื่อต้องการปกป้องเขาหรือไม่ ”
หยู่เหวินเห้ามองโสวฝู่ “ท่านเข้าใจในตัวพระชายามากกว่า ท่านคิดว่านางจะปกป้องอ๋องชินเป่าหรือไม่ ”
โสวฝู่พูดว่า “แต่ไหนแต่ไรนางเป็นคนแยกแยะบุญคุณความแค้น เที่ยงตรงไม่ลำเอียง ถ้าหากเป็นช่วงวัยสาว คงจะไม่ปกป้องอ๋องชินเป่าแน่ แต่ว่าตอนนี้อายุมากแล้ว หัวใจก็คงจะอ่อนโยนลงไปมาก พูดลำบาก”
เขามองหยู่เหวินเห้า “เจ้าคิดอย่างไร”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ถ้าหากไม่พูดถึงเรื่องอื่น ว่ากันตามกฎของประเทศชาติ อ๋องชินเป่านั้นต้องได้รับโทษประหารแน่”
เขานิ่งไปชั่วครู่ แล้วพูดว่า “ที่จริงเรื่องนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องอื่น ว่ากันตามกฎหมายก็พอ การขุดค้นสุสานบรรพชน ขโมยแผนที่ทางการทหาร สมควรได้รับโทษตายอยู่แล้ว ถ้าหากชายาเฟิงอันยังดึงดันจะปกป้องเขา ข้าก็คงได้แต่ล่วงเกินนางแล้ว”
โสวฝู่พยักหน้าเบาๆ “รัชทายาทคิดเช่นนี้ก็ดีมาก มีกฎหมายให้อ้างอิง คิดว่าชายาเฟิงอันเองก็คงเข้าใจไม่กล้าจะขัดขวาง”