บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 833 มีแค้นต้องชำระ
หยวนชิงหลิงค้นหาท่าทางที่สบายในอ้อมอกของเขาแล้วก็นอนลง บนใบหน้ามีรอยยิ้มอบอุ่นจางๆ เรื่องราวบนโลกนี้ช่างน่าประหลาดยิ่งนัก ตอนที่เพิ่งจะตั้งครรภ์พวกเขาสามคน ยังรู้สึกไม่ยินดีสักเท่าไหร่ ตอนนั้นนางยังไม่ได้เตรียมใจที่จะเป็นแม่คน
เมื่อก่อนนางคิดว่าการให้กำเนิดลูกเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากเรื่องหนึ่ง ต้องคิดไตร่ตรองวางแผนอย่างรอบคอบ การคลอด นมผง เสื้อผ้า การอบรมสั่งสอน ทุกอย่างล้วนสำคัญมาก
แต่ว่า เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เดิมทีก็สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมได้ ต้องบอกว่า บางทีการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ก็ใช่ว่าจะเหมาะสมที่สุด ไม่มีการเตรียมพร้อม กลับสามารถกระตุ้นความสามารถที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคนออกมาได้
ในครอบครัวใหญ่นี้ ที่จริงนางต่างหากที่เป็นคนที่มีความสุขที่สุด
ทั้งสองคนพูดถึงเรื่องในบ้าน ทันใดนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อไปเป็นเรื่องของอ๋องอัน “ทำไมเขาต้องหนีด้วย ทำเช่นนี้ยิ่งทำให้เห็นว่ามีเรื่องไม่ใช่หรือ”
“เขาไม่หนีก็มีเรื่องเหมือนกัน ข้าสามารถไปหาเขาได้ แสดงว่าข้าต้องมั่นใจแล้ว เขาจะหลบเลี่ยงคำถามข้าไม่ได้ ได้แต่หนีหัวซุกหัวซุนเท่านั้น ”
“แล้วหนีไปเช่นนี้ เขามอบหมายกับทางเสด็จพ่ออย่างไร ”หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าอ๋องอันไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องสะเพร่าเช่นนี้
หยู่เหวินเห้าหัวเราะเสียงเย็นหนึ่งเสียง “ไม่ว่าอย่างไรก็คงไม่มีอะไรมอบหมาย ทำไมเขาจะไม่หนี ช่วงนี้เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจในการเอาใจเสด็จพ่อ แต่ก่อนหน้านี้เคยทำเรื่องไม่ดีเอาไว้มาก ทุกอย่างล้วนเป็นหลักฐานชี้ว่าเขาเข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ จำเป็นต้องรื้อเบื้องหลังของเขา ต้องดึงทุกเรื่องของเขาออกมาให้หมด ตอนนี้มีข้ออ้างให้หนีออกไป กลับมาแม้จะแก้ตัวยาก แต่ว่าไม่จำเป็นต้องรับแรงโทสะของข้ากับเสด็จพ่อ เมื่อวันเวลาผ่านไปแล้ว ค่อยหาเหตุผลก็สามารถหลอกให้ผ่านพ้นไปได้แล้ว อย่างน้อยก็ไม่ต้องถูกขุดคุ้ยตรวจสอบ นี่ดูแล้วเหมือนจะเป็นแผนที่ไม่เข้าท่า แต่ตอนนี้เขาได้แต่ทำเช่นนี้เท่านั้น นี่เป็นวิธีที่เป็นหลักประกันหนึ่งเดียวของเขา”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจ “เพราะฉะนั้น ทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับสิ่งนั้นตอบแทน”
“ก่อนหน้านี้เขาได้มอบหมายเรื่องมากมายให้อะหลูเป็นคนทำ ก่อนที่อะหลูจะตาย แม้ว่าเขาจะเก็บอำนาจกลับคืนมาได้เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าคนทั้งหมดจะจงรักภักดีต่อเขา ข้าสงสัยว่าคนที่แทรกซึมเข้าไปที่จวนอ๋องชินเป่าก็เป็นคนที่อะหลูส่งไป แม้จะยังคงส่งข่าวคราวให้เขาเหมือนเดิม แต่ก็คงไม่ได้ซื่อสัตย์ขนาดนั้น ”
“ท่านสงสัยว่าเขาเองก็ยังไม่ได้แผนที่ทางการทหารหรือ?”
“คาดว่าน่าจะยังไม่ได้ ถ้าหากได้ไปแล้ว เขาคงไม่หนี ปรึกษาหารือเป็นการส่วนตัวกับข้าแล้วมอบแผนที่ทางการทหารออกมา อย่างน้อยก็สามารถรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้ แต่ตอนนี้เขาหนีไปทั้งที่รู้ว่าเสี่ยง แสดงว่าเขามีทุนที่จะมาต่อรองกับข้า ฉะนั้น ตอนนี้แม้เขาจะมีปากอยู่เต็มตัวก็พูดให้ตัวเองบริสุทธิ์ไม่ได้ มีเพียงต้องหนีเท่านั้น ”
หยวนชิงหลิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“ เห็นที พี่สี่นั้นสำเร็จได้ก็เพราะอะหลู ล้มเหลวก็เพราะอะหลูเช่นนี้ แต่ว่า ในเมื่อเขารู้ว่าอะหลูกุมทรัพยากรส่วนใหญ่ของเขาเอาไว้ในมือ แล้วยังเจ้าแผนการ เป็นบุคคลสำคัญที่จะทำให้เขาทำงานใหญ่สำเร็จ เขายังยอมกำจัดอะหลูทิ้งไปเพื่อพระชายาอัน เห็นได้ชัดว่าปฏิบัติต่อพระชายาอันดีมาก ”
“ถ้าหากไม่พูดถึงความทะเยอทะยาน เขาก็ไม่เลวเหมือนกัน ”หยู่เหวินเห้ากอดนางเอาไว้พูดอย่างใช้ความคิด
หยวนชิงหลิงพูดพึมพำว่า “ที่สุดแล้ว แผนที่ทางการทหารอยู่ที่ไหนกันแน่”
หยู่เหวินเห้าเองก็กลัดกลุ้มเป็นอย่างยิ่ง “ใช่ อยู่ในมือใครกันแน่ หรือว่าจะหายไปกลางอากาศเช่นนี้เลย”
อ๋องเว่ยพาคนออกจากเมืองหลวงไปไล่ตามอ๋องอันทั้งคืน
อีกไม่กี่วันเขาก็จะไปจากเมืองหลวงแล้ว ได้รับการร้องขอจากหยู่เหวินเห้าอย่างกะทันหันเช่นนี้ เขาอยากจะเหวี่ยงหมัดอย่างสะใจสักหน่อย สำหรับน้องสี่ เขานั้นแค้นจนกัดฟัน ถ้าไม่ได้สั่งสอนเจ้าเด็กนั่นสักครั้ง เขาคงไร้ทางระบายอารมณ์ที่มีอยู่ในใจออกไปได้
ครอบครัวแตกแยก ล้วนมีสาเหตุมาจากเขาทั้งสิ้น ฉะนั้น พอขึ้นไปบนหลังม้า มือถือป้ายคำสั่ง วิ่งตรงออกนอกเมืองทันที
เขาพารองแม่ทัพไปด้วยสองคนเท่านั้น วรยุทธต่างก็ดีพอๆกับเขา สามคนไล่ตามน้องสี่ก็เพียงพอแล้ว
ห้อตะลึงอย่างรวดเร็วตลอดทาง นอกเสียจากหยุดพักเพื่อให้อาหารม้า แม้แต่กินอาหารก็กินทั้งที่โคลงเคลงอยู่บนหลังม้า ต้องไล่ตามเจ้าเด็กนั้นให้ได้
ในที่สุด พลบค่ำขอวันถัดมา ก็ไล่ตามอ๋องอันจนทันตรงบริเวณซื่อสุ่ย
อ๋องอันรู้ดีว่าต้องมีคนไล่ตามมาแน่ ฉะนั้นจึงได้เดินทางอย่างไม่ยอมหยุดพักมาตลอดทาง ทำให้ม้าเหนื่อยจนหมดแรง ตัวเองก็เหนื่อยจนหมดแรงเช่นกัน วิ่งต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ ได้แต่เลือกที่จะหยุดพักที่ซื่อสุ่ย
ไหนเลยจะรู้ว่า ยังไม่ทันได้เข้าไปในเมืองซื่อสุ่ย ก็ได้ยินเสียงดุดันเสียงหนึ่งส่งมาจากทางด้านหลัง “หยู่เหวินอัน เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้”
หัวใจของอ๋องอันกระตุกวูบ ไม่กล้าหันหน้ากลับไป รีบกระโดดขึ้นไปบนหลังม้า คิดว่าจะวิ่งหนีเอาชีวิตรอดอย่างสุดกำลัง
แต่ม้าเหน็ดเหนื่อยมากแล้วจริงๆ หลังจากเขาขึ้นไปบนหลังม้า ม้ากลับไม่ยอมวิ่ง ได้แต่หมุนวนอยู่ที่เดิม ได้แต่พ่นลมหายใจแรงๆ วิ่งไม่ไหวแล้วจริงๆ
“ไร้ประโยชน์จริงๆ”อ๋องอันด่าหนึ่งเสียง
“ท่านอ๋องรีบหนี ข้าน้อยจะขวางไว้ให้”องครักษ์เห็นดังนั้น ก็ควบม้าขึ้นมาขวางไว้ตรงหน้าอ๋องอัน ดึงดาบออกจากฝัก
อ๋องเว่ยไล่ตามอย่างไม่ยอมหยุดตั้งนาน ที่สุดก็มองเห็นเขา ทำไมจะยอมปล่อยให้เขาหนีไปได้ง่ายๆอีก ดีดตัวขึ้นจากหลังมาทันที เตะขากลางอากาศสองครั้งก็พุ่งตรงไปยังอ๋องอัน คล้องคอของเขาเอาไว้กดลงไปกับพื้นโดยตรง
ทั้งสองคนกลิ้งไปมาบนพื้นหลายตลบ อ๋องอันยังไม่ทันได้สติ กำปั้นก็พุ่งมาตรงหน้าแล้ว “รอ……”
อ๋องเว่ยไม่รีรอ เล็งตรงจมูกแล้วก็เสยเข้าไปหนึ่งหมัด หมัดนี้ต่อยลงไปจนทำให้จมูกเบี้ยวทันที
เดิมทีวรยุทธของทั้งสองคนนั้นห่างชั้นกันไม่มาก แต่ในช่วงระยะเวลาที่อ๋องเว่ยอยู่ในค่ายทหารทางเหนือ ทุกวันนอกจากฝึกทหารแล้วก็เป็นการฝึกวรยุทธ ก้าวหน้าไปมาก บวกกับตอนนี้ที่ต้องเผชิญหน้าด้วยคืออ๋องอัน ย่อมต้องออกแรงและพลังทั้งหมดที่มี แรกเริ่มนั้นอ๋องอันแทบจะไม่มีแรงในการตอบโต้เลย ได้แต่ถูกต่อยตีอยู่ฝ่ายเดียว
ดีที่เขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา หลังจากถูกต่อยไปหลายครั้ง ยังหาโอกาสโจมตีกลับได้ ทั้งสองชกต่อยกันอย่างโหดเหี้ยม องครักษ์และรองแม่ทัพทั้งสองฝ่ายต่างก็ไร้หนทางที่จะเข้าไปช่วยได้ ได้แต่ยืนดูอยู่ข้างๆอย่างร้อนใจ หรือบางทีเห็นคนของฝ่ายตรงข้ามไม่เจริญตาก็เข้าไปสั่งสอนสักหน่อย ในที่สุด คนของทั้งสองฝ่ายก็ต่อยตีกันขึ้นมาอย่างอุตลุด
ที่สุดอ๋องเว่ยก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ วิธีการชกต่อยของเขาก็คือไม่สนใจชีวิตตนเอง ความโมโหนี้อัดอั้นอยู่ในใจมานานแล้ว ในที่สุดก็สามารถชกต่อยเขาได้อย่างมีเหตุอันสมควรแล้ว ไหนเลยจะมีความปรานีให้ แต่ละหมัดที่กระทบเนื้อ หลายหมัดพุ่งไปที่ตำแหน่งหัวใจของอ๋องอัน เจ็บปวดจนอ๋องอันนอนกลิ้งไปกับพื้น สุดท้ายได้แต่ปัดป้องอย่างทนไม่ไหว ไร้ทางตอบโต้อีก
“พอแล้ว เจ้าคนบ้า”อ๋องอันกระอักเลือดที่ไหลในปาก หน้าตาบวมเบ่งช้ำเป็นสีม่วง สันจมูกก็บวม ดวงตาก็บวม ฟันหักไปหนึ่งซี่ พ่นลมหายใจเอาฟองเลือดออกมา
จากนั้นก็มองกลับไปทางอ๋องเว่ย แม้ใบหน้าก็บวมขึ้นมาบ้าง แต่ดวงตาเต็มไปด้วยไฟโทสะ ยิ่งสู้ก็ยิ่งฮึกเหิม แทบจะมีแรงกระตุ้นอยากจะใช้เป็นเครื่องเซ่นในวันตายครบปีของเขา
“มีอะไรคุยกันดีดีไม่ได้หรือ ”อ๋องอันดิ้นรนอยู่ชั่วครู่ ไม่สามารถดิ้นหลุดจากแขนที่แข็งแรงราวกับเหล็กกล้าของเขา ได้แต่นอนลงไปกับพื้น ใช้กำลังเฮือกสุดท้ายเตะขาไปหลายที ใช้สองมือทุบลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
“คุยได้”อ๋องเว่ยกัดฟัน ทุบลงไปอีกหมัด ชกตรงไปยังขมับ อ๋องอันรู้สึกว่าในหัวมีเสียงระฆังดังขึ้นเป็นระลอก คนแทบจะมึนจนเป็นลมไปแล้ว
อ๋องอันในเวลาต่อมา หลักๆแล้วก็ตกอยู่ในสภาพที่ถูกต่อยตี ไม่มีเรี่ยวแรงจะโต้กลับเลยแม้แต่น้อย
อ๋องเว่ยก็รู้ขอบเขต ทำตามที่หยู่เหวินเห้าบอก เหลืออีกครึ่งชีวิตไว้ให้เขา รู้ว่าเขาใช้กำลังภายในอย่างแท้จริงในการป้องกัน ไม่เป็นภัยถึงแก่ชีวิต จึงได้แต่ทำให้เกิดความเจ็บปวดภายนอกเท่านั้น
การถูกซ้อมในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในชีวิตของอ๋องอันตั้งแต่เกิดมา ที่รู้สึกอเนจอนาถมากที่สุด องครักษ์ก็ถูกคนของอ๋องเว่ยมัดเอาไว้ ช่วยไม่ได้ ได้แต่มองเจ้านายของตัวเองถูกทุบตีจนเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดด้วยตาปริบๆ