บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 838 ใครจะปกป้องอ๋องอัน
ลู่หยวนมองเขาอย่างพอใจ หัวเราะขึ้นมา “ท่านอ๋อง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมตอนนี้ยังคงเฝ้ารอโดยไม่คิดจะพยายามเล่า หญิงสาวล้วนมีคนมากมายหมายปองอยู่ พลาดโอกาสนี้ไปก็ไม่มีอีกแล้ว อย่ารอให้ต้องสูญเสียอีกครั้งแล้วจึงรู้สึกเสียใจ”
ทันใดนั้นเขาก็เขยิบเข้าไปใกล้อ๋องฉี ยิ้มเจ้ามีเลศนัยขึ้นมา “ท่านอ๋อง บางครั้งการรับมือกับผู้หญิง อย่าเอาแต่ใส่ใจในเรื่องความอ่อนโยนและความสง่างามของตัวเอง บางที ท่านสามารถลองวิธีการอื่นดู ”
อ๋องฉีเบิกตากว้างขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าแดงเถือก เอ่ยอย่างอ้ำอึ้งเล็กน้อย “เจ้า……ความคิดของเจ้ามันเกินไปแล้ว จะให้รับมือกับผู้หญิงด้วยความรุนแรงได้อย่างไร”
ลู่หยวนนั่งตัวตรง ยิ้มจนตาหยีและพูดว่า “ท่านอ๋องคิดไปถึงไหนแล้ว ข้าน้อยแค่แนะนำให้ท่านอ๋องใช้วิธีดันทุรังเท่านั้น ที่ว่ากันว่าไม่กังวลใดๆทั้งสิ้นเรื่องอะไรก็สามารถทำได้ ขอเพียงท่านอ๋องสามารถลดสถานะของตัวเองลงมา ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้กอดสาวงาม”
“จริง……จริงหรือ ”อ๋องฉีมองเขาราวกับกำลังใช้ความคิด เมื่อครู่เขาพูดสิ่งที่มีเหตุผลมากมายก่ายกอง เห็นทีจะรู้ซึ้งในเรื่องระหว่างหญิงชายอยู่หลายส่วน เชื่อเขาสักครั้งดีหรือไม่
ก่อนที่ลู่หยวนจะไปจากเมืองหลวง ได้ไปไหว้พระขอพรที่วัด
บริเวณวัดในช่วงเวลาใกล้จะสิ้นปีได้ต้อนรับผู้มีจิตศรัทธาที่มาเยือนค่อนข้างมาก ลู่หยวนเสี่ยงเซียมซีได้ใบหนึ่ง จึงได้นำใบเซียมซีไปยังจุดทำนายเพื่อแถลงไข
คนทำนายนำใบเซียมซีไปแล้วมองดูอยู่ชั่วครู่ จึงพูดขึ้นว่า “คนในครอบครัวที่สูญหายอยู่ทางเหนือ ตรวจสอบอย่างละเอียดและเยี่ยมเยียนไม่จำเป็นต้องรีบ ช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวคงค้นหาได้ยาก เมื่อฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนได้พบเจอกันต้องได้กลับคืนบ้านเกิด ท่านชายขออะไรหรือ”
ลู่หยวนนั่งลง พูดเสียงเบาว่า “ขอเรื่องการออกเดินทาง”
คนทำนายเซียมซีพยักหน้าเบาๆ “นี่เป็นเซียมซีที่เป็นมงคลมาก ในเซียมซีนี้ทำนายว่าชนะอย่างมั่นคง ท่านชายออกเดินทางต้องราบรื่นมากแน่ๆ ขอเตือนท่านชายประโยคหนึ่ง เมื่ออยู่ข้างนอก ให้ระวังตัวในทุกเรื่อง”
ลู่หยวนยิ้มบางๆ “เช่นนั้นไม่ทราบว่าหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ท่านหมอดูจะสามารถช่วยสะเดาะเคราะห์ได้หรือไม่”
หมอดูท่านนั้นเอ่ยอย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า “เหล่าเทพยดาสำแดงเดชโดยพร้อมเพรียงกัน ท่านชายต้องมีคนคอยช่วยเหลืออย่างสุดกำลังเป็นแน่ และท่านชายเองก็เคยเจ็บป่วยอย่างหนัก ยังสามารถฟื้นฟูจนหายดีได้ เห็นได้ชัดว่ามีบุญวาสนายิ่งใหญ่ ท่านชายออกเดินทางอย่างวางใจเถอะ การเดินทางครั้งนี้มีแต่ความโชคดีเป็นอย่างยิ่ง”
ลู่หยวนหยิบเงินแท่งหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ วางเอาไว้บนโต๊ะ เอ่ยอย่างมีความหมายว่า “เช่นนั้นก็ขอให้สมพรปากท่านหมอดู วันหน้าเมื่อข้ากลับมายังบ้านเกิด ค่อยเชิญท่านดื่มเหล้าเพื่อขอบคุณ”
“ยินดีรออยู่ทุกเมื่อ”ท่านหมอดูเอาใบเซียมซีวางไว้ไว้ในขวดลายครามเล็กๆอันหนึ่ง จากนั้นก็วางหินจูซาเข้าไปหนึ่งก้อน ก้มหน้าลงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่แทบจะไม่ได้ยิน “ถ้าเป็นไปได้อย่าเปิดเผยวรยุทธ ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ว่าท่านไร้วรยุทธแล้ว ไม่มีภัยมาคุกคาม และไม่มีการป้องกันท่าน ”
ลู่หยวนลุกขึ้นมาคำนับ “ข้าจะจดจำที่ท่านหมอดูคำนับ ลาก่อน”
หมอดูเซียมซีหยิบยันต์ใบหนึ่งขึ้นมา ยื่นให้ลู่หยวน “ยันต์ปลอดภัยนี้ขอมอบให้ท่านชาย ขออวยพรให้ท่านชายเดินทางปลอดภัย”
ลู่หยวนกล่าวขอบคุณอีกครั้ง หลังจากรับยันต์ปลอดภัยมาแล้วก็แขวนเอาไว้ที่คอ หมุนตัวเดินจากไป
หลังจากลู่หยวนเดินทางจากไปได้ไม่นาน หมอดูเซียมซีก็เก็บร้านเข้าไปในวัด ตอนที่ออกมา ได้เปลี่ยนร่างเป็นคนละคน กลายเป็นผู้มีจิตศรัทธาคนหนึ่งที่ถือธูปเทียนเอาไว้
เขาจุดธูปที่ด้านนอกของวัด แล้วก็ก้าวเท้าใหญ่ๆลงจากภูเขาไป
กลับมาถึงจวนอ๋องฉู่ ก็เดินตรงเข้าไปในห้องหนังสือ หยู่เหวินเห้าเพิ่งจะกลับมา เอาข้อมูลปึกใหญ่กลับมาด้วย กัดหมั่นโถวคำหนึ่งดื่มชาคำหนึ่ง ใช้สายตาที่อดหลับอดนอนจนแดงก่ำอ่านข้อมูลเหล่านั้น พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่ามีคนเข้ามาแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นว่า “จัดการเสร็จหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้ว รายชื่อผู้ติดต่อได้มอบให้เขาแล้ว เขาท่องจำได้แล้วจะเผาทิ้งเอง”ทังหยางนั่งลง หยิบเอาหมั่นโถวขึ้นมาชิ้นหนึ่งส่งเข้าปากเคี้ยว “หิวแล้ว วันนี้ไปนั่งรออยู่ที่นั่นตั้งครึ่งค่อนวันกว่าเขาจะมา น้ำสักคำก็ไม่ได้ดื่ม ”
“อืม ช่วยไม่ได้ ระวังตัวไว้หน่อยน่ะดีแล้ว ให้รายชื่อไปแล้วก็ดี พรุ่งนี้ทำตามแผนการ เจ้าไปกระจายข่าวข้างนอก บอกว่าเขาถูกเจ้าสี่ทำร้าย แต่ว่าฮ่องเต้ทำตัวเงียบเพื่อให้เรื่องสงบไม่มีการซักไซ้ไล่เลียงเรื่องราว”
ทังหยางกลืนหมั่นโถวลงไปหนึ่งคำ “ท่านบอกว่าจะปกป้องอ๋องอันไม่ใช่หรือ”
“ปกป้องบ้าอะไรกัน”หยู่เหวินเห้าเงยหน้าขึ้นอย่างเฉยเมย สายตามีแววห่างเหิน“ถ้าหากเขายอมสารภาพผิดและขอโทษทางตระกูลลู่อย่างจริงใจ ข้ายังยินดีจะปกป้องเขา แต่นี่เขาทำเรื่องอะไร ส่งแค่จดหมายฉบับเดียว พูดคำว่าขอโทษไม่กี่คำก็แล้วกันไป หลอกใครกันแน่”
ทังหยางพยักหน้า “นั่นก็จริง แต่ว่า ถ้าหากกระจายข่าวเช่นนี้ออกไป ก็จะเป็นการล่วงเกินทางฮ่องเต้ด้วย เพราะเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฮ่องเต้ไม่ได้ลงโทษอะไรเพียงแค่กักบริเวณเท่านั้น เข้าข้างอยู่บ้างจริงๆ หลังจากข่าวกระจายออกไป ฮ่องเต้ต้องจัดการท่านแน่”
หยู่เหวินเห้าค่อยๆเงยหน้าขึ้น ในสายตามีแววกังวลสายหนึ่งเคลือบอยู่ “ทังเอ๋ย คนที่ข้าล่วงเกินมีน้อยเสียเมื่อไหร่ เพิ่มอีกคนก็ไม่มาก น้อยไปคนหนึ่งก็ไม่ได้รู้สึกน้อยลง เอาอย่างนี้เถอะ”
ทังหยางหลุดขำออกมา “เดี๋ยวนี้พระองค์พูดล้อเล่นเป็นแล้ว”
“สร้างความสุขบนความทุกข์ยาก”หยู่เหวินเห้ากลืนหมั่นโถวคำสุดท้ายเข้าไปในท้อง แล้วก็ดื่มน้ำชา “ไร้หนทางจริงๆ ล่วงเกินใครก็ดี แม้ต้องทำให้ชื่อเสียงความน่าเกรงขามของเสด็จพ่อต้องเสียหาย ก็ต้องปูทางเส้นนี้ให้ลู่หยวนอย่างดีที่สุด เขาไปเซียนเปย ชีวิตก็ถือว่าอยู่ในกำมือคนอื่น จะไม่ให้ระวังได้อย่างไร เจ้าหงเย่กับหงเล่ซิงล้วนเป็นคนสำคัญไม่ใช่คนธรรมดา ดีที่ตอนนี้ไม่มีคนรู้ว่าเขาได้ฟื้นฟูวรยุทธกลับมาแล้ว”
“ก็จริง แต่ว่าเบาะแสทางด้านจอหงวนบู๊ควรจะรายงานให้ฮ่องเต้รู้หรือไม่”
“ไม่ต้อง”หยู่เหวินเห้าปฏิเสธทันที “ข้างกายเสด็จพ่อมีหลายคนที่เปิดเผยตัวราวกับผี ข้ายังทำความเข้าใจไม่ถ่องแท้ ระวังหน่อยเป็นดีที่สุด คนที่ส่งออกไปในครั้งนี้ ข้าไม่ได้บอกให้เสด็จพ่อรู้สักคน”
“หวังว่าจะสามารถทำภารกิจได้สำเร็จอย่างราบรื่น”ทังหยางก็เป็นห่วงมาก เพราะว่าเพิ่งจะเริ่มต้นกระจายคนออกไป และยังเป็นภารกิจที่ยากยิ่งนัก แต่เรื่องนี้จะไม่ทำก็ไม่ได้ ถ้าหากไม่ทำลายแผนที่ทางการทหาร คนที่ต้องโชคร้ายก็คือประชาชนของเป่ยถัง
“ตอนนี้ต้องให้เรื่องนี้ค่อยๆสงบลงในเป่ยถัง อย่าให้คนรู้ว่าพวกเรายังคงจ้องแผนที่ทางการทหารอยู่ ทางด้านแคว้นต้าโจวคงต้องส่งราชทูตไปอีกครั้ง คงการติดต่อสื่อสารกันเอาไว้ตลอด ”
“วางใจได้ ทางนั้นได้จัดการเรียบร้อยแล้ว อ๋องซุนได้ส่งคนของวัดหงหรูไปยังแคว้นต้าโจวต่อเนื่องแล้ว ยังคงรักษาการติดต่อส่งข่าวคราวระหว่างกันไว้อยู่”ทังหยางพูด
หยู่เหวินเห้ารับคำหนึ่งเสียง ทันใดนั้นจึงคิดขึ้นได้ว่า “ใช่แล้ว พี่สามจะไปจากเมืองหลวงเมื่อไหร่”
“น่าจะเป็นวันสองวันนี้ คำสั่งอนุญาตของฮ่องเต้ที่ให้เขาอยู่ในเมืองหลวงได้ถึงกำหนดเวลาแล้ว”
“เจ้าช่วยเตือนข้าด้วย ข้าจะไปส่งเขา”หยู่เหวินเห้าพูด
ทังหยางกินหมั่นโถวหมดแล้ว ก็ตบมือ “อ๋องเว่ยทำตัวน่าเกลียดชัง แต่ตอนนี้เห็นแล้วก็น่าสงสารจริงๆ และในราชสำนักเองก็มีเสียงที่ช่วยเขาขอความเห็นใจแล้ว ไม่รู้ว่าฮ่องเต้จะย้ายเขากลับมาหรือไม่”
“ไม่ คงไม่ทำในช่วงนี้”หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า
“ฮ่องเต้ยังทรงกริ้วอยู่หรือ”ทังหยางเป็นขุนนางในจวน ไม่สามารถเข้าวังพบฮ่องเต้ได้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้ว่าฮ่องเต้มีท่าทีอย่างไรต่ออ๋องเว่ย
หยู่เหวินเห้าบอกว่า “นี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องโมโหหรือไม่โมโห ผิดหวังนั้นต้องมีอยู่แล้ว แต่คนที่เป็นพ่อทำไมจะไม่ให้โอกาสลูกชายในการแก้ตัวเล่า พี่สามไปอยู่ที่เป่ยจวิ้น รู้สึกได้ว่าราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่ เสด็จพ่อจำเป็นต้องฝึกฝนเขาอีกสักหน่อย อีกอย่าง ตอนนี้เสด็จพ่อก็รู้สึกกลัว ลูกชายที่มีความสามารถไปอยู่ไกลตัวเสียหน่อย หนึ่งคือสามารถช่วยปกป้องดินแดนของประเทศได้ สอง มีคนที่มีใจทะเยอทะยานน้อยลง การแก่งแย่งชิงดีก็น้อยลงไปด้วย”
“อ๋องเว่ย……”ทังหยางครุ่นคิด “บางทีอยู่ที่นั่นก็ดี ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขากับพระองค์ก็ค่อยๆอบอุ่นขึ้นแล้ว ถ้าหากภายหน้าเขาจงรักภักดีต่อพระองค์ อาจจะกลายเป็นคนใกล้ชิดที่สามารถทำงานให้พระองค์ได้”
หยู่เหวินเห้าเหลือบตาขึ้นมา “คิดไกลเกินไปแล้ว”