บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 841 ห้ามไม่ให้พระชายารัชทายาทรู้เรื่อง
“เอาล่ะ ล้วนลุกขึ้นมาเถอะ ให้เสด็จทวดดูหน่อย”
พวกขนมหวานสวมชุดหนามาก ลุกขึ้นมาอย่างงุ่มง่าม เดินโซเซมาเหมือนอย่างนกเพนกวิน แนบชิดข้างกายไท่ซ่างหวง
ข้าวเหนียวน้อยรู้จักเอาอกเอาใจมาก มืออ้วนน้อยๆยื่นไปสัมผัสใบหน้าขาวซีดของไท่ซ่างหวง พร้อมพูดขึ้นว่า “มืออุ่นๆ”
ไท่ซ่างหวงภาคภูมิใจอย่างมาก อดกลั้นอาการไอ จนใบหน้าแดงก่ำ หน้าอกหายใจดังหวีด มองดูแล้วก็ทรมานอย่างมาก แล้วก็ยกมือโบกเรียกฉางกงกงพาเด็กๆออกไป
พวกเด็กๆรู้ว่าเสด็จทวดไม่สบาย จึงว่าง่ายอย่างมาก ต่างก็ตามฉางกงกงไปรับเอาลูกกวาดมาทาน
ไท่ซ่างหวงไอตลอดพร้อมทั้งมองดูพวกเขาหายลับไปด้านนอกม่าน แววตายังคงนิ่งงัน ศีรษะค่อยๆวางนอนลง แววตาแลดูค่อนข้างนิ่งอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “วันเวลาเหมือนยังไม่ผ่านไปพวกเขาก็สามารถพูดได้เดินได้แล้ว”
หยู่เหวินเห้านั่งลงด้านข้างเตียง ยื่นมือช่วงตบหน้าอกให้กับไท่ซ่างหวงเบาๆ พลังลมปราณถูกถ่ายเข้าไป ช่วยให้อาการไอของไท่ซ่างหวงรุนแรงขึ้น แต่อาการไอในครั้งนี้สามารถไอเอาเสมหะออกมา ทำให้เขาสบายขึ้นอย่างมาก ฟังดูแล้วเสียงลมหายใจบนหน้าอกก็ไม่ค่อยมีเสียงหวีดแล้ว
ไท่ซ่างหวงมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมไม่พูดไม่จา? เจ้าเงียบแบบนี้น้อยครั้งมาก”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า “ทำไมถึงได้ไอรุนแรงขนาดนี้? ให้เจ้าหยวนเข้ามาดูหน่อยไหม?”
“ไม่เป็นไร” ไท่ซ่างหวงยกมือรั้งไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “อาการป่วยเล็กน้อย ไม่เป็นไรมาก ทานยาของหมอหลวงก็เห็นผลแล้ว”
“แต่อาการไอก็ยังรุนแรงขนาดนั้น”หยู่เหวินเห้ามองดูใบหน้าไท่ซ่างหวง เดิมก็ค่อนข้างผอม ตอนนี้ก็ยิ่งผอมอย่างมาก บนใบหน้าไม่มีเนื้อสักนิดแล้ว
“แค่ไอไม่ถึงขั้นเสียชีวิตสักหน่อย” ไท่ซ่างหวงรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆยันกายลุกขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “พยุงข้าไปนั่งตรงนั้นหน่อย นอนนานมากแล้ว เอวจะขาดอยู่แล้ว”
เขาเปิดผ้าห่มออก เท้าทั้งคู่ยื่นไปตรงด้านข้างเตียง มือวางไว้บนบ่าของหยู่เหวินเห้า กำลังจะค้ำเพื่อให้ยืนขึ้นมา หยู่เหวินเห้ากลับอุ้มเขาขึ้นมา
เขาอุ้มลอยขึ้นมาจนทำให้ไท่ซ่างหวงตกอกตกใจ คว้าจับแขนของหยู่เหวินเห้าไว้อย่างไม่รู้ตัว แต่แววตาที่หวาดกลัวนั้นก็หายลับไปอย่างรวดเร็ว ถูกแทนที่ด้วยอารมณ์เศร้าแต่สุขใจ
เขาแก่แล้ว และพวกหลานของเขาต่างก็โตแล้ว สามารถเผชิญหน้ากับทุกอย่างได้ และยังสามารถปกป้องคนแก่อย่างเขาคนนี้ได้แล้ว
หลายปีมานี้ แม้จะทดถอยมาอยู่บรรทัดที่สอง แต่เขาก็ใช้พลังทั้งหมดของตนเองที่มีเพื่อปกป้องคนพวกนี้ วางแผนเพื่อแผ่นดินเป่ยถังเบื้องหลังของเขา เขาหมดเรี่ยวหมดแรง ไม่ได้สงบจิตสงบใจเลยสักนิด มักรู้สึกว่าพวกเขาต่างก็ต้องการให้เขาปกป้อง
แล้วก็ดูมองดูใบหน้าหนุ่มใบนั้นอย่างแน่วแน่ มองดูความรับผิดชอบในสายตาของเขา ไท่ซ่างหวงหัวเราะขึ้นมาอย่างอบอุ่น
ความรู้สึกในใจที่เปลี่ยนไปนี้ หยู่เหวินเห้าไม่รู้เรื่อง เขาเพียงรู้สึกเสียใจที่ไท่ซ่างหวงตัวเบา ตัวเบาอย่างมาก เขาเคยเห็นเสด็จปู่ทรงพลังและแข็งแกร่ง เคยเห็นเขามีอำนาจสยบทั่วหล้าอย่างเด็ดขาดแน่วแน่ เขาในวัยหนุ่มตอนนั้น เสด็จปู่ก็คือเทพในใจเขา
แต่เทพคนนี้ ตอนนี้กลับอ่อนแอกลายเป็นเช่นนี้ แค่เดินก็เดินไม่ไหวแล้ว เมื่ออุ้มขึ้นมาก็เบาอย่างไม่มีน้ำหนัก และเขาก็ยังจำภาพในตอนเด็กได้ ภาพตอนที่เสด็จปู่อุ้มเขา
เขาคุกเข่าลง เงยดวงตาที่เปียกชื้นขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นอย่างสะอึกสะอื้นว่า “เสด็จปู่ ขอร้อง ให้เจ้าหยวนเข้าวังมาคอยดูแลท่านเถอะ”
ไท่ซ่างหวงมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ลุกขึ้นมาเถอะ ตอนนี้โรงเรียนของพระชายารัชทายาททำได้ดีมาก จะทำให้เป่ยถังมีความสามารถทางการแพทย์สืบทอดต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด ให้นางตั้งไจทำให้ดี มีหมอหลวงคอยดูแลข้าอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดขึ้นมาอีก”
“โรงเรียนจะมีความสำคัญกว่าเสด็จปู่ได้อย่างไร? เชื่อว่าเมื่อเจ้าหยวนรู้ จะต้องขอเข้าวังมาแน่”
ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นว่า “งั้นก็ไม่ต้องให้นางรู้เรื่อง”
“หลานไม่เข้าใจ” หยู่เหวินเห้ามองดูไท่ซ่างหวง พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อพูดว่าท่านเป็นกังวลกลัวว่าเจ้าหยวนจะรักษาท่านไม่หาย แล้วจะถูกติฉินนินทา แต่พวกเราก็ไม่ใส่ใจ สองปีมานี้คำติฉินนินทาพวกเราโดนมาน้อยหรือ? จะมีอะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของท่าน?”
สีหน้าไท่ซ่างหวงเคร่งขรึม พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เชื่อฟังแม้แต่คำพูดของเสด็จปู่แล้วหรือ? ข้าบอกว่าไม่ก็คือไม่”
เมื่อเขาตื่นเต้น อาการไอก็เริ่มรุนแรงขึ้น เมื่อไอขึ้นมาแล้วก็หยุดไม่ได้ ไอจนหน้าแดงม่วงคล้ำ นั่งก็นั่งไม่ได้ หยู่เหวินเห้าตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรอีก รีบลูบหลังให้กับเขา
ต่อมาหมอหลวงก็มาแล้ว ฝั่งเข็มพร้อมให้เขาทานยา หยู่เหวินเห้าถูกฉางกงกงลากออกไป เขาทำได้เพียงมองดูไท่ซ่างหวงถูกยกกลับไปยังบนเตียง ม่านถูกดึงลง ปิดบังสายตาไว้ ข้างในเกิดอะไรขึ้นบ้างเขาก็มองไม่เห็นแล้ว ยังคงได้ยินเสียงไออย่างสนั่นหวั่นไหวนั่น
หยู่เหวินเห้าอัดอั้นใจอย่างมาก ช่วงนี้เพิ่งส่งท่านแม่ไป ส่งไทเฮาไป เงาแห่งความตายยังมิอาจเลือนลางไปจากใจ เสด็จปู่กลับมาเป็นเช่นนี้
“รัชทายาท กลับไปก่อนเถอะ พาพวกเด็กๆกลับไป””ฉางกงกงสีหน้าย่ำแย่ จึงพูดโน้มน้าวให้เขากลับไป
“ฉางกงกง ทำไมเสด็จปู่ถึงไม่ยอมให้พระชายารัชทายาทมา? หรือว่ายังไม่เชื่อมั่นฝีมือทางการแพทย์ของนางหรือ?”หยู่เหวินเห้าไม่เข้าใจจริงๆ รู้สึกว่าเหมือนจะไม่ง่ายขนาดนั้น
ฉางกงกงลากแขนของเขาเดินไปยังด้านหน้าระเบียง พร้อมพูดขึ้นว่า “องค์ชายรัชทายาทไม่ต้องถามแล้ว ที่ไท่ซ่างหวงทำแบบนี้เขาย่อมมีเหตุผลของเขา ท่านเพียงเชื่อฟังคำพูดของเขาก็พอ”
หยู่เหวินเห้าคว้าจับมือฉางกงกงไว้ พร้อมพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “ฉางกงกง ท่านติดตามอยู่ข้างกายเสด็จปู่หลายสิบปีแล้ว ท่านทนเห็นเขาทรมานขนาดนี้หรือ?”
ฉางกงกงถอนหายใจ ดวงตาที่ขุ่นมัวแฝงไปด้วยความโศกเศร้า พร้อมพูดขึ้นว่า “พระองค์ ไม่ต้องถามแล้ว ตอนที่ไท่ซ่างหวงสละบัลลังก์ ร่างกายก็ย่ำแย่อย่างมากแล้ว มาได้ในหลายปีนี้ถือว่าเป็นพรจากสวรรค์แล้ว ตอนนี้ขุนนางในราชสำนักต่างก็ค่อยๆเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ฮ่องเต้ก็มีอำนาจอยู่ในมือ มีองค์ชายรัชทายาทและก็ยังมีพระราชนัดดาองค์ใหญ่ ไท่ซ่างหวงไม่มีอะไรต้องเสียใจอย่างมากแล้ว ให้เขาได้ผ่านวันเวลาช่วงนี้ไปอย่างสงบเงียบ อย่าสร้างเรื่องให้มากอีกเลย เอาแบบนี้แหละ ดีไหม?”
หยู่เหวินเห้าได้ฟังเช่นนี้แล้ว ก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ นิ้วมือกำบีบแขนของฉางกงกงไว้แน่นจนเล็บขาวซีด พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านรู้อะไรใช่ไหม? เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ต่อให้อาการป่วยของไท่ซ่างหวงหนักหนาขนาดไหน ก็เทียบไม่ได้กับอาการหัวใจวายในครั้งก่อนมั้ง? ตอนนั้นเจ้าหยวนยังสามารถช่วยไว้ได้ ตอนนี้ก็สามารถช่วยได้เหมือนกัน ต่อให้ไม่สามารถรักษาหาย อย่างน้อยก็สามารถควบคุมไว้ได้”
ฉางกงกงผลักเขาอยู่อย่างเดียว หลบตา พร้อมพูดขึ้นว่า “กลับไปเถอะ กลับไปเถอะ”
“ไม่ใช่เพราะกลัวพระชายารัชทายาทถูกตำหนิติฉินนินทาใช่ไหม? เป็นเพราะสาเหตุอื่น สาเหตุอะไร? ท่านพูดมา ท่านจะให้ข้าร้อนใจตายหรือ?”เป็นตายยังไงหยู่เหวินเห้าก็ไม่ยอมกลับไป ร้องตะโกนอยู่อย่างกังวลใจ
“ฉางกงกง….” ขันทีวิ่งออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ไท่ซ่างหวงเรียกหาท่าน”
ฉางกงกงผลักหยู่เหวินเห้าหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “องค์ชายรัชทายาทเชื่อฟังไท่ซ่างหวงก็พอ เรื่องมากมาย ไม่จำเป็นต้องอวดฉลาด”
พูดเสร็จ แล้วก็หันตัววิ่งเข้าไป
หยู่เหวินเห้าอยากที่จะวิ่งตามเข้าไป ฉางกงกงได้ปิดประตูไว้ พร้อมพูดสั่งอยู่ข้างในว่า “องครักษ์ลับผี เฝ้าประตูตำหนักไว้ ไม่มีคำสั่งของไท่ซ่างหวง ใครก็ห้ามเข้า”
องครักษ์ลับผีสามคนโดดลงมาจากในอากาศ ขวางอยู่ตรงหน้าหยู่เหวินเห้า
ในใจหยู่เหวินเห้าเยือกเย็นขึ้นมาทันที ได้ยินเสียงไอข้างในยิ่งอยู่ก็ยิ่งดังขึ้น ยิ่งอยู่ก็ยิ่งถี่ แม้แต่ฝูเป่า ก็วิ่งออกมาอย่างอดทนไม่ไหว ข่วนบานประตูตรงหน้าประตูใหญ่