บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 842 ใครเป็นคนค่อยขัดขา
หยู่เหวินเห้าพาพวกขนมหวานกลับจวน หยวนชิงหลิงยังไม่กลับมา เขาพาเด็กๆมาทิ้งไว้แล้วก็ตรงไปยังจวนเซียวเหยากง
มาถึงจวนเซียวเหยากง กลับเห็นโสวฝู่ฉู่ก็อยู่ ทั้งสองคนคุยกันอยู่ในห้องหนังสือ แต่ไม่ใช่ดื่มชาสุรา ตอนที่เห็นหยู่เหวินเห้า สีหน้าของเขาก็ฉายแววเหมือนรู้อยู่แล้ว แต่ก็เงียบไม่พูดอะไร
“ทั้งสองท่านรู้ไหมว่าอาการป่วยของเสด็จปู่อาการหนักมาก?”หยู่เหวินเห้าเห็นแววตาที่เงียบงันของทั้งสอง ในใจก็พอรู้บ้างแล้ว จึงถามขึ้นด้วยเสียงเข้ม
เซียวเหยากงพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “รัชทายาทนั่งลงก่อน”
“ทำไมเสด็จปู่ไม่ยอมให้พระชายารัชทายาทเข้าวังไปรักษา? เจ้ารู้สาเหตุ ใช่หรือไม่?”หยู่เหวินเห้าไม่ได้นั่งลง เพียงมองดูเซียวเหยากงกับโสวฝู่ฉู่ แล้วถามขึ้น
“รัชทายาทไม่ต้องกระหืดกระหอบขนาดนี้” แววตาเซียวเหยากงเหือดหาย พูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “นั่งลงพูดกันดีดีก่อน สุขภาพร่างกายของไท่ซ่างหวงไม่ดี ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ร้อนใจไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นด้วยดวงตาแดงก่ำว่า “จะไม่ให้ร้อนใจได้อย่างไร? เสด็จพ่อพูดว่า หมอหลวงให้ยาไปแล้ว ทานไปอาการก็ไม่เห็นดีขึ้น กลับไม่ยอมที่จะเรียกเจ้าหยวนเข้าวังมาดู บอกว่ากลัวต่อไปเจ้าหยวนจะถูกคนอื่นตำหนินินทา ช่างเป็นเรื่องไร้สาระมาก เดิมสุขภาพร่างกายของเขา เจ้าหยวนล้วนดูแลปรนนิบัติมาตลอด และก็เป็นเจ้าหยวนที่รู้อาการป่วยของเขาดีที่สุด เดิมไม่เห็นกลัวจะถูกคนอื่นตำหนิติฉิน ทำไมตอนนี้ถึงได้กลัวคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์?”
“องค์ชายรัชทายาทใจเย็นๆก่อน” โสวฝู่ฉู่มองดูเขา พร้อมพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “อาการป่วยในครั้งนี้ อันตรายยิ่งกว่าเดิมอย่างมาก ไท่ซ่างหวงคิดอย่างรอบคอบแล้ว ไม่ให้พระชายารัชทายาทไปรักษา ก็เพราะคิดเผื่อพวกเจ้าสองสามีภรรยา พูดอย่างไม่น่าฟังก็คือ หากหลังจากพระชายารัชทายาทรับรักษา แล้วไม่สามารถรักษาไท่ซ่างหวงให้หายได้ งั้นความผิดก็จะตกอยู่ที่พระชายารัชทายาท พูดอย่างยิ่งไม่น่าฟังก็คือ องค์ชายรัชทายาทอย่าลืม งานพระศพของจักรพรรดิทุกราชวงศ์ เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องลงโทษหมอหลวงคนหนึ่งในโทษฐานะที่รักษาไม่ได้ผล อย่างเบาก็คือถูกปลดจากตำแหน่งแล้งติดคุก อย่างหนักก็คือต้องโทษตายร่วมด้วย ถึงตอนนั้นไท่ซ่างหวงจากไปภายใต้การรักษาของพระชายารัชทายาท ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เจ้ารู้หรือไม่?”
“กฎระเบียบเป็นของตาย คนคือสิ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ เปลี่ยนแปลงไม่ได้หรือ? อีกอย่าง นี่ไม่ใช่แม้แต่กฎ เป็นประเพณีที่ไม่ดีที่สืบทอดมาจากราชวงศ์ก่อน ควรล้มเลิกได้แล้ว หากหมอหลวงทำการรักษาอย่างที่สุดแล้ว ไม่สามารถที่จะสู้กับโชคชะตาได้ งั้นก็ไม่ควรที่จะถูกลงโทษ”หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างโมโห
“ในเมื่อองค์ชายรัชทายาทรู้โชคชะตา งั้นก็ไม่จำเป็นต้องทรมานไท่ซ่างหวงแล้ว เขารู้อยู่แก่ใจเขาดี” โสวฝู่ฉู่พูดขึ้น ด้วยสีหน้าไม่แสดงอาการใดใด
หยู่เหวินเห้าได้ฟังเช่นนี้ หายใจเข้าลึกๆ มองดูใบหน้าของทั้งสองคนอีกครั้ง ต่างก็ไม่มีความรู้สึกอะไรเหมือนกัน ทั้งสองคนนี้ล้วนเป็นจิ้งจอกเฒ่า หากต้องการที่จะปิดบังความในใจเขาไม่มีทางดูออก แต่พวกเขาทั้งสองคน อยู่เคียงข้างไท่ซ่างหวงมาตั้งแต่เกิดจนตาย และมีความสัมพันธ์ในฐานะกษัตริย์กับขุนนางกันมามากกว่า 10 ปี ถึงในวัยชราก็ยังเป็นเพื่อนพึ่งพาอาศัยกัน พวกเขาจะไม่สนใจไท่ซ่างหวงหรือ?
ตีให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ
“รู้แก่ใจอะไร? รู้แก่ใจรอความตายหรือ?” เขาโกรธจนพูดก่นด่าออกมาว่า “พวกเจ้านับว่าเป็นขุนนางจงรักภักดีตรงไหน? นับว่าเป็นเพื่อนยังไง? เขาป่วยหนักขนาดนี้แล้ว ยังจะมาพูดจาดูดีมีศักดิ์ศรี ต่อให้ในใจของเขามีความตั้งเช่นนี้ พวกเจ้าก็ควรที่จะห้ามไว้”
“องค์ชายรัชทายาท เจ้าตื่นเต้นไปก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องบางเรื่อง เจ้ากับข้าต่างก็จนใจ”โสวฝู่ฉู่พูดขึ้นอย่างโศกเศร้า
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างผิดหวังว่า “คำพูดประโยคนี้พูดออกมาจากปากของโสวฝู่ ทำให้ข้ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ไม่ผิด เรื่องบางเรื่องเจ้ากับข้าต่างก็จนใจ แต่เรื่องนี้พวกเจ้าพยายามอย่างที่สุดแล้วหรือยัง? ในจวนอ๋องฉู่ของข้านอกจากพระชายารัชทายาท ยังมีฮูหยินใหญ่ นางก็เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เพียงเพื่อสิ่งที่เรียกว่าจะถูกตำหนิหรือถูกตัดสินลงโทษในอนาคต แล้วมองดูอาการป่วยของไท่ซ่างหวงทรุดหนักลงอย่างไม่สนใจหรือ? ในระหว่างนี้มีอะไรที่ข้าไม่สามารถรู้ได้กันแน่?”
เซียวเหยากงอดทนกลั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหวแล้ว ฟังประโยคนี้แล้ว เขาก็พูดขึ้นอย่างค่อนข้างตื่นเต้นว่า “องค์ชายรัชทายาทคิดว่าพวกเราอยากที่จะไม่สนใจหรือ? แต่เพื่อไม่ให้พระชายารัชทายาทถูกลงโทษ คำพูดประโยคนี้ค่อนข้างหนักเกินไปแล้ว”
“เจ้าหยวนกับข้าต่างก็ไม่สนใจ หนักเกินอะไร?”หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างโกรธจัด
เซียวเหยากงลุกขึ้นมา กำลังจะพูด โสวฝู่กลับจ้องมองดูเขาด้วยสายตาดุ โสวฝู่ที่อ้าปากกว้างค่อยๆหุบลง นั่งลงอย่างโกรธจัด พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ว่ายังไง นี่เป็นความต้องการของไท่ซ่างหวง พวกเราที่เป็นขุนนางทำได้เพียงทำตามคำสั่งของเขา หากองค์ชายรัชทายาทยังจะก่อความวุ่นวาย เกรงว่าต่อให้เข้าวังไปก็ไม่ได้เจอไท่ซ่างหวง”
หยู่เหวินเห้ามองดูโสวฝู่ ดวงตานิ่งงัน พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมเจ้าถึงไม่ให้เขาพูด? ทำไม? ใครกันที่ห้ามไม่ให้ช่วยรักษาไท่ซ่างหวง? เสด็จพ่อไม่กล้าสั่ง พวกเจ้าไม่กล้าพูด คนคนนี้คือใครกัน? อย่าบอกข้าว่าคือไท่ซ่างหวง ที่ผ่านมาสุขภาพร่างกายของไท่ซ่างหวงไม่ดี พวกเจ้าร้อนใจยิ่งกว่าใคร อย่าว่าแต่เชิญเจ้าหยวน ต่อให้ในใต้หล้ามีหมอที่ดีที่สุดพวกเจ้าก็จะต้องไปมัดกลับมารักษาไท่ซ่างหวง พูดของเขา ห้ามพวกเจ้าทั้งสองไม่ได้ ส่วนเหตุผลที่ไม่อยากทำให้เจ้าหยวนเดือดร้อน ยิ่งไม่สามารถพูดโน้มน้าวข้าได้”
โสวฝู่แสดงท่าทีจนใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “แล้วแต่องค์ชายรัชทายาทจะพูดอย่างไร ยังไงเรื่องนี้ก็เป็นเช่นนี้แล้ว เห็นท่าทีองค์ชายรัชทายาทร้อนใจขนาดนี้ ภายในวังก็คงอาละวาดไปแล้วหนึ่งรอบล่ะสิ? ถ้างั้น ต่อไปอย่าว่าแต่พระชายารัชทายาท แม้แต่องค์ชายรัชทายาท เกรงว่าก็คงจะไม่ได้เข้าใกล้พระตำหนักฉินคุน”
“หากข้าจะเข้าไป องครักษ์ลับผีก็ห้ามไว้ไม่ได้”หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างเย็นชา
“เพื่ออะไรล่ะ?” โสวฝู่ฉู่โบกมือ แววตาเริ่มค่อยโศกๆเศร้าขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “คนบางคน เมื่อถึงเวลาแล้ว ควรถอยก็ต้องถอย นี่คือโชคชะตา”
“อ๋องชินเฟิงอัน? เป็นเขาหรือ? เป็นเขาที่ห้ามพวกเจ้าหรือ?”หยู่เหวินเห้าครุ่นคิดดูแล้ว ก็สามารถคิดได้ถึงเพียงอ๋องชินเฟิงอัน เขาเป็นองค์ชายรัชทายาทในสมัยของฮ่องเต้ฮุยจง และก็เป็นเขาที่สละตำแหน่งให้กับไท่ซ่างหวง ไท่ซ่างหวงเองก็เคารพนับถือเขามาก ส่วนเสด็จพ่อ ก็เห็นไท่ซ่างหวงเป็นผู้นำมาตลอด
โสวฝู่ฉู่อึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “จะเป็นเขาได้อย่างไร? นั่นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”
“ไม่ใช่เขา แล้วยังจะเป็นใครไปได้? ชายาเฟิงอัน?” หยู่เหวินเห้าครุ่นคิดอยู่อย่างสับสน พร้อมพูดขึ้นว่า “ไท่ซ่างหวงเห็นคำพูดของชายาเฟิงอันเป็นเหมือนดั่งราชฎีกา คำพูดของนาง ไท่ซ่างหวงต้องฟังอย่างแน่นอน เป็นเพราะอ๋องชินเป่าหรือ? ข้าฆ่าอ๋องชินเป่า ดังนั้นอ๋องชินเฟิงอันจะแก้แค้นให้กับอ๋องชินเป่า? แต่คำพูดนี้ไม่สมเหตุสมผล หากต้องการแก้แค้นจริง ก็ควรที่จะมาหาข้า และก่อนหน้านี้ หากชายาเฟิงอันจะขัดขวางไม่ให้ข้าฆ่าอ๋องชินเป่า ก็มีวิธีมากมายที่สามารถทำได้ ไม่จำเป็นต้องมาแก้แค้นหลังจากเกิดเรื่องแล้ว….”
“พูดไปเรื่อย อาจารย์ไม่มีทางกระทำเรื่องเช่นนี้เด็ดขาด”เซียวเหยากงพูดขึ้นอย่างโกรธเคือง
โสวฝู่ฉู่เห็นหยู่เหวินเห้ายิ่งพูดก็ยิ่งไปไกลแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “ไม่มีเรื่องเช่นนี้เด็ดขาด อ๋องชินเฟิงอันสองสามีภรรยาไม่ยุ่งเรื่องในราชสำนัก หากพวกเขารู้ ก็ไม่มีทางเห็นด้วยที่ไท่ซ่างหวงกระทำเช่นนี้ พระองค์ไม่ต้องคาดเดาไปเรื่อย เวลาก็ไม่เช้าแล้ว ข้าก็ควรที่จะกลับแล้ว”
โสวฝู่ฉู่หันตัวเดินออกไปแล้วสองก้าว หันกลับมาจ้องมองดูเซียวเหยากง ส่งสัญญาณให้อย่างเป็นการตักเตือน เซียวเหยากงหุบปากอย่างน่าสงสาร ยักไหล่ให้กับหยู่เหวินเห้า พร้อมพูดขึ้นว่า “องค์ชายรัชทายาทก็กลับไปเถอะ ข้าจะไปให้อาหารหมาป่าแล้ว”
เซียวเหยากงทิ้งหยู่เหวินเห้าไว้คนเดียว แล้วก็ก้าวเท้ายาวๆเดินจากไป
หยู่เหวินเห้าโกรธอย่างกราดเกรี้ยว คนเฒ่าสองคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา หากไม่ยินยอมพูด ยังไงก็ไม่สามารถทำให้พวกเขาเปิดปากได้
โสวฝู่ฉู่ไม่ยอมพูดอย่างแน่นอน ทำได้เพียงเข้าทางเซียวเหยากง ดังนั้น หลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เขาก็ไล่ตามเซียวเหยากงไป
แต่หลังจากเซียวเหยากงเข้าไปในห้องหมาป่า ก็ไม่ยอมออกมาอีก หยู่เหวินเห้าก็เข้าไปไม่ได้ รออยู่กว่าหนึ่งชั่วโมง หยู่เหวินเห้ารู้ว่าคนเฒ่าคนนี้สามารถหลบอยู่ข้างในได้หลายวัน รออยู่อย่างนี้ก็ไม่มีความหมายอะไร จึงจำต้องกลับไปอยากจนใจ