บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 846 อาจจะมีเรื่องอย่างอื่นก็ได้
คำพูดเหลิ่งจิ้งเหยียนประโยคนี้ เขาไม่เถียง ต่อให้เขาไม่มีความรู้สึกในทางการเมือง ก็รู้ว่าพวกนี้เป็นความลับที่มืดมิดที่ไม่ควรให้ใครรู้ หากเสด็จปู่สิ้นพระชนม์ เป้าหมายของเสด็จพ่อบรรลุแล้ว จะเหลือทิ้งความตำหนิไว้ได้อย่างไร? จะต้องฆ่าเหลิ่งจิ้งเหยียนแน่นอน
หัวใจของหยู่เหวินเห้าเหน็บหนาว ความโกรธและหมดหนทาง เป็นเหมือนดั่งแมลงกัดกินอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ทั้งเจ็บปวดทั้งเสียใจ ทรมานอย่างบอกไม่ถูก
เขาอยากรีบเข้าหวังไปถามเสด็จพ่อ ถามว่าที่เขาพูดถึงความกตัญญูกตเวทีมาตลอด กลับไม่ดูดำดูดีกับความเป็นความตายของเสด็จปู่
เหลิ่งจิ้งเหยียนมองเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ดวงตาฉายแววความเจ็บปวดแตกสลาย จึงถอนหายใจอีกครั้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่จริงองค์ชายรัชทายาทไม่ต้องโกรธขนาดนี้ ที่จริงตอนนี้ฮ่องเต้ก็เจ็บปวดทรมานอย่างมาก สิ่งที่เขาทำไปทั้งหมดนี้ เป็นเพราะการพิจารณาถึงความเป็นผู้มีอำนาจ แต่ในฐานะที่เป็นลูกชายคนหนึ่ง จิตใต้สำนึกของเขาถูกประณามอยู่ตลอดเวลา มู่หรูกงกงพูดว่า ช่วงนี้เขามักจะนอนไม่หลับ กลางคืนฝันร้าย ตอนเช้าตื่นขึ้นมาผมก็ร่วงออกมาเป็นกำ”
ดวงตาหยู่เหวินเห้าแดงก่ำ พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การที่ต้องพิจารณาถึงความเป็นผู้มีอำนาจนั้น ไม่สามารถที่จะวางลงได้หรือ?”
“บางสิ่งบางอย่าง เมื่อถูกฉีกขาดแล้ว ก็จะมีแรงผลักดันเขาไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เขาเองก็น่าจะไม่สามารถควบคุมได้ เพราะต่อให้ตอนนี้เปลี่ยนความคิด ระหว่างความเป็นพ่อลูก ได้มีรอยร้าวแล้ว หากไท่ซ่างหวงยังสุขภาพดี ความรู้สึกอันตรายในใจของเขาจะยิ่งมีมากขึ้น ยังไม่รู้ว่าจะทำเรื่องอะไรอีก”
หยวนชิงหลิงมองดูเหลิ่งจิ้งเหยียน พร้อมพูดขึ้นว่า “ใต้เท้าเหลิ่น เจ้าเล่าทั้งหมดให้พวกเราฟัง เพราะมีวิธีรับมือใช่ไหม?”
หยู่เหวินเห้ากับกู้ซือได้ยินหยวนชิงหลิงถามขึ้นนี้ จึงต่างก็หันหน้าไปมองดูเขา
ภายในดวงตาของเหลิ่งจิ้งเหยียนประกายแสงสลัว พร้อมพูดขึ้นว่า “วิธีก็ไม่ใช่วิธีที่ดีอะไร แต่จะช่วยไท่ซ่างหวง ตอนนี้ที่สามารถเป็นไปได้มีเพียงวิธีนี้ คลายความรู้สึกวิกฤตในใจของฮ่องเต้ ก็ต้องปล่อยวางอำนาจองค์ชายรัชทายาท”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า “ข้าขอปลดตนเองหรือ?”
“ไม่ ฮ่องเต้ไม่มีทางปลดเจ้า แต่การกระทำของเจ้าจะต้องโปร่งใสก่อน จะต้องรายงานแผนการที่วางไว้ในเซียนเปย ทูลฮ่องเต้ทั้งหมด และมีคนบางส่วน เจ้าห้ามไปมาหาสู่อีก อย่างเช่นอ๋องเว่ย อย่างเช่นองครักษ์ลับผีแม่ทัพหลอ อย่างเช่นโสวฝู่ฉู่เซียวเหยากง พวกขุนนางเก่าที่สามารถเรียกลมเรียกฝนในราชสำนักได้เป็นต้น”
ในใจหยู่เหวินเห้ากดดันอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่จริงพูดง่ายๆก็คือ เขากลัวว่าข้าจะยึดวัง”
“ใช่ นี่เป็นความกังวลอย่างที่สุดของฮ่องเต้”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าออกจากกรมการพระนคร ไม่มีอำนาจในที่ทำการปกครองเมืองหลวง นี่พอหรือยัง?”
“บางที นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด”เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดขึ้นด้วยเสียงเบา
“ได้ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังไปลาออกจากราชการ”หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างโมโห
เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดขึ้นว่า “ในระหว่างที่เจ้าดำรงตำแหน่งเจ้ากรมการพระนคร ทำผลงานได้ดีอย่างมาก ฮ่องเต้จะรั้งเจ้าไว้อย่างที่สุด ยังไงเขาก็จะต้องมีคำอธิบายต่อเหล่าขุนนาง”
“ความเสแสร้งนี้ ข้ารู้อยู่แล้ว เขารั้ง ข้าต้องแน่วแน่ที่จะลาออก”หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างประชด
เหลิ่งจิ้งเหยียนเงียบไม่พูดไม่จา สีหน้าแลดูทุกข์ระทม สักพัก เขาก็ขอตัวกลับแล้ว
กู้ซือสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “หากไม่ใช่ใต้เท้าเหลิ่นพูดวิเคราะห์เยอะขนาดนี้ ข้ายังไม่รู้ว่าฮ่องเต้จะมีความกังวลเช่นนี้”
หยู่เหวินเห้ายกมือขึ้นอย่างรำคาญว่า “เจ้ากลับไปเถอะ ข้าขออยู่เงียบๆคนเดียว”
“งั้นก็ได้ มีเรื่องอะไร ข้าค่อยมาบอกเจ้า”กู้ซือยกมือประสาน ทำความเคารพพี่สะใภ้ใหญ่ด้วย แล้วก็หันตัวเดินจากไป
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างทุกข์ระทมว่า “คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ เสด็จพ่อขี้สงสัยมากเกินไป ไม่ว่ายังไง ก็ไม่ควรที่จะเอาสุขภาพของเสด็จปู่มาข่มขู่”
หยู่เหวินเห้าค่อยๆพูดขึ้นว่า “เจ้าหยวน ไม่ถูก”
หยวนชิงหลิงมองดูนาง น้ำตายังไหลไม่หยุด ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็รีบพูดขึ้นว่า “ทำไมไม่ถูก?”
“เสด็จพ่อมีความคิดพวกนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีวี่แววอะไรหรือเปล่า? เจ้าสามารถมองเห็นถึงสัญญาณอะไรหรือ?”
หยวนชิงหลิงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “อันนี้…. ก่อนหน้านี้ไม่มี แต่ว่าช่วงนี้ข้าเจอเสด็จพ่อน้อยครั้งมาก แต่ต่อให้ได้เจอ เขาก็ไม่พูดเรื่องพวกนี้กับข้าแน่นอน”
“ไม่พูดอะไรก็ได้ แต่แววตาสีหน้าสามารถมองออกอยู่มั้ง? เสด็จพ่อมักจะตำหนิข้า บอกว่าข้าทำอันนี้ได้ไม่ดี อันนั้นก็ทำได้ไม่ดี แต่ข้ามองเห็นถึงความภาคภูมิใจบนใบหน้าของเขา”
“อืม?” หยวนชิงหลิงมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นเจ้ารู้สึกว่าใต้เท้าเหลิ่นพูดล้วนเป็นความเท็จ? แต่เขาพูดวิเคราะห์ได้อย่างมีเหตุผลนะ คนที่มีอำนาจอยู่ในมือในใจมีความรู้สึกถึงความอันตราย คิดวางแผนเพื่อตำแหน่งบัลลังก์ของตนเอง ไม่ว่าจะสมเหตุสมผลหรือไม่ แต่อันดับแรกคือมีเหตุผล อีกอย่าง เจ้าไม่เชื่อถือใต้เท้าเหลิ่นหรือ? ที่ผ่านมาพวกเจ้ามีมิตรไมตรีที่ดีต่อกันมาก”
“ที่จริงที่เสด็จพ่อป้องกันข้าขนาดนี้ หรือป้องกันเสด็จปู่ ล้วนเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ประหลาดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็คือเหลิ่งจิ้งเหยียน พูดเรื่องพวกนี้ทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์เกินไป”
“เขาบอกว่าเสด็จพ่อเป็นคนบอกเขานี่ ในใจเสด็จพ่อก็คงจะสับสนอย่างมาก ก็เลยพูดเล่าให้เขาฟัง ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
หยู่เหวินเห้าโบกมือ ครุ่นคิดแล้วทั้งพูดขึ้นว่า “ไม่ เป็นคนเก็บความรู้สึกได้ดีอย่างมาก จะพูดเรื่องความในใจของเขาให้กับเหลิ่งจิ้งเหยียนที่เป็นขุนนางคนหนึ่งได้อย่างไร จากนั้นยังให้เหลิ่งจิ้งเหยียน มองเห็นจิตใต้สำนึกของเขาที่ถูกประณามหรือ? อีกอย่าง ข้าสั่งคนปล่อยข่าวเรื่องที่เจ้าสี่ทำร้ายลู่หยวนบาดเจ็ด เสด็จพ่อปกป้องเข้าข้างเจ้าสี่ เป็นเรื่องภายในสองวันนี้ แต่ไท่ซ่างหวงป่วยไม่น่าจะแค่สองวัน อาการป่วยสาหัสจนจะเรียกเจ้าเข้าวัง อย่างน้อยก็น่าจะมีสิบวันแล้ว และนี่ก็เป็นช่วงเวลาที่ค่ะวางแผนเซียนเปยพอดี”
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าสงสัยว่าไม่ใช่ความหมายของเสด็จพ่อ? แต่เหลิ่งจิ้งเหยียนโกหกเจ้า กู้ซือน่าจะไม่โกหก วันนี้กู้ซือพาทหารรักษาพระองค์ ไปขวางทางพวกเรา ไม่ใช่ความหมายของเสด็จพ่อหรือ? นอกจากเสด็จพ่อ ใครจะสามารถสั่งการกู้ซือได้? อีกอย่าง หากไม่ใช่ความหมายของเสด็จพ่อ ทำไมไท่ซ่างหวงถึงไม่ยอมเจอพวกเรา”
หยู่เหวินเห้าคิดดูอย่างละเอียด นี่ก็ถือว่าไม่สมเหตุสมผลจริง ตอนนี้ไม่มีใครสามารถข่มขู่เสด็จปู่ได้ หากไม่ใช่เพราะเสด็จพ่อพูดจาแบบนั้น เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธการรักษาของเจ้าหยวน
แต่สิ่งที่เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดพวกนั้น ดูแล้วก็เหมือนจะสมเหตุสมผล แต่ลองคิดดูอย่างละเอียดแล้ว ก็มีความไม่สมเหตุสมผลอยู่จริง
ต่อให้เสด็จพ่อเชื่อถือเขาขนาดไหน ก็จะไม่มีทางพูดเรื่องพวกนี้กับเขา
อีกอย่าง คำพูดที่เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดพวกนั้น เป้าหมายสุดท้ายมีเพียงอย่างเดียว ไม่ให้เขาไปมาหาสู่เจ้าสาม โสวฝู่ฉู่เซียวเหยากง ขาดสัมพันธ์กับเหล่าขุนนางเก่าแก่ และลาออกจากตำแหน่งเจ้ากรมการพระนคร อย่างง่ายๆก็คือ ยึดอำนาจองค์ชายรัชทายาทของเขาทั้งหมด รักษาไว้เพียงตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท
ในเมื่อฮ่องเต้เลือกเขาเป็นองค์ชายรัชทายาทแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องยึดอำนาจของเขาทั้งหมดในตอนนี้ หากต้องการให้เขาไปมาหาสู่กับเหล่าขุนนางเก่าน้อยลง เพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัยในการแอบสมคบตั้งพรรคพวกกัน ก็ตำหนิตรงๆเลยก็ได้ หลายปีมานี้ล้วนเป็นเช่นนี้ ระหว่างพ่อลูกระหว่างกษัตริย์กับขุนนาง ไม่เคยมีความหวาดระแวงกัน เมื่อตำหนิลงมา เขาก็ไม่กล้าที่จะไม่ทำตามนี่
ทำไมจะต้องอ้อมให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้?
ที่น่าสงสัยที่สุดก็คือ ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววอะไรเลย
ถึงแม้เขาจะไม่มีความสามารถในการคาดเดา ยังไงก็เหน็ดเหนื่อยงานยุ่งทุกวัน ไปปรนนิบัติน้อยครั้งมาก ไม่สามารถคาดเดาได้ก็เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่เห็นมีวี่แววเลยสักนิด
เกรงว่ายังมีเรื่องอย่างอื่นแอบแฝงอยู่
เริ่มแรกหยู่เหวินเห้ารู้สึกค่อนข้างหายใจไม่ออก เริ่มตั้งแต่แผนที่ทางการทหารหายไป เรื่องต่างๆถูกเปิดเผยทีละนิด เรื่องต่างๆถูกขุดลึกลง ถึงสุดท้ายล้วนขุดเจออะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน
เรื่องนี้อาจจะมีความลับลึกซึ้งอยู่ข้างใน