บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 858 เชิญอ๋องซุนร่วมงานเลี้ยง
คนมากมายต่างก็คิดว่าน่าจะเป็นอ๋องอัน เพราะว่าเขาเป็นถึงวัดหงหรูชิง แล้วก็มีสถานะเป็นท่านอ๋อง ถ้าเขาไปจะเหมาะสมที่สุด
แต่ว่า เรื่องนี้ มีบรรยากาศแปลกประหลาดแฝงอยู่ นี่ย่อมเป็นเพราะว่าความสัมพันธ์ก่อนหน้าหนี้เซียนเปยกับเป่ยถังค่อยๆเกิดรอยร้าวขึ้น แม้ว่าตอนนี้ประเทศเซียนเปยจะถูกแทนที่ด้วยประเทศซู่ แต่ชื่อประเทศสามารถเปลี่ยนได้ แต่คนยังคงเป็นคนเซียนเปย
โสวฝู่ฉู่มองออกถึงเค้าลางบางอย่าง เขาค่อยๆเข้าใจขึ้นมาแล้วว่าทำไมฮ่องเต้จึงต้องเย็นชาต่อรัชทายาทก่อน ให้เขารับโทษกักบริเวณ เพราะว่ารัชทายาทมีความผิดติดตัว สามารถปฏิเสธคำเชิญของประเทศซูได้อย่างง่ายดาย
สายพระเนตรอันไกลของอ๋องเต้หมิงหยวน น่าจะสร้างขึ้นจากสายลับข่าวกรองที่แม่นยำที่สุด และสายลับข่าวกรองที่แม่นยำที่สุดก็เกิดขึ้นจากแผนการขอหงเล่ที่วางไว้นานแล้ว วางแผนอยู่หลายเดือน เช่นนั้นคงไม่ได้เป็นแค่งานเฉลิมฉลองเท่านั้นแน่
และท่านชายหงเย่กับหงเล่ซิงได้ว่างสายลับเอาไว้ในเป่ยถังตั้งแต่แรกแล้ว ฉะนั้นละครฉากนี้จำเป็นต้องแสดงอย่างสมจริงสมจัง ตอนนั้นที่บีบให้รัชทายาทต้องเกิดการต่อต้านขึ้นมา ฮ่องเต้นั้นยอมทำลายชื่อเสียงของตนเองเพื่อปกป้องรัชทายาท ถ้าหากปรึกษากับรัชทายาทก่อน รัชทายาทคงแสดงละครฉากนี้ไม่ได้
การวางแผนกลอุบายและเสียสละในครั้งนี้ โสวฝู่ฉู่ก็รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง
และแล้ว ฮ่องเต้ก็เรียกให้ขุนนางของเน่ย์เก๋อมาปรึกษาหารือเรื่องนี้ ตัวเลือกที่เสนอออกมา มีเสียงสนับสนุนอ๋องอันกับอ๋องชินลุ่ยมากที่สุด
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ได้ตัดสินใจทันที หลังเสร็จสิ้นการหารือ ก็เหลือโสวฝู่ฉู่กับเหลิ่งจิ้งเหยียนที่อยู่ต่อในห้องทรงพระอักษร
“ขุนนางที่รักทั้งสองท่าน พวกเจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง”ฮ่องเต้ดูรายชื่อ ทั้งสองคนนี้ก็เสนออ๋องอันเช่นกัน
เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดว่า “ฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเสนออ๋องอัน เป็นเพราะอาศัยการตรวจสอบอย่างลับๆในช่วงเวลาสองเดือนมานี้ สายลับของเซียนเปยได้ค่อยๆปรากฏตัวขึ้นมาเหนือน้ำแล้ว พวกเขาไปมาหาสู่กับอ๋องอันตั้งแต่ต้น ไม่ว่าครั้งนี้ประเทศซู่จะซ่อนกลอุบายอะไรเอาไว้ พวกเขาไม่มีทางทำร้ายอ๋องอันได้ง่ายๆ เพราะว่าพวกเรายังไม่ได้ลากตัวสายลับออกมา พวกเขาจึงคิดว่ายังไม่ถูกเปิดเผย ภายหน้าหากจะใช้งานอ๋องอันย่อมมีโอกาสมากขึ้น”
“โสวฝู่เล่า”ฮ่องเต้หมิงหยวนมองไปทางโสวฝู่ฉู่ และเอ่ยถามขึ้น
โสวฝู่ฉู่พูดว่า “กระหม่อมเห็นด้วยกับความคิดของใต้เท้าเหลิ่ง ไม่ว่าจุดประสงค์ในครั้งนี้ของประเทศซู่จะเป็นอะไร สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าไม่ใช่งานฉลองธรรมดาแน่ อ๋องชินลุ่ยเหมาะสม แต่อ๋องชินลุ่ยไม่ได้เข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจนที่สุด ง่ายมากที่จะถูกคนอื่นควบคุมได้ เพียงแต่ อ๋องอันกับหงเย่แห่งเซียนเปยมีการสมรู้ร่วมคิดกัน ครั้งนี้หากส่งอ๋องอันไป พวกเขาจะสามารถปรึกษาหารืองานใหญ่กันได้อย่างเปิดเผย สำหรับเป่ยถังของเราก็ถือว่าเป็นภัยเงียบเช่นกัน ”
สายตาของฮ่องเต้หมิงหยวนมีแววโมโหแฝงอยู่ลึกๆ “ไม่ว่าจะวางกลอุบายอะไร รอให้เขากลับมาจากประเทศซู่ ก็จะยึดอำนาจปลดให้กลับไปอยู่ยังดินแดนที่ได้รับการจัดสรร สั่งให้คนจับตาดูอย่างเข้มงวด รอบข้างให้วางกำลังทหารเอาไว้ ”
โสวฝู่ฉู่โค้งร่างลง “เช่นนั้นก็ทำตามที่ฮ่องเต้ทรงบัญชาทั้งหมด”
เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดว่า “ฮ่องเต้ ยังมีอีกเรื่องที่น่าเป็นห่วง นั่นก็คือถ้าครั้งนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเกิดความร้าวฉาน หรือใช้สงครามในการตัดสิน แต่อาวุธของเรายังไม่ได้สร้างขึ้นมา แต่หงเล่ซิงของประเทศซู่ได้แผนที่ทางการทหารไปแล้ว ถ้าหากพวกเขาสร้างอาวุธออกมาได้สำเร็จ สำหรับเป่ยถังของเราแล้วนั่นคืออันตรายอันใหญ่หลวง และถึงแม้ว่าเราจะเป็นพันธมิตรกับแคว้นต้าโจวแล้ว แต่ตอนนี้สองสามีภรรยาซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นต้าโจวได้แยกย้ายกันวิ่งเข้าสู่สนามรบ รับมือกับศึกสงคราม พวกเรากลับไม่มีการวางแผนอะไรเลย ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนยิ้มจางๆ “ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่มีต่อแคว้นต้าโจว เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล คิดจริงๆหรือว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานี้รัชทายาทจะถูกกักบริเวณอยู่แต่ในจวนเงียบๆ คนของเขาได้เคลื่อนไหวไปทั่วทุกทิศตั้งนานแล้ว ทรัพยากรทางการทหารที่จำเป็นท่านชายสี่เหลิ่งได้เริ่มจัดเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อนแล้ว”
โสวฝู่ฉู่อึ้ง “จริงหรือ รัชทายาทอยู่ในจวนทั้งวันมิใช่หรือ ทำเรื่องเหล่านี้……”ทำไมเขาจึงไม่รู้ ยังสามารถปิดเขาเอาไว้ได้ ครั้งนี้โสวฝู่ฉู่รู้สึกว่าตัวเองแก่แล้วจริงๆ มองฮ่องเต้ไม่ทะลุปรุโปร่ง และมองรัชทายาทไม่ปรุโปร่งเช่นกัน
“ข้าให้เขากักบริเวณ เพื่อออกห่างจากกรมการพระนคร ก็เพื่อให้เขาถอนตัวออกจากงานให้หมดเพื่อไปทำเรื่องนี้ ระหว่างพ่อลูก ไม่ต้องพูดจาอย่างชัดเจน เขารู้ดีว่าอันตรายคืบคลานเข้าใกล้แล้ว เพราะว่า เขาได้กลายเป็นรัชทายาทที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ว่า ตอนนี้ที่น่ากังวลที่สุดก็คือแผนที่ทางการทหาร ก็ไม่รู้ว่าคนที่เขาส่งไปได้ทำลายแผนที่ทางการทหารหรือยัง ส่วนทางด้านแคว้นต้าโจว ก็ไม่มีแผนที่ทางการทหารชุดใหม่ส่งมา ถ้าหากมีแผนที่ทางการทหาร ด้วยกำลังทรัพย์กำลังคนของเป่ยถังในตอนนี้ สองเดือนก็สามารถเร่งสร้างอาวุธออกมาได้หนึ่งงวดแน่ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องกลัวประเทศซู่กับเป่ยโม่”
โสวฝู่ฉู่นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ด้วยกำลังทรัพย์ในตอนนี้ของเป่ยถัง ช่วงนี้นี่เขาเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร เงินภาษีที่จัดเก็บได้ในปีนี้ไม่ได้ดีไปกว่าปีที่แล้วสักเท่าไหร่เลย นอกเสียจากว่าเขาถึงขั้นมารู้เรื่องนี้ในภายหลัง แม้แต่ภายในประเทศได้มีรายได้ใหม่เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหันก็ไม่รับรู้
“ฮ่องเต้ กำลังทรัพย์ที่ว่านี้……มาจากที่ไหนกัน”โสวฝู่ฉู่ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง เขาจำเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างมั่นคงดุจเขาไท่ซ่านว่า “ข้ามีลูกเขย”ลูกเขยที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ
“ออ……”โสวฝู่ฉู่ประสานสายตากับเหลิ่งจิ้งเหยียนแวบหนึ่ง นี่มันน่าไม่อายจริงๆ
“ตอนนี้ประเทศตกอยู่ในสภาวะลำบาก ย่อมต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ”ฮ่องเต้หมิงหยวนดูออกถึงความหมายที่แฝงลึกๆอยู่ในคำว่าออของทั้งสองคน พูดอย่างไม่พอใจนัก
“ออ……”
“ไปได้แล้ว”ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้สึกโมโหอยู่บ้าง
วันนี้จวนอ๋องอันจัดงานเลี้ยงต้อนรับคนของจวนอ๋องซุน บอกว่าเป็นการต้อนรับ แท้จริงแล้วเป็นการสำนึกผิด ทั้งสองพี่น้องมีความแค้นส่วนตัวกันมานาน ภายหลังเพราะเรื่องของพี่สาม ทำให้อ๋องซุนโกรธอ๋องอันอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง แม้อ๋องซุนจะไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ว่า ความโกรธนี้ได้อัดอั้นอยู่ในใจมาเป็นเวลานานแล้ว
เหตุผลในการเชิญมาร่วมงานเลี้ยงของอ๋องอันง่ายมาก ต้องการเปลี่ยนสงครามเป็นสันติสุข เพราะว่าทั้งสองคนตอนนี้ได้กลายเป็นขุนนางร่วมกรม เจอหน้ากันทุกวัน ถ้าหากบาดหมางกันจะกระทบต่องานหลวง
อ๋องซุนเป็นคนที่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว รู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผล จึงได้เห็นด้วยที่จะพาพระชายาซุนไปร่วมงานเลี้ยง
ระหว่างงานเลี้ยง อ๋องอันเอาแต่ดื่มเหล้าเพื่อขอขมา บอกว่าตัวเองนั่นเป็นคนเลว ตอนนั้นไม่ควรทำกับพี่สามเช่นนั้น ทำให้พี่สามต้องครอบครัวแตกแยก เขายังบอกอีกว่าตอนที่พี่สามติดตามไล่ล่าไปสั่งสอนเขานั้น เขาไม่ได้มีการตอบโต้ เพราะรู้ตัวว่าสมควรได้รับโทษแล้ว
อ๋องซุนเห็นท่าทีที่ซื่อตรง และตัวเองก็ยังเป็นพี่ชาย และไม่สามารถแค้นใจอะไรอีก จึงพูดว่า “ล้วนผ่านไปแล้ว วันหน้าก็ไม่ต้องพูดถึงอีก เป็นพี่น้องกัน ไม่มีแค้นข้ามคืน รอให้น้องสามกลับมาแล้วเจ้าค่อยขอโทษกับเขาอย่างจริงจัง เชื่อว่าน้องสามเองก็คงไม่โทษเจ้าอีก”
อ๋องอันน้ำตาไหล แล้วก็คารวะเหล้าอีก กรอกเหล้าจนอ๋องซุนรู้สึกเมาอยู่เจ็ดแปดส่วน จึงพูดว่า“งานฉลองของประเทศซู่ เสด็จพ่อคิดว่าจะส่งข้าไป แต่ว่า พี่รองท่านเองก็รู้ ข้าไปไม่ได้ ถ้าหากข้าไปนั่นก็เท่ากับข้าแย่งชิงรัศมีของรัชทายาท ข้ากับรัชทายาทเองก็ไม่ง่ายเลยที่จะสงบสุขกันได้บ้าง ถ้าหากต้องเกิดความบาดหมางใจกันเพราะเรื่องนี้ ไม่เป็นอย่างที่ข้าหวังเอาไว้จริงๆ”
อ๋องซุนเองก็รู้เรื่องนี้ พูดว่า “ตอนนี้เจ้าห้าถูกกักบริเวณ เขาไปไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่นับว่าแย่งรัศมีของเขา ทุกอย่างอยู่ที่การจัดการของเสด็จพ่อ”
อ๋องอันถอนหายใจ “พูดเช่นนั้นก็จริง แต่ก็ต้านพวกที่คอยยุยงปลุกปั่นไม่ได้ พี่รอง ท่านเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ ข้าเองก็เคยได้รับโทษในฐานอกตัญญูมาก่อน แม้ว่าเจ้าห้าตอนนี้จะรู้แล้วว่าข้าไม่ได้มีใจทะเยอทะยาน แต่คนข้างกายของเขาไม่รู้ เรื่องนี้จะถูกขยายให้ใหญ่โตไม่จบสิ้น ถึงตอนนั้นหากเจ้าห้าเกิดความบาดหมางใจกับข้าขึ้นมาจริงๆ เช่นนั้นข้าคงจะล้างมลทินไม่ได้แน่”
อ๋องซุนดื่มเหล้าจนรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาแล้ว ได้ยินคำพูดนี้ของอ๋องอัน รู้สึกว่ามีเหตุผลมาก พูดว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไม่เหมาะสมจริงๆ”
“ใช่ ที่จริงข้าอยากจะไปมาก เรื่องการทูตเป็นงานที่วัดหงหรูของเรากำกับดูแล ข้าไปจะสมเหตุสมผล และยังสามารถเปิดหูเปิดตากับบรรยากาศและผู้คนของประเทศซู่ได้อีกด้วย หรือบางทีอาจจะทำอะไรบางอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงมุมมองของคนเซียนเปยที่มีต่อเป่ยถังของเรา เสียดายที่มีเหตุผลนี้เป็นอุปสรรค ข้าไปจะเป็นการไม่ดี พี่รอง ไม่สู้ท่านไปเถอะ พรุ่งนี้ช่วงประชุมเช้าท่านก็เสนอตัว น้องจะสนับสนุนอย่างเต็มที่แน่นอน ”
“ได้ซิ”พระชายาซุนที่ฟังอยู่ข้างๆ ได้ยินอ๋องอันเสนอแนะขึ้นมา ก็ตอบรับทันที และใช้ข้อศอกกระทุ้งที่แขนของอ๋องซุน ให้เขาตอบรับด้วย