บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 864 จ่ายเงินเชิญองครักษ์
พระชายาซุนกล่าว: “เจ้ายังจะว่าเขาแล้วจริงๆหรือ? เขาโกรธหรือไม่?”
หยวนชิงหลิงหัวเราะแล้วกล่าว: “โกรธ โกรธว่าทำไมตัวเองถึงต้องพูดคำที่ทำให้เสียบรรยากาศเช่นนั้น แต่ว่านะ เขามีเจตนาดี อย่างไรเสียท่านพี่รองไม่เคยออกไปไกลจากบ้าน นี่ต้องไปที่ประเทศซู่อย่างกะทันหัน ท่านรู้ว่าความสัมพันธ์ของประเทศซู่กับพวกเราตึงเครียดเป็นอย่างมาก เขาก็เป็นห่วง ไม่มีมีความหมายอื่น หลังจากที่ตำหนิก็รู้ว่าผิดพลาดแล้ว เพียงแค่ช่วงกักบริเวณเขาก็ออกมาไม่ได้ ไม่เช่นนั้นวันนี้เขาก็จะมาขออภัยท่านพี่รองด้วยตัวเอง ประเดี๋ยวท่านบอกกับท่านพี่รองสักคำ บอกท่านพี่รองอย่าได้ถือโทษเขา”
“ท่านพี่รองของเจ้าไม่จดจำความโกรธเคือง ไม่ถือโทษตั้งนานแล้ว วันนี้ยังบอกให้คนส่งเหล้าไปให้เขาอีกน่ะ” พระชายาซุนก็กลัวว่าจะเกิดช่องว่างระหว่างพี่น้องจริงๆ ได้ยินหยวนชิงหลิงพูดเช่นนี้ก็วางใจแล้ว ดึงมือนางเข้าไป “พวกเราไปคุยกันด้านใน หรงเยว่และพระชายาอานก็มาแล้ว”
“ท่านพี่สะใภ้รอง” หยวนชิงหลิงหยุดฝีเท้า “ข้าพูดกับท่านไม่กี่ประโยคก่อนแล้วค่อยเข้าไปคุยกัน”
“ได้ พวกเราไปเรือนด้านข้างเถอะ” พระชายาซุนพานางเดินไปด้านหน้า
เข้าเรือนด้านข้างแล้ว หยวนชิงหลิงไม่ได้เรียกคนให้เอาชามา หลังจากนั่งแล้ว นางมองดูพระชายาซุนแล้วกล่าว: “การเดินทางครั้งนี้ยาวไกลนัก ท่านพี่รองก็เดินทางไกลน้อยมาก ข้างกายยังจำเป็นต้องมีคนมีความสามารถมีไหวพริบสามารถพึ่งพาได้สองสามคน พี่ซูหลงความรู้กว้างขวาง อีกทั้งเดินทางไปทั่วทุกสารทิศ หากสามารถพาเขาไปได้จะดีที่สุด อย่างน้อยเกิดอุบัติเหตุอะไรระหว่างทางเขาก็สามารถแก้ปัญหาได้”
พระชายาซุนพยักหน้า “เจ้าพูดมีเหตุผล เมื่อไม่กี่วันมานี้คุณชายของตระกูลซูมาเข้าร่วมอยู่ภายใต้บัญชาการท่านพี่รองของเจ้า กลับเป็นผู้ที่มีปฏิภาณไหวพริบผู้หนึ่ง และเหมือนที่ท่านพูดเช่นนั้น ความรู้กว้างขวาง วิ่งอยู่ด้านนอกมานาน พาเขาไปก็วางใจได้หน่อย”
“ถูกเพคะ ยังมีอีก จำเป็นต้องเลือกคนติดตามข้างกายที่มีพละกำลังชำนาญศิลปวิทยายุทธสองสามคน อย่างไรเสียครั้งนี้ก็ไปประเทศซู่ มีผู้ที่มีฝีมือหน่อยสักสองสามคน พวกเราก็วางใจหน่อย ใช่หรือไม่เพคะ?” หยวนชิงหลิงกล่าวต่อ
พระชายาซุนยิ้มแล้วกล่าว: “ยังเป็นเจ้าที่คิดได้รอบคอบ ได้ ประเดี๋ยวข้าจะไปบอกกับเขา”
หยวนชิงหลิงเห็นนางไม่มีอารมณ์ความรู้สึกต่อต้าน โล่งใจเล็กน้อย “ใช่แล้ว หากข้าพูดจะไม่ค่อยเหมาะสม ถ้าท่านพี่สะใภ้รองพูดกับเขา เขาจะต้องฟังแน่นอน อะไรพวกเราก็เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่หมดแล้ว ท่านอยู่ในบ้านอย่างน้อยก็ไม่ต้องคิดเป็นกังวลเพื่อเขาใช่หรือไม่?”
พระชายาซุนกล่าว: “ข้าก็ไม่อยู่ในจวน ข้าตามไปด้วยล่ะ”
หยวนชิงหลิงตะลึง “ท่านพี่สะใภ้รองก็ไปด้วย?”
พระชายาซุนใบหน้ายิ้มแย้ม “ถูกต้อง อย่างไรเสียนี่ก็เป็นงานเฉลิมฉลอง สามารถพาคนในครอบครัวเข้าร่วมงานได้ ได้ยินว่าประเทศอื่นๆก็ล้วนพาคนในครอบครัวไปเข้าร่วมงาน ความหมายท่านพี่รองของท่านคือพาข้าไปด้วย อย่างไรซะ ประเทศซู่ก็มีฮองเฮาเจ้าหญิง ให้ข้าเข้าเยี่ยมคารวะเหมาะสมกว่า บวกกับหากว่าข้าไปด้วย ก็สามารถสนทนาสื่อสารกับสตรีที่มียศศักดิ์และฮูหยินของประเทศอื่นๆได้”
หยวนชิงหลิงคิดไม่ถึงว่านางจะตามไปด้วย แม้ว่านางจะพูดมีเหตุผล แต่ว่า มีคนมากขึ้นหนึ่งคน สำหรับคนเหล่านั้นที่ปกป้องพวกเขาก็มีแรงกดดันเป็นสองเท่า โดยเฉพาะพระชายาซุนที่ยังไม่เป็นวิทยายุทธอีก
หน้าตาของพระชายาซุนแฝงไปด้วยรอยยิ้มและความปีติที่รุนแรง สำหรับนางแล้ว นี่ไม่ได้เป็นเพียงการไปร่วมงานเฉลิมฉลองงานหนึ่งเท่านั้น ยังเป็นสัญลักษณ์ของฐานะอีกอย่างด้วย ที่สำคัญที่สุดคือ นางไม่เคยได้เหยียบออกจากเมืองหลวงสถานที่คับแคบนี้มาก่อนจริงๆ ท้องฟ้าแผ่นดินที่กว้างใหญ่ภายนอก ล้วนเหมือนกับไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางเช่นนั้น
“ตัดสินใจแล้วหรือ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
“ตัดสินใจแล้ว เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว” สีหน้าของพระชายาซุนเต็มไปด้วยความปีติ ในตามีภาพฝันของเด็กสาวเช่นนั้น “ชีวิตนี้ของข้า ยังไม่เคยได้ไปที่ไกลๆเลยนะ เดิมทีคิดว่าทั้งชีวิตนี้จะออกจากเมืองหลวงไม่ได้แล้ว คิดไม่ถึงว่ายังสามารถไปประเทศอื่นได้ เจ้าดีใจแทนข้าหรือไม่?”
หยวนชิงหลิงฝืนยิ้ม “ดีใจกับท่านด้วยแน่นอน เพียงแค่ทำใจให้ท่านไปไม่ได้ ท่านไปครั้งนี้ อย่างต่ำก็สองเดือนถึงจะกลับมาได้ หากว่าท่านไม่ไปจะดีขนาดไหนนะ”
พระชายาซุนค่อนข้างซาบซึ้ง คิดไม่ถึงว่าหยวนชิงหลิงจะใส่ใจนางเพียงนี้ ครั้นแล้วก็ยิ้มอย่างนุ่มนวล “เด็กโง่ ข้าไปแค่สองเดือนเท่านั้น ไม่ได้ไปสองปีสักหน่อย ประเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
หยวนชิงหลิงพยักหน้าอย่างฉาบฉวย “งั้นระหว่างทางพวกท่านก็ระวังตัว อย่างได้ออกหน้าอย่างโอ้อวดเด็ดขาด”
“เจ้าวางใจ นิสัยท่านพี่รองของเจ้า เป็นคนที่ออกหน้าหรือ?” พระชายาซุนหัวเราะแล้วกล่าว
แต่หยวนชิงหลิงหัวเราะไม่ออกจริงๆ ท่านพี่รองไม่ใช่คนที่โอ้อวด แต่รับมือกับแผนการร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ได้นี่นา
นางก็ไม่มีกระจิตกระใจจะกินดื่ม อ้างว่าปวดหัวแล้วให้หรงเยว่ส่งนางกลับไป
ระหว่างทาง นางกล่าวกับหรงเยว่: “ข้ารู้ว่าในมือของเจ้ามีคนที่มีวิทยายุทธสูงส่งไม่น้อย ครั้งนี้เจ้าสามารถจัดเตรียมสักสามสี่คนติดตามไปได้หรือไม่? พวกเขาออกโรงจำเป็นต้องใช้เงินมากน้อยเท่าใด? ข้าออกเอง”
หรงเยว่เอ่ยถาม: “ท่านต้องการกี่คน?”
“ดีที่สุดสามสี่คน หรือห้าหกคนละกัน”
หรงเยว่คำนวณบัญชี “ไปประเทศซู่ครั้งนี้นับว่าเป็นประเทศศัตรู อันตรายค่อนข้างมาก พวกเรากับคนของในสำนักเหลิ่งหลังแบ่งเป็นคนละครึ่ง ในสำนักส่วนนั้นก็ไม่คิดแล้ว แค่เงินจ้างพวกเขาอย่างเดียวก็ห้าหมื่นตำลึง ลดแล้วก็ประมาณสี่หมื่นตำลึงน่ะเพคะ”
หยวนชิงหลิงกัดฟัน สี่หมื่นตำลึงแม้ว่าจะปวดใจ แต่ผู้มีฝีมือสูงส่งของสำนักเหลิ่งหลังก็คุ้มค่าราคานี้ อีกทั้งหากคำนวณเป็นคนเดียวความจริงก็ไม่ถือว่าแพงแล้ว ไปสองเดือน คนหนึ่งเพิ่งจะแปดพันตำลึง เพื่อความปลอดภัย เงินจำนวนนี้ให้แล้วก็คือให้แล้ว “ได้ เช่นนั้นก็จัดไปห้าคนเถอะ ดีที่สุดยังต้องมีผู้หญิงสองคนที่สามารถปกป้องข้างกายของท่านพี่สะใภ้รองได้”
“เช่นนั้นได้เพคะ สี่หมื่นตำลึงหนึ่งคน ห้าคนเป็นสองแสนตำลึง ท่านจะให้เป็นตั๋วเงินหรือว่าทองคำและเงิน?” หรงเยว่เอ่ยถาม
หยวนชิงหลิงแทบจะเป็นลม สองแสนตำลึง? โอ้สวรรค์ กินเนื้อของนางควักหัวใจของนางเชียวนะ!
“รู้ว่าท่านปวดใจ” หรงเยว่ปิดปากแอบหัวเราะ “แบบนี้เถอะ เงินนี้ข้าออกให้ท่าน อย่างไรเสียข้าก็ไม่ขาดแคลนเงิน”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ข้าไม่สามารถยืมเงินคนอื่นตลอดได้ เงินของเจ้าก็ไม่ใช่ว่าลมพัดมา ข้าได้ยินท่านชายสี่บอกว่า เงินที่เจ้ากำไว้ล้วนได้มาจากเวลาที่ออกไปปฏิบัติภารกิจก่อนหน้านี้ นั่นล้วนเป็นเงินที่เอาชีวิตไปแลกกลับมา ข้าทำใจใช้ไม่ได้”
“นี่มีอะไรล่ะเพคะ? ข้าอายุยังน้อย ใช้หมดแล้วค่อยไปหาก็ได้”
หยวนชิงหลิงยิ้มเจื่อนๆ “เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ น้องหกรู้แล้วจะต้องเป็นบ้าแน่”
หรงเยว่ไม่เข้าใจ “ทำไมท่านถึงดีกับท่านพี่สะใภ้รองเช่นนี้ล่ะ? ยังทำใจจ่ายเงินสองแสนตำลึงเพื่อนางได้อีกด้วย ปกติท่านเป็นคนที่จ่ายเหรียญทองแดงหนึ่งเหรียญก็ปวดฟัน ครั้งนี้ใจกว้างจริงๆเพคะ”
ในใจของหยวนชิงหลิงคำนวณเงิน กล่าว: “เพราะว่าตอนนั้นนางก็เคยปฏิบัติดีต่อข้าโดยไม่สนใจใดๆ เวลานั้นชื่อเสียงของข้าย่ำแย่มาก ผู้คนไม่ชอบเป็นอย่างมาก คนอื่นล้วนหลบเลี่ยงเพื่อความโชคดี แต่นางและท่านพี่รองกลับใกล้ชิดขึ้นมาเหมือนคนโง่เช่นนั้น”
“ได้ยินท่านพูดเช่นนี้ คิดถึงการปฏิบัติตัวของท่านพี่สะใภ้รอง อันที่จริงก็ปฏิบัติต่อคนอย่างเป็นมิตรจริงใจ ต่อพระชายาเว่ยและพระชายาอานนางก็ปฏิบัติด้วยอย่างดีมาก ต่อข้าก็ไม่เลว เพียงแค่ปากโป้งไปหน่อย” หรงเยว่หัวเราะแล้วกล่าว
“มนุษย์ไม่มีผู้ใดสมบูรณ์แบบ นางปากโป้ง แต่พวกเราล้วนได้ข่าวสารคำร่ำลือจากนางทางนั้นไปปรับการใช้ชีวิตที่ขาดไป เอาล่ะ เจ้ารีบไปจัดการ พรุ่งนี้ก็ต้องออกเดินทางแล้ว”
หรงเยว่บอกให้หยุดรถม้า หลังจากกระโดดลงไปแล้วยกม่านกล่าวกับหยวนชิงหลิง: “เช่นนี้เถอะเพคะ ข้าออกครึ่งหนึ่ง ที่เหลือท่านออก พรุ่งนี้ไปเก็บเงินที่จวนของท่าน”
พูดจบ เดินจากไป
หยวนชิงหลิงมองดูเงาหลังของนาง ยิ้มขึ้นมาแล้ว การเฝ้าสังเกตการณ์คอยช่วยเหลือกันระหว่างสะใภ้เหล่านี้ ทำให้คนอบอุ่นใจจริงๆ