บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 865 อ๋องฉีสับสน
วันรุ่งขึ้น คณะทูตออกเดินทางอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรแล้ว
หรงเยว่จัดเตรียมคนห้าคนติดตามไป รวมพี่ซูหลงในนั้นด้วย จัดการทั้งหมดหกคน สองคนในนั้นเป็นนักฆ่าผู้หญิงและจัดอยู่ในห้าสิบอันดับแรกในยุทธภพ แต่พวกเขาล้วนปิดบังตัวตนต่ออ๋องซุนสามีภรรยา บอกเพียงแค่จวนอ๋องฉู่จัดให้มาคอยปรนนิบัติดูแล
ก่อนออกเดินทาง หยู่เหวินเห้ากำชับต่อพี่ซูหลงครั้งแล้วครั้งเล่ารอบหนึ่ง และได้แจ้งตัวตนที่แท้จริงของคนทั้งห้าที่ติดตามให้รู้ ระหว่างทางจนถึงประเทศซู่ มีสถานการณ์อะไรสามารถหารือกับพวกเขาได้
พี่ซูหลงรู้ว่าการไปครั้งนี้มีอันตราย ก็ระมัดระวังเป็นที่สุด สามารถเตรียมตัวได้ก็เตรียมตัวแล้ว ขอเพียงกลับมาอย่างปลอดภัยไร้กังวลเท่านั้น
หลังจากคณะทูตออกเดินทางแล้ว พระราชโองการมาถึงจวนอ๋องฉู่ รัชทายาทกลับมารับตำแหน่งราชการ ขณะเดียวกันก็ช่วยเหลือโรงหล่อหลอมทำการหล่อหลอมอาวุธ
อาการป่วยของไท่ซ่างหวงก็เริ่มดีขึ้น แต่เขาคิดว่าอยู่ในพระที่นั่งค่อนข้างสบาย จึงไม่ย้ายกลับพระราชวังแล้ว และทุกคนจะได้ไม่ต้องน้อมทักทาย มีใจก็สามารถมาเยี่ยมได้ ไม่ว่างก็ทำธุระของแต่ละคนไป
หยวนชิงหลิงยังพาพวกเด็กๆมาอยู่ในพระที่นั่งด้วย อะซี่ก็ไปด้วย ในจวนอ๋องฉู่ ก็ฟื้นกลับมาเป็นลักษณะเหมือนตอนที่หยู่เหวินเห้ายังเป็นโสด อยู่กับทังหยางสวีอีและชายชาตรีคนอื่นๆ แต่ออกไปตั้งแต่เช้ากลับมาตอนมืดค่ำ ยุ่งวุ่นวายเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด
อันที่จริงหยวนชิงหลิงก็ไม่ค่อยว่างมากนัก เพราะว่ายังต้องกลับไปช่วยที่โรงเรียนแพทย์ วิ่งทั้งสองทาง บางครั้งยังต้องกลับไปปลอบโยนสามีอีก วุ่นเป็นอย่างมาก แต่ก็เป็นวันเวลาที่มีความหมายมาก
วันนี้ หยวนหย่งอี้เก็บข้าวของมาพระที่นั่งอย่างกะทันหัน บอกว่าต้องการอยู่เป็นเพื่อนหยวนชิงหลิงในพระที่นั่งปรนนิบัติไท่ซ่างหวง
อะซี่มองดูนาง “ตอนนี้ท่านก็ไม่ใช่สะใภ้ของเชื้อพระวงศ์แล้ว ท่านจะปรนนิบัติดูแลอะไรไท่ซ่างหวง?”
หยวนหย่งอี้ถูกน้องสาวตัวเองตอกประโยคหนึ่ง กล่าวด้วยความโกรธ: “ไท่ซ่างหวงเป็นเสด็จปู่ของพสกนิกรในเป่ยถัง ข้ามาปรนนิบัติไม่ได้หรือ?”
อะซี่กระซิบกล่าว: “ได้ก็ได้ แต่ทีแรกท่านไม่ได้บอกว่าต้องการอยู่ปรนนิบัติท่านย่าในจวนหรือ?”
“ข้างกายท่านย่ามีคนมากมาย ในพระที่นั่งคนน้อย” ดูเหมือนหยวนหย่งอี้จะละอายใจเล็กน้อย
“ท่านย่าหาสามีให้ท่านอีกแล้วใช่หรือไม่?” อะซี่เอ่ยถาม
หยวนหย่งอี้ส่ายหน้า “ไม่มี แค่ในจวนมักจะมีพวกแมลงวันที่ทำให้คนรำคาญเข้ามาบ่อยๆ”
พวกแมลงวันที่ทำให้คนรำคาญก็คืออ๋องฉี ในที่สุดก็นับว่าหอยทากตัวนี้ได้เปิดฉากโจมตีอย่างรวดเร็วและรุนแรงแล้ว กรมการพระนครทางนั้นปลีกตัวได้เล็กน้อย เข้าก็เริ่มไล่ตามภรรยา
ทุกวันหลังจากที่เขาเลิกงานจากกรมการพระนครแล้ว ก็ไปตระกูลหยวน เขาเรียนวิธีหนึ่งกับฝู่ฉู่ ทุกครั้งที่ไปจะไม่ไปมือเปล่า เอาของขวัญไปเยี่ยมถึงบ้าน ผู้ใดก็ไล่เขาได้ไม่ง่าย อีกอย่าง เขายังเป็นอ๋องฉีผู้สูงศักดิ์อีกน่ะ
หลังจากอะซี่เข้าใจสถานการณ์ ก็กลับมาบอกให้หยวนชิงหลิงรู้ หยวนชิงหลิงหัวเราะแล้ว “เจ้าทึ่มนี่ ในที่สุดก็รู้จักพยายามแล้ว”
คู่นี้ได้เผชิญความยากลำบากมามากมาย อันที่จริงควรได้อยู่ด้วยกันแล้ว
เพียงแค่ เห็นได้ชัดว่าในใจของหยวนหย่งอี้มีเขา แต่ทำไมกลับต้องหลบเลี่ยงเขา?
หยวนชิงหลิงไปคุยความในใจเป็นเพื่อนนาง ในใจของหยวนหย่งอี้ก็อัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก ระบายความทุกข์ระทมต่อหยวนชิงหลิงยกใหญ่ “เขาทำเหมือนข้าเป็นอะไรล่ะ? ไม่ก็ไม่สนใจ เย็นชาจนทำให้หัวใจคนจืดจาง ตอนนี้นึกถึงข้าขึ้นมาแล้ว ก็พยายามวิ่งไล่ตามถึงที่สุด ใครจะรู้ว่าในใจเขาคิดอย่างไร? ชั่ววูบก็เปลี่ยนแปลง ข้าไม่มีเวลาเล่นเป็นเพื่อนเขา”
“ถูกต้อง ควรจะต้องสั่งสอนเขา” หยวนชิงหลิงเออออตามคำพูดนาง “พวกเราสังเกตการณ์ ถ้าหากว่าไม่ใช่ความสนใจชั่วครั้งคราว แต่เป็นการตื่นรู้เข้าใจอย่างซาบซึ้งจริงๆ เช่นนั้นก็ควรให้โอกาสเขาสักครั้ง”
“ไม่คิดเพคะ เหนื่อยเป็นอย่างมาก ตอนนั้นขณะที่ข้ากับลู่หยวนคุยเรื่องการแต่งงาน ยังไม่ได้ตกลงกัน เขาก็มอบของขวัญแสดงความยินดีมาให้ถึงบ้านโดยเฉพาะ อวยพรว่าในที่สุดข้าก็แต่งงานออกไปได้แล้ว ท่านไม่ได้เห็นท่าทางที่ชั่วร้ายของเขาตอนนั้น เหมือนกับว่าข้าตามตื๊อเขาตลอดไม่ยอมปล่อยเช่นนั้น นึกขึ้นมาข้าก็รู้สึกหนาวจับใจ”
หยวนชิงหลิงไม่ค่อยเข้าใจความรักมากนัก แต่ดูคอลัมน์พิเศษเกี่ยวกับความรักในยุคปัจจุบันล้วนบอกว่าเมื่อหัวใจของผู้หญิงเย็นชาแล้ว หันหลังกลับไปก็เป็นไปไม่ค่อยได้แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเช่นนี้หรือไม่ อธิษฐานให้น้องเจ็ดละกัน
หยวนหย่งอี้มาพระที่นั่งแล้ว อ๋องฉีก็เปลี่ยนสนามรบเข้ามา ควบม้ามาฝากท้องที่พระที่นั่งทุกวัน ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
มาพระที่นั่งยังยุ่งยากลำบากยิ่งกว่า เพราะว่าไม่ต้องดูสีหน้าของผู้คนตระกูลหยวนอีก ตระกูลหยวนไม่ได้เป็นมิตรต่อเขามากนัก แม้จะเอาของขวัญไป ก็ยังต้องป้องกันความเป็นไปได้ที่จะถูกไล่ออกจากบ้านอยู่ตลอดเวลา
เขามักจะเกาะติดหยวนหย่งอี้ ภาพลักษณ์ที่เย็นชาเคร่งขรึมก่อนหน้านี้ทันทีที่เปลี่ยนก็แทบจะไร้ยางอายตามตอแยไม่เลิกแล้ว
ทีแรกหยวนชิงหลิงยังอยากเกลี้ยกล่อมเขา ทำแบบนี้จะทำให้หยวนหย่งอี้ไม่พอใจเท่านั้น แต่อ๋องฉีกลับเข้าใจที่จะโต้แย้งนาง ผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจ ความรังเกียจที่เจ้าอ้วนแสดงออกมา ไม่ใช่การรังเกียจจริงๆ เพียงแค่แนวต้านทานในใจยังไม่ได้ลบไป หน้าด้านหน้าทนเช่นนี้นางจะไม่โกรธ เขาไม่หน้าด้านหน้าทนสิถึงจะโกรธ
หยวนชิงหลิงไม่ได้เชื่อมากนัก แต่ว่า มีวันหนึ่งที่อ๋องฉีไม่ได้มาจริงๆ ทั้งคืนนั้นหยวนหย่งอี้ก็นั่งอยู่ไม่สุขกินไม่ลง มองไปทางประตูใหญ่อยู่ตลอด สีหน้ากระวนกระวาย แต่กลับฝืนแสร้งทำท่าทางไม่สนใจมากนักออกมา
วันที่สอง อ๋องฉีก็ยังไม่มา หยวนหย่งอี้ค่อนข้างอดทนไม่ได้แล้ว ขณะที่กินข้าว พูดเบาๆว่า: “ดูสิ ข้าก็บอกแล้วช่วงเวลาหนึ่งเป็นอย่างหนึ่ง ความรวดเร็วในการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ผู้หญิงก็ตามไม่ทัน”
สุดท้ายก็ยังพูดฉอดๆอีกไม่กี่ประโยค “ก็คือกะล่อน ไว้วางใจไม่ได้!”
อะซี่และหยวนชิงหลิงแอบหัวเราะ ตอนนี้ถึงตาพวกนางวางมาดแล้ว ไม่พูดต่อ
แม่นมสี่ได้ยินหยวนหย่งอี้พูดเช่นนี้ จึงกล่าว: “คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกนะเจ้าคะ?”
“จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้? เข้าออกมีคนติดตามเป็นโขยง” หยวนหย่งอี้กล่าวพึมพำ
“นั่นก็พูดเช่นนี้ไม่ได้เจ้าค่ะ หากว่าป่วยแล้ว คนมากเท่าไหร่ติดตามก็ไม่มีประโยชน์ ควรป่วยก็ยังต้องป่วยเจ้าค่ะ” แม่นมสี่เรียกคนเข้ามาเก็บของ ถอนหายใจแล้วกล่าว: “คนนี่นะเป็นเรื่องเด็กเล่นมากๆ ไม่แน่ว่าเวลาใดก็ไม่มีแล้ว ควรเห็นคุณค่าก็จำเป็นต้องเห็นคุณค่า”
หยวนหย่งอี้ถูกนางพูดจนรู้สึกกลัว “คงไม่หรอกมั้ง?”
“ใครจะรู้ล่ะ? มีบางคนนะ พลาดไปแล้วก็คือทั้งชีวิต อย่าเลียนแบบข้าเลย แม่นาง” แม่นมสี่พูดจบจึงออกไปแล้ว
แววตาของหยวนหย่งอี้ค่อนข้างลนลาน มองดูหยวนชิงหลิงและอะซี่ “พวกท่านว่า…….”
“ผู้ชายกะล่อน!” หยวนชิงหลิงและอะซี่จิตใจส่งถึงกัน กล่าวเป็นเสียงเดียวกัน
หยวนหย่งอี้ปิดปากลงด้วยความน้อยใจ
วันที่สามฝนตกหนัก เดิมทีในฤดูใบไม้ผลิก็มีฝนตกมาก แต่ฝนตกหนักครั้งนี้ยังเป็นฝนตกที่หนักมากๆครั้งแรกของปีนี้อีกด้วย
เริ่มตกตั้งแต่ตอนเที่ยง ตลอดจนถึงพลบค่ำก็ยังไม่หยุด ในใจของหยวนหย่งอี้ค่อนข้างร้อนรนแล้ว สภาพอากาศเช่นนี้ชี้แน่ชัดว่ามาไม่ได้แล้ว
เป็นดังคาด ตกดึก ก็ไม่เห็นเขามา หยวนหย่งอี้ไม่ค่อยพอใจ กินข้าวไม่ลงกลับห้องไปอย่างรวดเร็ว
นางมีความโกรธเคืองเล็กน้อย และไม่รู้ว่าโกรธผู้ใด เขามาไม่มา เดิมทีก็ไม่ได้คาดหวัง ทำไมต้องผิดหวังด้วย?
หยวนชิงหลิงและอะซี่ยกข้าวปลาอาหารเข้าบ้าน เห็นนางนั่งพิงอยู่ข้างหน้าต่างอย่างเหม่อลอย อะซี่หัวเราะแล้วกล่าว: “ยังจะดูอีกแน่ะ? คืนนี้ไม่มาเป็นแน่แล้ว กินข้าวเถอะ”
“ใครบอกว่าข้ารอเขา?” หยวนหย่งอี้โมโหเป็นอย่างมาก เพ่งมองอะซี่แวบหนึ่ง
“หากว่าไม่ได้รอเขา สองสามวันมานี่ท่านกระวนกระวายไม่เป็นสุขเพื่อใครกันล่ะ?” อะซี่วางอาหารลง “ต้องการฟังข่าวคราวรึเปล่าล่ะ? แม้ว่าคนจะไม่มา แต่มีข่าวคราวมาแล้ว”
หยวนหย่งอี้เหลือบมองนางแวบหนึ่ง “อยากจะพูดไม่พูดก็ชั่ง”
“ไม่อยากฟัง? เช่นนั้นก็ช่างเถอะ ท่านพี่หยวน พวกเราไปเถอะเพคะ!” อะซี่จึงลุกขึ้นแล้ว
“เจ้า!” หยวนหย่งอี้โกรธเป็นอย่างมาก “เจ้ายัยเด็กนี่ พูดหรือไม่พูด?”