บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 871 เจ้าไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น
ดวงตาหยวนชิงหลิงจมลง พร้อมพูดขึ้นว่า “หากข้าไม่กลับไป ข้ายังสามารถอยู่ต่อได้อีกนานแค่ไหน”
เจ้าอาวาสมองดูศีรษะของนาง แววตาแหลมคม ปรากฏเหมือนดั่งแสงไฟเย็นยะเยือกระยิบระยับ จ้องมองดูอยู่นานประมาณสิบกว่านาที ค่อยพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “สามเดือน”
ภายในใจหยวนชิงหลิง เหมือนโดนอะไรบางอย่างกระแทกอย่างแรง ความตื่นตระหนกเกิดขึ้นจากใจ
“ที่จริงเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลมาก ลูกของเจ้าเป็นตัวประสานของพลังงาน ตัวประสานอยู่ที่นี่ เจ้าจะเลือกกลับมาที่นี่” เจ้าอาวาสพูดปลอบ
“ใครสามารถรับประกันได้ล่ะ?” หยวนชิงหลิงหัวเราะอย่างขมขื่น
“เป็นคนอย่ามองโลกในแง่ร้ายเกินไป บางครั้งขอเพียงเจ้ายินยอม เรื่องราวก็มักจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้” เจ้าอาวาสพูดขึ้นอย่างมีเลศนัย
หยวนชิงหลิงไม่สามารถมองในแง่ดีได้ สามเดือน คิดภาพไม่ออกเลยว่า สภาพที่เมื่อเจ้าห้ากลับมาแล้วก็ไม่เห็นนาง
“เรื่องนี้เจ้าห้ามพูดกับเจ้าห้าแม้เพียงคำเดียว ไม่ช้าเขาก็จะต้องนำทัพไปรบแล้ว จะให้เรื่องของข้าส่งผลกระทบไม่ได้” หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างทุกข์ทรมาน
“ข้าไม่พูด แต่เจ้าก็ไม่ต้องเป็นกังวลมาก เรื่องนี้ไม่เลวร้ายสักนิด สำหรับข้า เรื่องนี้มีวิธีจบที่ดีวิธีหนึ่ง”
หยวนชิงหลิงมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นอย่างสงสัยว่า “อะไรคือวิธีจบที่ดี? เจ้ารู้อะไรแล้วไม่ได้บอกข้าหรือ? เจ้าบอกข้า อย่าให้ข้าต้องเป็นกังวลอยู่คนเดียว”
แววตาเจ้าอาวาสสั่นไหว พร้อมพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้ข้าพูดว่า สิ่งต่างๆอาจจะเปลี่ยนไป ดูว่าเจ้าจะยินยอมหรือไม่ยินยอม”
“เจ้าก็พูดมาสิ” หยวนชิงหลิงโกรธจนกระทืบเท้า
เจ้าอาวาสนิ่งสักพัก ดวงตาฉายแววท่าทีวางแผน พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าสามารถกลับแทนเจ้า ข้าจะฉีดยาเข้าร่างกายของเจ้า แต่ต้องมีสิ่งของแลกเปลี่ยน ข้อมูลทั้งหมดที่เจ้าค้นคว้าวิจัยในภพก่อน รวมถึงความลับพวกนั้น ล้วนต้องให้ข้า”
หยวนชิงหลิงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ากลับไปได้? เมื่อกี้เจ้าพูดว่า พลังของเจ้าไม่ได้เลือกร่างกายที่เหมาะสมสำหรับเจ้าไม่ใช่หรือ?”
“ข้าหมายถึงไม่สามารถเลือกร่างกายที่เหมาะสมในยุคสมัยที่ข้าอยู่ แต่มีในยุคสมัยที่เจ้าอยู่ ชั่วชีวิตของข้าไม่ร้องขอสิ่งใด เพียงแค่อยากขอทำงานวิจัยของข้าต่อ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด หากข้าสามารถกลับไปได้ งั้นสถานะใหม่ของข้าก็คือหัวหน้าสถาบันวิจัยแห่งหนึ่ง ข้ามีหลายอย่างที่ต้องทำ ขอเพียงเจ้าเอาข้อมูลงานวิจัยของเจ้าทั้งหมดให้กับข้า”
เขาถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าเขินอายว่า “ข้ารู้ว่าทำเช่นนี้ เหมือนเป็นการลอกเลียนแบบ แต่ข้าขอรับประกันว่า ผลงานวิจัยที่ข้าได้เผยแพร่ ล้วนลงนามเป็นชื่อของเจ้า”
หยวนชิงหลิงกลับพูดขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ทำไมเจ้ายังจะต้องการทำงานวิจัยของข้าพวกนั้น? เจ้าประสบความสำเร็จยิ่งกว่าข้าแล้ว และเจ้าก็ยังทำยาเพื่อพัฒนาสมองได้ด้วยตัวเอง”
“ผลทดลองทั้งหมดที่ข้าทำวิจัย คนและสัตว์ที่ได้รับการฉีด ล้วนตายทั้งหมด รวมถึงข้าด้วย”
“ข้าก็ตายแล้ว”
เจ้าอาวาสส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ายังจำลิงตัวนั้นได้ไหม? ลิงตายโดยบังเอิญ มันไม่ได้ตายเพราะถูกฉีดยา เจ้ายังจำได้ไหม? ที่จริงเจ้าประสบความสำเร็จแล้ว เพียงแค่เจ้ายังไม่สามารถควบคุมปริมาณยาได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นเจ้าตายอย่างน่าเสียดายมาก แต่คนบนโลกล้วนไม่รู้ว่าเจ้าประสบความสำเร็จแล้ว ข้อมูลที่เจ้าเหลือทิ้งไว้ส่วนใหญ่ ถูกทำลายหรือไม่ก็ถูกล็อกตาย ข้าจึงทำได้เพียงเอามาจากตัวเจ้า”
หยวนชิงหลิงตกใจ เป็นเช่นนี้หรือ?
“เจ้าเชื่อใจข้า ข้าเพียงแค่อยากทำวิจัยต่อ ไม่ได้มีความทะเยอทะยานอย่างมาก เมื่อผลวิจัยออกมาแล้ว ข้าจะรีบกลับมาหาเจ้า และยานี้ก็จะต้องสามารถช่วยเจ้าได้ ถึงตอนนั้นเจ้าอยากกลับไปหรืออยู่ที่นี่ต่อ ล้วนแล้วแต่ตัวเจ้าเอง เป็นอย่างไร?” เจ้าอาวาสพูดรับประกันอีกสามครั้งด้วยใบหน้าแดง
หยวนชิงหลิงหวั่นไหวแล้ว นี่เป็นหัวข้องานวิจัยของนางเอง นางหวังอยากที่จะมีคนสามารถดำเนินการต่อ หากนางประสบความสำเร็จแล้วจริงๆ
แต่หากยาพวกนี้ถูกผลิตออกมา จะก่อให้เกิดความวุ่นวายไหม? นางไม่กล้ารับประกันได้ เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่นางสามารถควบคุมได้ นางไม่ได้อยู่ในยุคสมัยนั้นแล้ว
“ข้าจะอยู่ที่นี่สองสามวัน เจ้าลองคิดดู ถึงตอนนั้นแล้วค่อยให้คำตอบข้า” เจ้าอาวาสรู้สิ่งที่นางเป็นห่วง
หยวนชิงหลิงส่ายหัวอย่างขอไปที ภายในใจสับสนอย่างมากจริงๆ
ตอนกลางคืนหยู่เหวินเห้ากลับมา นางไม่พูดอะไรสักคำ หยู่เหวินเห้าไปถามเจ้าอาวาส เรื่องที่เกี่ยวกับพวกเด็กๆ คำพูดของเจ้าอาวาสเป็นทางการอย่างมาก พูดเหมือนกับหยวนชิงหลิง มีพรสวรรค์
หยู่เหวินเห้าทำได้เพียงยอมรับคำอธิบายนี้ คุยกับเจ้าอาวาสอยู่ในห้องหนังสือกว่าครึ่งชั่วโมง แล้วก็กลับห้อง
หยวนชิงหลิงอ่านหนังสืออยู่ภายใต้แสงไฟ เห็นเขากลับมา จึงลุกขึ้นช่วยเขาถอดเสื้อคลุมออก พร้อมพูดขึ้นว่า “คุยอะไรกับเจ้าอาวาสหรือ?”
“สถานการณ์ปัจจุบัน” หยู่เหวินเห้าหันกลับมาจูบนางหนึ่งที โอบกอดนางไว้ ถอนหายใจเบาพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าหยวน อีกสองวันข้าก็ออกเดินทางแล้ว”
“อืม รู้แล้ว” หยวนชิงหลิงซบแนบบนหน้าอกของเขา ฟังเสียงหัวใจเต้นแรงของเขา
“ข้าจะรีบกลับมา รอข้านะ” หยู่เหวินเห้ากอดนางไว้แน่นอย่างไม่อยากห่างกัน
นางอมยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่รอเจ้า แล้วข้าจะไปที่ไหนได้?”
หยู่เหวินเห้าปล่อยนาง จูงมือของนางมานั่งลง เอื้อมมือลูบเล่นผมของนาง ดวงตาสีอำพันเต็มไปด้วยความรักใคร่ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่อยากห่างจากเจ้าแม้เพียงวันเดียว ไปครั้งนี้อย่างน้อยก็ตั้งสามถึงห้าเดือน”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างปวดใจว่า “สามถึงห้าเดือนผ่านไปไว้มาก รอเจ้าได้ใช้ชนะกลับมา ข้าไปรับเจ้าที่หน้าประตูเมือง”
“ได้ ข้ากลับเมืองหลวงคนแรกที่ข้าอยากเห็นก็คือเจ้า” หยู่เหวินเห้ากดริมฝีปากลง แล้วก็รุกล้ำอย่างเอาแต่ใจ พร้อมทั้งอุ้มไปบนเตียง
ช่วงนี้งานยุ่งอย่างมาก พวกเขาไม่ได้ตื่นเต้นกันขนาดนี้มานาน จนถึงจุดสุดยอด
นัวเนียกันกว่าครึ่งค่อนคืน ไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกเหนื่อยหรือง่วงเลย กลับยังคงอยากที่จะคุยกันอยู่ตลอด
หยวนชิงหลิงนอนซบอกของเขา นิ้วมือม้วนเล่นเส้นผมของเขา พร้อมถามขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “หากเจ้าไปรบกลับมา แล้วไม่เห็นข้า เจ้าจะโกรธไหม?”
“เจ้าจะไปไหน?” เขาดึงมือของนางออก มองดูนางแล้วถามขึ้น
“ไม่ไปไหน แค่พูดสมมุติ” นางหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “คุยกันจนไม่มีอะไรจะคุยแล้ว ก็เลยพูดเรื่องสมมุติบ้าง”
“หากเจ้าไปทำเรื่องที่สมเหตุสมผล ข้าไม่โกรธหรอก แต่จะไปนานไม่ได้ ต้องรีบกลับมา”
“งั้นถ้าต่อไปกลับมาไม่ได้แล้วล่ะ? สมมุติ ข้าเพียงแค่พูดสมมุติ” ริมฝีปากของนางยังแฝงไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เหมือนกำลังพูดล้อเล่นอยู่อย่างทะเล้น
“งั้นข้าก็จะไปตามหาเจ้า” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น
“เจ้าอาจจะตามหาข้าไม่เจอ” นางนอนลง แววตาโศกเศร้า
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ในใต้หล้านี้ ยังมีสถานที่ข้าหาไม่เจอ? เจ้าจะหลบไปอยู่ที่ไหนได้?”
หยวนชิงหลิงเอื้อมมือลูบใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “หากวันหนึ่งข้าไม่อยู่ที่นี่แล้วจริงๆ ข้าหวังว่าเจ้าจะเลี้ยงดูลูกให้เติบใหญ่เป็นอย่างดี รับใช้ประชาชนรับใช้เป่ยถังต่อไป”
หยู่เหวินเห้านอนหนุนแขนทั้งสองข้าง พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ ถึงตอนนั้นไม่มีเจ้าขัดขวางแล้ว ข้าสู่ขอเมียคนหนึ่งสนมคนหนึ่ง ก็มีลูกอีกหลายคน แล้วก็ลืมเจ้าเสียดีไหม?”
หยวนชิงหลิงเจ็บปวดใจ ตาพร่ามัวขึ้นมาทันใด พร้อมพูดขึ้นว่า “ถึงตอนนั้นข้าก็มองไม่เห็นแล้ว เจ้าอยากทำอะไร ข้าก็ทำอะไรไม่ได้”
พูดเสร็จ แล้วก็นอนหันหลังให้กับเขา
หยู่เหวินเห้าหัวเราะขึ้นมา โอบกอดนางจากข้างหลัง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดว่าสมมุติไม่ใช่หรือ? เจ้าพูดขู่ข้า แล้วข้าจะพูดขู่เจ้าบ้างไม่ได้หรือ? เจ้ากล้าไปหรือ? ข้าจะบอกเจ้า ข้าไปรบกลับมา คนแรกที่จะต้องเห็นก็คือเจ้า ต่อให้เจ้ามีธุระสำคัญเท่าฟ้า ก็จะไปไหนไม่ได้ จะต้องอยู่ในเมืองหลวงรอข้ากลับมา”
เขาหันร่างของนางกลับมา พลิกตัวขึ้นทับ แล้วก็จูบอย่างแรงหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นว่า “รู้ไหม?”