บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 876 สถานการณ์เป็นไปในทางที่ดีมาก
แต่หยู่เหวินเห้าคิดว่า ตั้งครรภ์ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีอะไร เพราะการคลอดลูกเท่ากับเป็นการเดินผ่านประตูผี ความตกใจกลัว ตอนที่คลอดแฝดสาม ยังปรากฏอยู่ในฝันเป็นบางครั้ง มักจะตกใจตื่น เหงื่อไหลท่วมตัว
ครั้งนั้น เกือบที่จะสูญเสียเจ้าหยวน
ดังนั้น สุดท้ายเขาจึงพูดเสริมขึ้นประโยคนึงว่า “ไม่คลอดจะดีที่สุด ปลอดภัย”
สวีอีรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ จึงพูดขึ้นว่า “ไม่เหมือนพระชายารัชทายาทในครั้งนั้น เพราะครั้งนั้นพระชายารัชทายาทท้องแฝดสาม คลอดสามคน เก่งขนาดไหน? หากมีเพียงคนเดียว งั้นความอันตรายก็ลดลง ยังไงก็คู่ควรแก่การดีใจ”
หยู่เหวินเห้าโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “เอาเถอะ ยังไงเจ้าหยวนก็ไม่คลอดแล้ว”
“เมื่อท้องแล้วก็ต้องคลอด” แม่ทัพใหญ่ฮู่พูดอยู่ด้านข้าง มีลูกหลานสืบตระกูล นั่นเป็นเรื่องที่เป่ยถังต้องปฏิบัติกันมาเป็นเวลายาวนานกว่าหมื่น ๆ ปี องค์ชายรัชทายาทจะบอกว่าไม่คลอดก็ไม่ต้องคลอดหรือ?
“ถ้าไม่ท้องก็คลอดไม่ได้ไง” หยู่เหวิ
แม่ทัพใหญ่ฮู่หัวเราะขึ้นมา สายตาจับจ้องมองดูหยู่เหวินเห้าอย่างอบอุ่น พร้อมพูดขึ้นว่า “นอกจากไม่แตะต้อง ไม่เช่นนั้นยังไงก็มีโอกาสตั้งครรภ์”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างค่อนข้างภาคภูมิใจว่า “นั่นเป็นเพราะว่าพวกเจ้าไม่รู้วิธี”
“ดื่มยาน้ำคุมกำเนิดหรือ? ของสิ่งนี้ดื่มเยอะ จะส่งผลกระทบต่อร่างกาย” แม่ทัพใหญ่ฮู่พูดขึ้น
หยู่เหวินเห้าโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ยังไงพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจ”
หยู่เหวิยเทียนที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า “พี่ห้า ถ้าพี่สะใภ้ห้าสามารถคลอดผู้หญิงได้อีกคน เจ้าก็ไม่ชอบหรือ?”
“เด็กผู้หญิง?” ในหัวสมองของหยู่เหวินเห้าคิดถึงภาพ สาวน้อยแสนสวยสะอาดอ่อนโยน ดวงตากลมโต ผิวขางผ่อง ปากจิ้มลิ้ม น่ารักน่าเอ็นดู หัวใจหวั่นไหวยิ่งนัก แต่แล้วก็โบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ผู้หญิงดี แต่คลอดลูกยังไงก็มีความอันตราย ไม่เอาไม่เอา”
แม่ทัพทั้งหมดต่างพูดถึงการมีลูกขึ้นมา แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า สถานการณ์การสู้รบไม่ตื่นเต้นเลย ที่อยู่ด้วยกันนอกจากหยู่เหวิยเทียนแล้ว คนอื่นต่างก็ไม่ใช่เป็นการมาออกรบครั้งแรก เรียกได้ว่าผ่านการต่อสู้มามากมาย แต่การสู้รบอย่างล้อเล่นแบบนี้ ยังไม่เคยพบเจอมาก่อน
หากท่านชายหงเย่ต้องการแก้แค้นจริง งั้นคนคนนี้น่ากลัวอย่างมาก ที่ใช้ประเทศหนึ่งประเทศเป็นข้อแลกเปลี่ยน เป็นการกระทำที่บ้าคลั่งขนาดไหน?
คนคนนี้จะล่วงเกินไม่ได้
วันที่สิบแปดเดือนห้า แคว้นต้าโจวเฉินจิ้งถิงกับแคว้นต้าเยว่ตกลงทำความร่วมมือกัน แคว้นต้าโจวเดินทางผ่านแคว้นต้าเยว่ไปยังประเทศซู่อย่างเป็นทางการ เงื่อนไขข้อตกลงคือ เฉินจิ้งถิงต้องรับประกันความปลอดภัยของตัวประกันแคว้นต้าเยว่ที่อยู่ประเทศซู่ ถูกช่วยออกมาได้อย่างราบรื่น ยังมีเมืองสองเมืองที่ประเทศซู่ยึดไป เอาคืนกลับมา แล้วก็ยกเมืองสามเมืองใกล้เคียงที่มีข้อพิพาทกันให้กับแคว้นต้าเยว่ เพียงแค่แคว้นต้าเยว่ยินยอมให้ผ่านทาง ไม่ต้องส่งทหารสนับสนุน
หลังจากตกลงเงื่อนไขกันเสร็จ เฉินจิ้งถิงพาคนมาเจอกับหยู่เหวินเห้าที่เมืองเม่าด้วยตนเอง ปรึกษาหารือเรื่องจู่โจมสู้รบ
ทั้งสองคนตื่นเต้นกับการได้เจอกันอย่างมาก คุยกันอยู่ในกระโจมตลอดทั้งคืน หยู่เหวินเห้าฟังเรื่องของเขาเสร็จแล้ว รู้ว่าเขาได้ลูกชายคนหนึ่งชื่อต้าโถว ฉลาดอย่างมาก เขาก็พูดถึงเรื่องลูกชายทั้งสามคนของตนเอง ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยคุยตกลงกันไว้ หากได้ลูกชาย ก็จะให้รับเป็นพี่น้องกัน เป็นดองกันไม่ได้ น่าเสียดายอย่างมาก แต่เฉินจิ้งถิงพูดว่าจะพยายามอีก พยายามให้ได้ลูกสาวหนึ่งคน แล้วแต่งงานเป็นภรรยาของขนมหวานคนไหนก็ได้
ตลอดทั้งคืน เขียนแผนที่แน่นอนออกมา คาดการณ์ความเป็นไปได้อยู่หลายแบบ ส่วนความจริงแล้ว ตอนนี้ฮ่องเต้ซู่สามารถใช้แผนการได้อย่างไม่มากแล้ว ทำได้เพียงสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก่อนที่จะมีการเริ่มสู้รบ เขาจะไม่ฆ่าตัวประกัน เพราะฉะนั้น จะต้องช่วยเหลือตัวประกันออกมาก่อนที่จะมีการเริ่มสู้รบ
นี่กลายเป็นส่วนที่สำคัญ และอันตรายที่สุดของการต่อสู้ทั้งหมด
แม้ว่าภารกิจจะยากมากแค่ไหน แต่ดีที่มีสายลับอยู่ภายในเมืองประเทศซู่ ลู่หยวนจอหงวนฝ่ายบู๊ ได้ตั้งหลักอยู่ในประเทศซู่อย่างมั่นคงแล้ว ในฐานะที่เป็นคนถูกเป่ยถังทอดทิ้ง เขาจึงเป็นคนที่ได้รับข่าวประเทศซู่ง่ายมาก
ภารกิจหลักของการช่วยเหลือ ตกอยู่ที่ลู่หยวน
ลู่หยวนได้ติดต่อกับพี่ซูหลง รอเพียงโอกาสที่เหมาะสม ด้านนอกด้านในตีขนาบประสานกัน ช่วยเหลือคนทั้งหมดออกมา และที่ยากที่สุด ไม่ใช่การช่วยออกมา แต่เป็นหลังจากช่วยออกมาแล้วหลบหนีจากทหารไล่ตาม ย้ายหนีอย่างรวดเร็ว
ลู่หยวนก็ได้วางแผนกำหนดเส้นทางวิ่งหนี และได้ขอความเห็นชอบจากหยู่เหวินเห้าแล้ว ถึงตอนนั้นหลังจากช่วยเหลือออกมาแล้ว ขอบเขตในวงกว้างย้ายหนีมุ่งหน้าไปทางเมืองเม่า ตรงไปสมทบกับหยู่เหวินเห้าที่อยู่เมืองเม่า
ส่วนลู่หยวนก็ได้สืบรู้ข่าวมาใหม่ที่สุดว่า ฮ่องเต้ซู่กำลังรอสถานการณ์พลิกกลับอยู่ตลอด หากรแล้วไม่เป็นผล ก็จะเปิดศึกอย่างเป็นตายในวันที่สิบแปดเดือนห้า
แสดงว่า จะต้องช่วยคนทั้งหมดออกมาก่อนวันที่สิบแปดเดือนห้า เวลาค่อนข้างมีจำกัด และคำสั่งขององค์ชายรัชทายาทคือ ต้องช่วยตัวประกันคนของแคว้นต้าเยว่ออกมาด้วย ทางด้านกำลังคน จริงแลดูค่อนข้างคับขัน
ในขณะที่ลู่หยวนกำลังคิดหนัก ท่านชายสี่เหลิ่งเจ้าสำนักเหลิ่งหลังมาหาถึงที่ มองเห็นท่านชายสี่เหลิ่ง ลู่หยวนค่อยโล่งออก
“ท่านชายสี่ ท่านช่างมาได้ทันเวลาพอดี ขอบคุณในความช่วยเหลืออย่างเป็นธรรม” ลู่หยวนแลดูค่อนข้างตื่นเต้น
สายตาท่านชายสี่เหลิ่งยังนิ่งเหมือนน้ำ พร้อมพูดขึ้นว่า “ครอบครัวเดียวกัน จะพูดขอบคุณทำไม?”
ลู่หยวนอึ้ง ครอบครัวเดียวกัน? ท่านชายสี่เป็นคนในครอบครัวของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?
“รัชทายาทรองเป็นพี่เขยของข้า” ท่านชายสี่พูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
“…….” ใช่ ลู่หยวนมองดูเขา ไม่รู้ว่าทำไม ท่าทีอิสรภาพของท่านชายสี่นั้น มักจะทำให้ลืมไปว่าเขาแต่งงานแล้ว และยังแต่งงานกับเจ้าหญิงในราชวงศ์ปัจจุบันด้วย ลู่หยวนคิดว่า คนที่เหมือนดั่งเทพเช่นนี้ คนที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปจนแก่
สถานการณ์ภายในเมืองหลวงก็ยังไม่ค่อยสงบสุข หลังจากหยู่เหวินเห้าออกไปรบ อ๋องอานกับตี๋เว่ยหมิง แอบสร้างความสัมพันธ์กับเหล่าขุนนางพ่อค้าอย่างรวดเร็ว เสริมสร้างอำนาจความเข้มแข็งภายนอก
เหล่าขุนนางในเมืองหลวง ส่วนใหญ่แล้วอยู่ฝั่งองค์ชายรัชทายาท เห็นว่าเขาเป็นคนที่เหมาะสม ดังนั้นนอกจากตอนนี้ยังเหลือคนบางส่วนอยู่บ้างแล้ว อ๋องอานรู้ว่าสร้างสัมพันธ์ไม่ได้
แต่ทางด้านจูกั๋วกง เขายังคงไม่อยากปล่อย
จูกั๋วกงเป็นพ่อตาของตี๋เว่ยหมิง ยังไงก็มีความสัมพันธ์เป็นญาติพี่น้องกัน และความบาดหมางระหว่างจูกั๋วกงกับเซียวเหยากง ที่จริงไม่นับว่าปล่อยวางกันได้แล้ว อำนาจของเขาค่อนข้างใหญ่โต หากสามารถทำให้เขามาเป็นพวกเดียวกันได้ ก็จะสามารถทำให้ตำแหน่งของตนเองในเมืองหลวงนั้นมั่นคง
เพียงแต่ ความสัมพันธุ์ระหว่างพ่อตากับลูกเขยตี๋เว่ยหมิงกับจูกั๋วกง ไม่ค่อยจะดี ไปตีสนิทจูกั๋วกงผ่านตี๋เว่ยหมิงไม่ได้ อ๋องอานเองก็ไม่สะดวกที่จะออกหน้า จึงได้ให้พระชายาอาน ไปมาหาสู่คนในจวนจูกั๋วกงบ่อยๆ
พระชายาอานนิสัยดี ฮูหยินจูกั๋วกงชอบใจอย่างมาก บวกกับฮูหยินจูกั๋วกงตั้งแต่หลังจากหยวนชิงหลิงช่วยรักษาโรคนิ่วในไตให้กับนาง ไปมาหาสู่กันบ้าง ความสัมพันธ์ระหว่างหยวนชิงหลิงกับพระชายาอานก็ไม่เลว ดังนั้นการไปมาหาสู่กันจึงมีบ่อยขึ้น
ช่วงนี้หยวนชิงหลิงออกจากบ้านน้อยครั้งมาก เจ้าห้าทำศึกอยู่ข้างนอก ตัวนางเองจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวัง พยายามที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอะไร จะได้ไม่ถูกคนอื่นนำไปกระทำในทางไม่ดี จู่โจมอย่างเต็มที่
บวกกับอาการอาเจียนแพ้ท้องก็เริ่มเป็นขึ้น นางเองก็มึนง่วนทั้งวัน ไปที่ไหนไม่ได้ นอกจากอ๋องฉี ที่มักเรียกนางไปอยู่เป็นเพื่อนหยวนหย่งอี้ แม้แต่ในวังนางก็ไปน้อยครั้งมาก
อ๋องฉีไม่รู้ว่าหยวนชิงหลิงก็ตั้งครรภ์แล้ว ดังนั้นไม่เห็นนางมาที่จวนสองสามวัน ก็จะส่งคนมาเชิญ นี่จะโทษอ๋องฉีไม่ได้ เพราะเดิมหยวนหย่งอี้ก็เป็นคนฝึกฝีมือการต่อสู้ ตามหลักแล้วสุขภาพร่างกายดีอย่างมาก แต่หลังจากตั้งครรภ์แล้ว ก็มีอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง ทานไม่ลง อาเจียนอย่างหนัก เหมือนกับหยวนชิงหลิง มึงง่วงอยู่ทั้งวัน ตั้งครรภ์สามเดือน คนก็ผอมซูบลงไปเลย เกือบเหลือเพียงผิวหนังกระดูกเท่านั้น อ๋องฉีจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?