บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 889 ช่วยชีวิตก่อน
ค่ำหน่อยอ๋องฉี อ๋องหวยและอ๋องซุนก็มาพร้อมกับพระชายาทั้งสาม บอกเล่ารายละเอียดเรื่องที่เกิดในวันนั้นกับหยู่เหวินเห้า
พระชายาซุนร้องไห้ไม่หยุด บอกว่าผิดต่อหยู่เหวินเห้า ส่วนหรงเยว่ก็พูดปลอบอยู่ข้างๆ แต่นางก็ยังเสียใจสุดแสน
“หรือก็หมายถึง ถึงตอนนั้นเขาจะไม่ได้ลงมือกับเจ้าหยวน แต่หลังจากจบงานเลี้ยงเขาก็คิดจะจับเจ้าหยวนไปบีบคั้นถามเรื่องแผนที่ทางการทหาร เป็นอย่างนี้ใช่ไหม?” หยู่เหวินเห้ายังอยู่ในภาวะตื่นตระหนก เมื่อฟังทุกคนเล่าความแล้วก็สรุป
อ๋องฉีพยักหน้า “ตอนนี้ก็ได้แต่คาดเดาแบบนี้”
หยู่เหวินเห้ากรอกนัยน์ตาเล็กน้อย แล้วเอ่ยเสียงเบา “ได้!”
คืนวันนี้จวนอ๋องฉู่ได้มีสองคำสั่งสอง
คำสั่งแรก ก็คือให้ทหารของกรมการพระนครและทหารของจวนอ๋องฉู่ไปตามกุมตัวหยู่เหวินอานมา
คำสั่งที่สอง ก็คือมุ่งโจมตีคนที่ใกล้ชิดกับตระกูลตี๋และอ๋องอาน เขามีรายชื่ออยู่ในมืออยู่แล้ว บัดนี้รายชื่อเหล่านี้ก็ถึงเวลาได้ใช้สักที
และเพราะมีคำสั่งออกไป เรื่องที่เขากลับเมืองหลวงมาแล้วจึงไม่อาจปกปิดได้อีก ดังนั้นเขาจึงเข้าวังเสียเลย
กับเรื่องที่หยู่เหวินเห้ากลับมาก่อน ฮ่องเต้หมิงหยวนก็รู้เรื่องแล้ว หากจะพูดกันจริงๆ ก็ไม่ใช่ความลับอะไร ดังนั้นเขาจึงไม่ลงโทษผู้ชนะศึก
ทั้งจวนอ๋องฉู่ยังเกิดเรื่องนั้นเป็น สิ่งที่สะเทือนใจเขาอย่างหนัก
แต่ที่หยู่เหวินเห้าพูดตามตรงว่าจะไม่ละเว้นหยู่เหวินอาน ก็ทำให้ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่สบายใจ
ทว่าเมื่อเห็นลูกชายโกรธแค้นเสียใจอย่างนี้ กอปรกับนึกถึงทุกสิ่งที่หยวนชิงหลิงเจอมา เขาก็อดสงสารปวดใจไม่ได้ “เขาออกเมืองหลวงไปแล้ว เจ้าจะละเว้นเขาหรือไม่ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ได้แต่รอการสอบสวน หรือไม่ก็รอจนกว่าพระชายารัชทายาทฟื้น ทุกอย่างถึงจะกระจ่าง”
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้าด้วยดวงตาที่แดง “หม่อมฉันส่งคนไปตามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ต้องจับตัวเขากลับมาให้ได้ ที่หม่อมฉันทูลเสด็จพ่อ ก็หวังว่าจะไม่ขัดขวางหม่อมฉัน”
ฮ่องเต้หมิงหยวนขมวดคิ้ว “เจ้าห้า ข้าจะจัดการเอง เจ้าไม่ต้องส่งคนไป ยังไงก็ต้องคืนความเป็นธรรมให้เจ้าแน่”
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้าขัดขืน “เสด็จพ่อ แต่ไหนมาหม่อมฉันกับเจ้าหยวนก็ไม่เคยได้รับความเป็นธรรม สามสี่ปีมานี้พวกเราถูกลอบวางแผน ใส่ร้าย เจอกับเคราะห์เป็นตายมาหลายครั้ง ทุกครั้งก็เห็นแก่ส่วนรวมถึงยอมอดกลั้น ยอมถอยเพื่อความสงบสุข แต่สุดท้ายเป็นยังไง? ท่านก็คิดเสียว่าครั้งนี้หม่อมฉันเอาแต่ใจแล้วกันพ่ะย่ะค่ะ การไม่เอาแต่ใจ ก็คือแม้แต่ชายา
ตัวเองก็ยังคุ้มครองไม่ได้!”
คำพูดนี้เสียดแทงเข้าที่อกฮ่องเต้หมิงหยวน เห็นลูกเจ็บปวดถูกรังแกแล้ว เขาก็อึกอัก แม้มีคำพูดมากมายในอกแต่กลับพูดไม่ออกสักคำ
เขารู้ความมาตลอด แต่การรู้ความก็คือต้องรับกับความอยุติธรรม ไม่เอาถือสา ตัดพ้อก็ไม่ได้ ได้แต่ทุ่มเท แม้ต้องเจ็บปวดก็ยังต้องทำ
แต่…ถึงจะโหดร้ายอย่างไร ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ยังต้องตัดใจ “ไม่ว่าเจ้าจะยอมหรือไม่ ยังไงเรื่องนี้ก็มีข้อสรุป มีแผนอยู่แล้ว เจ้าห้า เจ้าฟังนะ นี่เป็นการขอร้องครั้งสุดท้ายของข้า ต่อไปเจ้าจะทำอะไรข้าจะไม่สอดแทรก ไม่ถามให้มากความอีกเด็ดขาด”
หยู่เหวินเห้าตาแดง “ไม่พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ ครั้งนี้โปรดให้หม่อมฉันทำตามใจซักครั้งเถอะ ต่อไปท่านพูดอะไรหม่อมฉันจะไม่ฝ่าฝืนอีก”
เมื่อนั้นสองพ่อลูกก็อยู่ในความตึงเครียด
ฮ่องเต้หมิงหยวนเริ่มเคือง “เจ้าห้า นี่เจ้าจะบีบคั้นมากไปแล้วนะ เจ้าจะเอาแต่ใจเอาชีวิตลูกข้าหรือ?”
“ฉะนั้นในใจท่าน ลูกคนอื่นล้วนสำคัญกว่าหม่อมฉัน!” หยู่เหวินเห้าเคียดแค้นอย่างหนัก กี่ครั้งกี่หนแล้ว? เขาอดทนมากี่ครั้งแล้ว? แต่เคยได้รับความเป็นธรรมสักกึ่งก้อยหรือ?
“บังอาจ!” ฮ่องเต้หมิงหยวนหน้าดุ “เจ้าเป็นถึงรัชทายาท เพื่อบ้านเมืองแล้วได้รับความลำบากก็เป็นเรื่องสมควร เจ้าจะเห็นแก่ความรักชายหญิงไม่ได้ อย่าว่าแต่ตอนนี้พระชายารัชทายาทจะถูกเจ้าสี่ทำร้ายจริงหรือไม่เลย ถึงจะจริง เพื่อส่วนรวมแล้วเจ้าก็ต้องทน นี่เป็นหน้าที่ของเจ้า เจ้าเป็นรัชทายาท ภายใต้ลาภยศสรรเสริญนั้นย่อมมีความลำบากอยู่ จะตัดพ้อหรือแค้นเคืองก็ไม่ได้!”
หยู่เหวินเห้าได้ฟังดังนั้นแล้วก็เจ็บใจจนหัวเราะ “หม่อมฉันไม่ทน ก็ไม่คู่ควรเป็นรัชทายาทใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
“หุบปาก!” ความโกรธในดวงตาฮ่องเต้หมิงหยวนค่อยๆ เพิ่มทวีขึ้น “ดูท่าวันนี้เจ้าอารมณ์ไม่นิ่ง ข้าจะเห็นแก่ที่เสียใจเรื่องพระชายารัชทายาทไม่เอาความ หากยังพูดจาเลอะเลือนอีก ข้าจะลงโทษเจ้า!”
หยู่เหวินเห้ามองเขา ความเสียใจโกรธแค้นเต็มทรวง ขึงหน้าจนม่วง พูดด้วยโทสะ “หม่อมฉันพูดแค่สองคำก็จะลงโทษ เขาทำร้ายหม่อมฉันตั้งหลายครั้ง สมคบพรรคพวกคิดกบฏ ตอนนี้ยังทำร้ายชายาของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันต้องอดทนยอมให้เขา เสด็จพ่อ ท่านลำเอียงจนน่าผิดหวังนัก”
ฮ่องเต้หมิงหยวนตบโต๊ะ “หุบปากเลยนะ! ตอนนี้ที่เจ้าต้องทำก่อนก็คือหาวิธีช่วยพระชายารัชทายาทของเจ้า ไม่ใช่การแก้แค้นเอาความ ไสหัวไปซะ!”
หยู่เหวินเห้าเงยหน้าขึ้นมองเขาแบบไม่ยอมรับฟัง ถอยไปสองก้าว ความคับแค้นในอกแสดงออกมาอยู่บนสีหน้า ครั้นแล้วก็หมุนตัวเดินจากไป
มู่หรูกงกงตกใจหนัก รีบตามออกไป
“พระองค์ โปรดรอก่อนพ่ะย่ะค่ะ!” มู่หรูกงกงเข้าขวาง ปาดเหงื่อบนหน้าผาก
หยู่เหวินเห้าไม่อาจสงบจิตใจได้ มองมู่หรูกงกงแล้วก็พูด “ท่านกงกงไม่ต้องพูดอีก ข้ารู้แก่ใจดี”
มู่หรูกงกงเห็นท่าทางมุทะลุของเขาแล้วก็รู้ว่าพูดด้วยเหตุผลไม่ได้ ดังนั้นจึงถอนหายใจแล้วเอ่ย “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยแค่อยากบอกพระองค์ว่าไท่ซ่างหวงกลับวังมาแล้ว เสียใจกับเรื่องพระชายารัชทายาทมาก ท่านไปปลอบใจซักหน่อยเถอะ”
หยู่เหวินเห้าปวดใจ เบนหน้าออก
เมื่อมู่หรูกงกงเห็นเขาเป็นแบบนี้แล้วก็หนักใจมาก เขาจึงเอ่ยเสียงเบา “ฝ่าบาทไม่ทรงบรรทมมาสองวันแล้ว ทรงใส่ใจพระชายารัชทายาทมากนะพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากไท่ซ่างหวงกลับวังมา สภาพการณ์ก็ไม่ค่อยดี เขากลับไปสูบถุงเป๋ายาอีก กลางคืนก็ไอไม่หยุด หายใจไม่ออก นอนก็ไม่หลับ แต่ครั้งนี้กลับไม่มีคนเฝ้าอยู่ข้างเตียงจนถึงเช้าสูดออกซิเจน พ่นยา ดูแลเอาใจใส่ พูดเรื่องตลกให้เขาอารมณ์ดี คลอเพลงกล่อมเขาหลับ
มีแต่ฉางกงกงที่เฒ่าชราอ่อนล้าเหมือนกัน กับฝูเป่าที่ไร้ชีวิตชีวา ทั้งตำหนักฉินคุนมีแต่กลิ่นอายแห่งความเงียบเหงา ยิ่งกว่าจวนอ๋องฉู่
หยู่เหวินเห้าเดินเข้าตำหนัก ไม่ให้คนตะโกนขานตั้งแต่อยู่ข้างนอก เข้ามาด้วยความเงียบ
เมื่อเห็นเขาแล้ว ดวงตาไท่ซ่างหวงก็ดูมีแววขึ้น แต่จากนั้นก็ดับวูบลงไปอีก
หยู่เหวินเห้านั่งอยู่ข้างเตียง สองทวดหลานต่างเงียบอยู่นาน
“ทะเลาะกับเสด็จพ่อเจ้ามาหรือ?” สุดท้ายไท่ซ่างหวงก็เอ่ยปากก่อน
“ท่านมองออกแล้วเหรอพ่ะย่ะค่ะ?” หยู่เหวินเห้าฝืนเค้นรอยยิ้มเจ็บปวด หลอมรวมกับความอ่อนล้าบนใบหน้า ความเปล่าเปลี่ยวที่เผชิญอุปสรรคทำให้ไท่ซ่างหวงรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย
“ดวงตาเจ้าเก็บไม่อยู่” ไท่ซ่างหวงคลำหาถุงยาสูบที่ข้างเตียง เมื่อหยิบขึ้นมาแล้วก็ชะงัก กล่าว “แต่…องครักษ์ลับผีรายงานว่าตอนนั้นหยู่เหวินอานไม่ได้ลงมือจริง”
หยู่เหวินเห้าใช้สองมือลูบใบหน้า น้ำเสียงเต็มไปด้วยความทรมาน “หม่อมฉันไม่ได้อยากเถียงเสด็จพ่อ หม่อมฉันก็แค่…ไม่รู้ว่าจะทำอะไรเพื่อนางดีพ่ะย่ะค่ะ”
“จับเขากลับมาแล้วจะยังไง? จะฆ่าเขาจริงหรือ?” ไท่ซ่างหวงกล่าว
“พ่ะย่ะค่ะ!” เพลิงโทสะลุกพือในดวงตาหยู่เหวินเห้า “ในเมื่อองครักษ์ลับผีก็รายงานแล้ว เช่นนั้นท่านก็น่าจะรู้ที่เขาเตรียมรถม้าจะลักพาตัวเจ้าหยวน”
“ความเอ็นดูของเสด็จทวดที่มีต่อหยวนชิงหลิงไม่แพ้เจ้า เพื่อแก้แค้นให้นางเสด็จทวดไม่ใจอ่อนให้หรอก แต่นี่ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้ ที่สำคัญที่สุดก็คือเจ้าต้องหาทางทำให้นางฟื้น ไม่ว่าเจ้าสี่จะลักพาตัวนางหรือจะมีแผนอื่นหรือไม่ ก็อยู่ที่ความทะเยอทะยานของเขา หากเจ้าฆ่าเขาตอนนี้ แล้วเขาจะยอมรามือไม่กลัวความตายงั้นหรือ? หากเจ้าลงมือ ภายในก็จะวุ่นวาย เจ้าจะให้หยวนชิงหลิงแบกรับกับความผิดนี้หรือ? อิทธิพลของเขาในตอนนี้แม้แต่เสด็จพ่อเจ้าก็ยังไม่แน่ชัด ถ้าบีบคั้นเขาเกินไป ต่างฝ่ายต่างไม่อยู่สุข เจ้าเคยคิดหรือว่ากำลังพลแสนนายของหงเย่ทางนั้นไปไหน?”
นัยน์ตาพร่ามัวของไท่ซ่างหวงเจือความจนใจ “อีกอย่างเสด็จพ่อของเจ้าก็ยังตั้งความหวังกับเขาอยู่ ก็เหมือนกับหยู่เหวินจุนอย่างนั้น แต่น่าเสียดายที่ต้องผิดหวังร่ำไป”