บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 894 สามารถพบหน้าได้สักครั้งก็ดีมากแล้ว
ข้าวเหนียวคิดถึงชานมแก้วนั้นที่ยังดื่มไม่หมด หอบหมอนออกไป “ข้าไปหาเสด็จทวด เสด็จทวดเล่านิทานกล่อมให้นอนได้”
“ดึกขนาดนี้แล้ว ห้ามไป!” หยู่เหวินเห้าตะโกนห้าม
ข้าวเหนียวหอบหมอนกลับมา “ท่านพ่อดุเกินไป เช่นนั้นก็ไม่นอนแล้ว”
หยู่เหวินเห้าไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่าข้าวเหนียวที่ว่านอนสอนง่ายมาโดยตลอดจะรู้จักข่มขู่คนอย่างคาดไม่ถึง นี่คือการสูญสลายของความหวังมากเพียงใดกัน
อดกลั้นความโกรธ รอแม่ของเจ้าฟื้นแล้วมาดูว่าเจ้าจะกลายเป็นข้าวโพดคั่วหรือไม่ เขาพยายามฝืนบีบรอยยิ้มที่แข็งทื่อออกมา “พ่อผิดไปแล้ว เจ้าไป ไปเถอะ ไปหาเสด็จทวดเล่านิทาน”
ข้าวเหนียวแสยะปาก เผยให้เห็นฟันน้อยๆที่ยื่นออกมาสองซี่ หอบหมอนกระโดดโลดเต้นออกไปแล้ว
มองดูข้าวเหนียวที่ได้รับความรักความเอ็นดูอย่างมากมาย ซาลาเปาและทังหยวนก็จ้องมองไม่ขยับจิตใจก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่ยินยอม
“มองอะไรกัน? พวกใช้การไม่ได้ รู้จักแต่กิน!” หยู่เหวินเห้าจ้องมองพวกเขาอย่างดุดันแวบหนึ่ง หมุนตัวแล้วออกไป
ซาลาเปาและทังหยวนคอตกด้วยความโศกเศร้าในพริบตา ลูกชิ้นก็ไม่กล้ากินแล้ว ปีนขึ้นเตียงไปนอน
เมืองก่วง
ศาสตราจารย์หยวนพวกเขารอมาตลอดจนถึงตีหนึ่งกว่า ในที่สุดก็เห็นเด็กคนนั้นค่อยๆตื่นขึ้นมาแล้ว
“ตื่นแล้ว ตื่นแล้ว” พี่ชายของหยวนชิงหลิงหันกลับไปร้องเรียกเสียงหนึ่ง จากนั้นมือใหญ่ๆก็ยื่นไปจับที่คอเสื้อของเด็กน้อยทันที แกล้งตั้งใจพูดด้วยความดุร้าย: “พูด ใครพาเธอมา?”
เด็กน้อยขยี้ตา ค่อนข้างงงงัน จากนั้นก็กะพริบตาทันที กลอกตามองไปรอบๆ พริบตานั้นก็กระโดดด้วยความดีใจทันที “ข้ามาแล้ว ข้ามาแล้ว ข้าบอกแล้วไง พวกเราคือแฝดสาม ข้าวเหนียวเหมาะสมข้าก็เหมาะสม”
ศาสตราจารย์หยวนงุนงงแล้ว “เธอ……ข้าวเหนียว?”
เด็กน้อยกอดขาของศาสตราจารย์หยวนทันที เงยหน้าขึ้นดวงตาเปล่งประกายราวกับหินออบซิเดียน “คุณตา คุณตา ข้าคือซาลาเปา ข้าไม่ใช่ข้าวเหนียว ข้าแย่งได้แล้ว ข้าแย่งได้แล้ว”
เขาพูดจบ ก็ผละจากศาสตราจารย์หยวน วิ่งกลับไปกลับมาที่โต๊ะหาของกินสองสามครั้ง ดีอกดีใจจนปากแทบจะฉีกแล้ว
ศาสตราจารย์หยวนปากสั่นครู่หนึ่ง มองดูแม่และพี่ชายของหยวนชิงหลิง “นี่……นี่เกิดอะไรขึ้น? ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าชื่อข้าวเหนียว หยู่เหวินเหอ”
แม่ของหยวนชิงหลิงมองด้วยความตกตะลึงสองสามครั้ง จากนั้นเดินไปข้างกายเขากระซิบเบาๆ: “เด็กเล็กขนาดนี้ คงจะแบ่งแยกบุคลิกภาพหลายบุคลิกของมนุษย์ไม่เป็นหรอกนะ?”
“นี่……” ศาสตราจารย์หยวนลังเลครู่หนึ่ง “ไม่งั้นก็แจ้งความเถอะ!”
“คุณตา!” ซาลาเปาดื่มชานมไป ก็นึกถึงที่ท่านพ่อกำชับขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน “ท่านพ่อดีต่อท่านแม่เป็นอย่างมาก ไม่ใช่ว่าท่านพ่อตีคนตายมากมาย เขาทำสงครามฆ่าศัตรู ศัตรูตายแล้วเขาจึงจะมีชีวิตได้ ท่านพ่อของข้าเป็นรัชทายาท”
คำพูดนี้พูดจนสองสามีภรรยาประหลาดใจเป็นที่สุด พี่ชายของหยวนชิงหลิงทำท่ายกหมัดขึ้นมา “เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรโกหก พูดมา ใครสอนให้เธอพูดคำเหล่านี้? ไม่เช่นนั้นฉันจะตีเธอ”
“คุณลุง ข้าไม่ได้โกหก ท่านพ่อพูดเช่นนี้” ซาลาเปากอดชานมแล้วหลบไปอีกทาง เห็นรูปของหยวนชิงหลิงบนกำแพง ดวงตาของเขาก็แดงในพริบตา ปากแบะ แม้แต่ชานมก็ไม่ดื่มแล้ว “ข้าคิดถึงท่านแม่แล้ว”
ในดวงตาโตๆ แดงขึ้นมาทันใด น้ำตาก็เต็มล้นในตาแล้ว เป็นความน่าสงสารความปวดใจที่บรรยายออกมาไม่ได้ แม่ของหยวนชิงหลิงเป็นคนใจอ่อน เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็รีบผลักพี่ชายของหยวนชิงหลิงออกไป กล่าวกับซาลาเปาด้วยความอ่อนโยน: “คิดถึงแม่แล้วสินะ? แม่ไปไหนแล้ว? เธอบอกยายมาซิ ยายสามารถพาเธอไปหาแม่ได้”
น้ำตาแวววับของซาลาเปาไหลลงมาผ่านบนใบหน้าน้อยๆ น้อยใจเสียใจ “ท่านแม่หลับไปแล้ว เรียกให้เจ้าอาวาสกลับมาฉีดยา แต่ก็ไม่ได้ฉีดยา ท่านพ่อให้พวกเรามาหาเจ้าอาวาส ถามว่าท่านแม่จะสามารถฉีดยาได้เวลาใด ฉีดยาแล้วท่านแม่ก็จะตื่นแล้ว”
“ฟางจาง? ฟางจางเป็นใคร?” แม่ของหยวนชิงหลิงตะลึงครู่หนึ่ง “ท่านแม่ต้องฉีดยาเพราะว่าป่วยแล้วเหรอ?”
“ท่านแม่ตั้งครรภ์น้องสาวแล้วนอนหลับไป ในสมองไม่มีสิ่งของที่เปล่งแสงได้ เจ้าอาวาสให้นางนอนหลับ รอค้นคว้าวิจัยออกมาว่าสามารถฉีดยาได้ก็สามารถฟื้นได้แล้ว”
มือน้อยๆของซาลาเปาเกาะที่คอแม่ของหยวนชิงหลิง น้ำเสียงอ่อนนุ่มและหวาดกลัว “คุณยาย ข้ากลัวว่าท่านแม่จะไม่กลับมาแล้ว”
แม่ของหยวนชิงหลิงได้ฟังคำนี้แล้วในใจเป็นทุกข์ถึงขีดสุด นางก็เคยสูญเสียคนที่ใกล้ชิดที่สุดไป แม่ลูกจิตใจเชื่อมถึงกัน เด็กคนนี้ยังเล็กขนาดนั้น……ไม่ถูก ไม่ถูก เมื่อกี้ไม่ได้บอกว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กกำพร้าหรือ?
เธอหันกลับไปมองศาสตราจารย์หยวน ศาสตราจารย์หยวนกลับเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ “ที่รัก คุณจำได้หรือไม่? ช่วงก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเคยมีคนผู้หนึ่งที่ชื่อฟางหวูมาหาพวกเราเหรอ บอกว่าได้รับการไหว้วานจากหลิงเอ๋อให้เอาเอกสารลับบางอย่างต้องการทำการวิจัย ฟางจางที่เด็กคนนี้พูดถึงจะเป็นฟางหวูรึเปล่า?”
“รีบโทรไปถาม!” แม่ของหยวนชิงหลิงพูดเสียงหลงออกมา
พี่ชายของหยวนชิงหลิงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนหน้านี้เขาจดเบอร์โทรศัพท์ของผู้หญิงคนนั้นไว้ หลังจากหาเจอก็โทรไปทันที
“สวัสดีครับ คุณฟางหวูใช่ไหมครับ? ตอนนี้ที่ผมตรงนี้มีสถานการณ์อย่างหนึ่งนะครับ มีเด็กคนหนึ่งมาที่บ้านของผม บอกว่าชื่อข้าวเหนียวแล้วก็ซาลาเปา บอกว่าเป็นลูกชายของหลิงเอ๋อ…….ห๊ะ คุณจะเข้ามาเหรอ? ตอนนี้? ได้ ได้ งั้นคุณมา พวกเรารอคุณ”
“เป็นยังไงบ้าง?” ศาสตราจารย์หยวนและแม่ของหยวนชิงหลิงเอ่ยถามพร้อมกัน
พี่ชายของหยวนชิงหลิงวางโทรศัพท์ลง นัยน์ตายังเต็มเปี่ยมไปด้วยความงุนงง “เธอบอกว่าจะรีบเข้ามาตอนนี้ครับ บอกว่าเด็กคนนี้มีความเป็นไปได้มากที่จะเป็นลูกชายของหลิงเอ๋อ”
“โอ้สวรรค์!” แม่ของหยวนชิงหลิงหันกลับพร้อมกล่าวพึมพำ มองดูซาลาเปา ในตาน้ำตาไหลพรากในพริบตา นั่งยองลงจับไหล่สองข้างของซาลาเปาไว้ กล่าวอย่างสั่นเทา: “เธอเป็นลูกของหลิงเอ๋อจริงๆหรือ? เป็นหลานชายของฉันงั้นเหรอ?”
ซาลาเปามองดูนาง ใบหน้าน้อยๆค่อยย่นขึ้นมา เขากลัวผู้หญิงร้องไห้เป็นที่สุด ยื่นมือออกไปเลียนแบบผู้ใหญ่ตบไหล่ของเธอเบาๆ กล่าวปลอบโยน: “ได้ ได้ ไม่ร้องแล้ว”
แต่แม่ของหยวนชิงหลิงกลับสะอึกสะอื้นร้องไห้โฮขึ้นมาในพริบตา สวรรค์รู้ ทุกคนบอกกับเธอว่าเช่นนี้เช่นนั้น เธอก็ไม่มีทางสงบจิตใจได้ ความทุกข์แห่งการจากลาของแม่ลูก สร้างความเจ็บปวดต่อหัวใจคนทั้งคืนวัน เพียงแค่อาศัยคำพูดของคนอื่น จะสามารถปล่อยวางความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ทิ่มแทงจิตใจชนิดนี้ได้อย่างไร?
ซาลาเปาสับสนทำตัวไม่ถูกทันที เงยหน้ามองดูศาสตราจารย์หยวน “ข้า……ข้าไม่ได้ตีนาง”
ศาสตราจารย์หยวนตบไหล่ของภรรยาเบาๆ น้ำไหลพรากเช่นกัน “พอแล้ว พอแล้ว ไม่ร้องแล้ว”
คนในครอบครัวหยวนล้วนไม่ช่ำชองในการปลอบใจคน อย่างเก่งที่สุดก็แค่ตบไหล่แล้วพูดประโยคนี้ แม่ของหยวนชิงหลิงได้ฟังมาสิบกว่าปีแล้ว ดังนั้นเมื่อคำพูดปลอบใจประโยคนั้นออกจากปากซาลาเปา เธอจึงได้รู้สึกเหมือนพังทลายอย่างฉับพลัน
ซาลาเปาเห็นเธอร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ ในใจของเขาก็ไม่เป็นสุข ถอยหลังไปมองพี่ชายของหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง บิดนิ้วน้อยๆ “คุณลุง ข้าไม่ได้ตีจริงๆ”
แม่ของหยวนชิงหลิงกอดซาลาเปาไว้ทันที กอดไว้ในอ้อมอก ไม่ได้เช็ดน้ำตาออก กล่าวด้วยเสียงขึ้นจมูกอย่างหนัก: “ขอโทษ ยายยั้งสติไม่อยู่ ยายทำให้เธอตกใจแล้ว”
เธอปล่อยซาลาเปา กุมใบหน้าของเขา น้ำตายังคงทำให้ดวงตาเลือนราง “ให้ยายดูหน้าของเธอ มองดูเธอ”
“ข้าไม่ได้หน้าตาเช่นนี้” ซาลาเปาลังเลครู่หนึ่ง ยื่นมือน้อยๆออกไปเช็ดน้ำตาให้นางเล็กน้อย “ร่างกายนี้ไม่ใช่พวกเรา พวกเราใช้ความตระหนักรู้ควบคุม รอจนข้าที่อยู่ทางนั้นฟื้นขึ้นมา ข้าก็ต้องจากไปแล้ว”
“จากไป?” แม่ของหยวนชิงหลิงกระวนกระวายขึ้นมา “ไปไหน? เธอต้องการกลับไปแล้วใช่หรือไม่?”
“แม่!” พี่ชายของหยวนชิงหลิงเอื้อมมือมาพยุงเธอขึ้น แววตาเจ็บปวด “อย่าทำแบบนี้ ทำให้เด็กตกใจ รอฟางหวูคนนั้นมาแล้วถามให้ชัดเจนหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น ลองสมมติว่าเหตุการณ์แย่ที่สุดอย่างน้อยที่สุด สามารถทำให้พวกเราได้พบหน้ากันครั้งหนึ่งก็ดีมากแล้ว”
จิตใจแม่ของหยวนชิงหลิงเต็มไปด้วยความผิดหวังและกระวนกระวาย กล่าวพึมพำ: “แกพูดถูก ได้พบหน้ากันสักครั้งก็ดีมากแล้ว ไม่สามารถดึงดันด้วยความโลภได้”