บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 895 ในที่สุดก็มีเค้าลางแล้ว
เจ้าอาวาสมาถึงหลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง แม่ของหยวนชิงหลิงปรับอารมณ์ความรู้สึกแล้ว เพียงแค่ยังคงกอดซาลาเปาไว้ไม่ยอมปล่อยมือ
ซาลาเปากลับลำบากใจเป็นอย่างมาก หันกลับไปมองของกินบนโต๊ะอยู่ตลอด แต่ท่านพ่อบอกว่าอย่าทำให้ผู้หญิงเจ็บปวดใจร้องไห้ เขาเพียงแค่คิดต้องการถอยหลังออกไป คุณยายก็ตาแดงแล้ว พยายามจับไว้แน่น เธอกลัวว่าเขาจะจากไปแล้ว ดังนั้นทำได้เพียงอดทนไว้
เห็นเจ้าอาวาสเข้ามา เขาก็โล่งใจเปลาะหนึ่ง ในที่สุดก็ผละออกจากความลำบากได้แล้ว วิ่งไปกินขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กินไปพลางเหลือบมองเจ้าอาวาสไปพลาง ตาเฒ่านี่เปลี่ยนเป็นผู้หญิงแล้วชั่งไม่เข้ากันจริงๆ
“คุณฟางหวู นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” หลังจากเชิญให้เธอเข้าที่นั่ง พี่ชายของหยวนชิงหลิงก็อดทนรอไม่ได้ถามขึ้นมาแล้ว
ฟางหวูท่าทางเป็นคนดีมีหลักการ ในความองอาจผึ่งผายมีความงามสง่าทะลุออกมาเล็กน้อย หลังจากเข้ามาแล้วก็มองซาลาเปาสองสามที ไม่ได้ตอบพี่ชายของหยวนชิงหลิงก่อน แต่ชี้ไปที่ซาลาเปาแล้วกล่าวว่า: “ไม่ผิด เขาก็คือซาลาเปาลูกชายของพระชายารัชทายาท”
“จุดนี้พวกเรารู้แล้วครับ เด็กก็บอกเรื่องราวบางส่วนแล้ว แต่พูดไม่ค่อยเข้าใจ คุณต้องพูดคุยกับพวกเรานะครับ” พี่ชายของหยวนชิงหลิงกล่าว
แม่ของหยวนชิงหลิงไปรินชา มองดูฟางหวูด้วยดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้าง “เด็กบอกว่าหลิงเอ๋อเกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อย หลับไปแล้ว เป็นเรื่องอะไรกันคะ?”
ฟางหวูทอดถอนใจเบาๆ “เป็นความเห็นแก่ตัวชั่วขณะของฉันทำให้เธอสลบไป เพราะความเห็นแก่ตัวของฉัน ทำให้เสียเวลาในการค้นคว้าวิจัย จุดนี้ฉันต้องกล่าวขอโทษต่อพวกคุณครั้งหนึ่งด้วยความจริงใจ”
“สลบ?” แม่ของหยวนชิงหลิงตกใจจนสุดๆ “สลบอยู่ที่นั่นก็แย่แล้ว? จะมีชีวิตได้อย่างไรกันล่ะ? เงื่อนไขการรักษาย่ำแย่ขนาดนี้”
“ตรงจุดนี้คุณวางใจได้ค่ะ ตอนนี้เธอปลอดภัย” ฟางหวูรีบกล่าวปลอบใจ
“นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ครับ?” พี่ชายของหยวนชิงหลิงฟังนางนานแล้วก็ไม่ได้เข้าประเด็น ร้อนใจเป็นอย่างมาก รีบกล่าวเร่งเร้า
ฟางหวูจึงได้เริ่มพูด ทฤษฎีก่อนหน้านี้เหล่านั้น สมองของหยวนชิงหลิงยังไม่ตาย แต่สมองที่ควบคุมร่างกายในมิติเวลาอื่นจุดนี้ เพราะว่าก่อนหน้านี้โม่ยี่ได้เคยพูดไว้บ้างแล้ว เพียงแต่ไม่ค่อยครบถ้วนสมบูรณ์และเป็นมืออาชีพ เมื่อฟางหวูอธิบายเล็กน้อยทุกคนก็เข้าใจแล้ว
“จุดประสงค์ที่สำคัญที่สุดที่ฉันกลับมาในครั้งนี้คือต้องการวิจัยต่อ แน่นอนล่ะ ทันทีที่ศึกษาวิจัยและผลิตได้สำเร็จ ฉันจะฉีดยาให้รุ่นพี่ต่อเนื่องเพื่อรักษาชีวิตของเธอในมิติเวลาอื่น ก่อนหน้านี้มาหาพวกคุณต้องการทำความเข้าใจข้อมูลที่เธอได้ค้นคว้าวิจัย อันที่จริงถ้าหากค้นคว้าและวิจัยไปตามวิธีการของเธอ บางทีตอนนี้ก็อาจจะเป็นผลสำเร็จแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรฉันก็อยากจะพิสูจน์วิธีการของตัวเอง เพราะปีนั้นก็ไม่ได้นับว่าฉันล้มเหลว และฉันเชื่อมั่นว่าผลสำเร็จของฉันจะดีกว่าของเธอเล็กน้อย ตั้งแต่เริ่มจนจบเธอหัวโบราณเกินไป นี่คือความคิดแรกเริ่มของฉัน เพราะเหตุนี้จึงได้ผนึกการค้นคว้าวิจัยของฉันกับเธอ และทีมของฉันได้ค้นคว้าวิจัยยาชนิดใหม่ออกมาแล้ว ยาชนิดนี้ตามทฤษฎี สามารถทำให้สมองพัฒนาได้ถึงร้อยละยี่สิบ และก็เพิ่มขึ้นจากของเธอในเดิมทีประมาณร้อยละสิบห้า เพียงแต่น่าเสียดาย ขณะที่กำลังทำยานี้ในขั้นตอนแรกก็ล้มเหลวแล้ว”
“แบบนั้น……แบบนั้นก็คือบอกว่า ถ้าหากไม่มีการค้นคว้าวิจัยยาออกมา เธอก็จะสลบไสลไปตลอด?” ศาสตราจารย์หยวนฟังเข้าใจแล้ว ความตระหนักรู้ของสมองและพลังความคิดในการควบคุมทางด้านนี้ไม่ได้เป็นความถนัดเฉพาะด้านของเขา แต่หลังจากที่โม่ยี่เข้ามานับตั้งแต่นั้น เขาก็ค้นคว้าวิจัยทางด้านนี้เล็กน้อย
“ใช่แล้วค่ะ แต่พวกคุณสามารถวางใจได้ ยานี้จะสามารถค้นคว้าวิจัยและพัฒนาออกมาได้ เพียงเพราะไม่มีรายงานการทดลองการตรวจรักษาทางการแพทย์ของเธอ ทุกอย่างล้วนต้องทดลองใหม่ตั้งแต่แรก นี่จะเสียเวลาค่อนข้างนาน ไม่ว่ายังไง ถ้าหากไม่มีทางยืนยันปริมาณในการใช้ยาในแต่ละครั้งได้ก็ไม่มีวิถีทางจะใช้ยาได้”
“ถ้าหากว่าคุณทำไปตามเธอแต่เนิ่นๆ ก็ไม่ใช่ว่าสำเร็จไปนานแล้วเหรอครับ?” พี่ชายของหยวนชิงหลิงยังขุ่นเคืองเล็กน้อย น้องสาวตั้งท้องลูกนอนสลบอยู่บนเตียง นี่ทำให้คนเป็นกังวลขนาดไหนกัน
ฟางหวูก็มีความรู้สึกผิด “คุณพูดถูก บางทีอาจจะสำเร็จไปนานแล้ว”
หลายปีมานี้เธออยู่ที่เป่ยถัง ความจริงก็ไม่เต็มใจมาโดยตลอด คิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตัวเองผิดตรงไหนกันแน่ ดังนั้นครั้งนี้โอกาสกลับมาแล้ว นางกลับหัวกลับหางอันดับที่หนึ่งและอันดับที่สอง ผนวกทฤษฎีของนางและทฤษฎีของตัวเองแล้วทำยา เดิมทีคิดว่าจะดีเลิศกว่านาง คิดไม่ถึง กลับล้มเหลวแล้ว
ชะงักครู่หนึ่ง เธอยังคงแก้ต่างให้ตัวเองเล็กน้อย มองดูซาลาเปาแวบหนึ่ง ค่อนข้างตื่นเต้น “ถ้าหากการค้นคว้าวิจัยของฉันเป็นผลสำเร็จแล้ว แบบนั้นร่างกายนี้ของดอกเตอร์หยวนก็สามารถมีชีวิตขึ้นมาได้ ถึงเวลา การตระหนักรู้ของเธอจะสามารถควบคุมร่างกายที่นี่ได้ และสามารถควบคุมร่างกายทางนั้นได้ ตอนนี้ซาลาเปาสามารถควบคุมร่างกายในมิติเวลาอื่นนี่ได้อย่างอิสระทั้งยังไม่ต้องกลับไปที่เดิม นี่ก็พิสูจน์ได้ว่าการพิจารณาเบื้องต้นของฉันไม่ผิด นี่เป็นไปได้จริงๆ ถ้าหากค้นคว้าวิจัยและพัฒนาได้สำเร็จ นี่จะเป็นความก้าวหน้าอย่างยิ่งใหญ่ในหัวข้อการควบคุมของพลังความคิดของมนุษย์”
ทีแรกเธออยากพูดว่าสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ แต่รู้สึกว่าพูดคำนี้ออกมาจะทำให้พวกเขาตกใจ ดังนั้นจึงไม่พูด
“เป็นแบบนี้ได้จริงๆหรือ?” แม่ของหยวนชิงหลิงได้ฟังถึงตรงนี้ นัยน์ตาเกิดความหวังขึ้นทันที
“ยังไม่รู้ค่ะ ฉันจะค้นคว้าวิจัยต่อไป แต่ตอนนี้อย่างแรกที่จำเป็นต้องทำคือคิดค้นพัฒนายาออกมาทำให้ดอกเตอร์หยวนมีชีวิตต่อในเป่ยถังค่ะ” ฟางหวูชำเลืองดูซาลาเปาที่ในที่สุดก็กินเสร็จแล้ว จากนั้นกวักมือให้เขาเข้ามา “พรุ่งนี้เจ้ากลับไปสถาบันวิจัยกับข้าดีหรือไม่? ดูซิว่าเจ้ากับท่านแม่ของเจ้ายืนอยู่ใกล้กัน จะสามารถเกิดการสะท้อนของสนามแม่เหล็กได้หรือไม่”
ซาลาเปากล่าว: “อันนี้ข้าไม่กล้ารับรอง ถ้าหากข้าที่อยู่ทางนั้นตื่นแล้ว ข้าก็ต้องจากไป”
“นี่ก็คือความยุ่งยาก” ฟางหวูคิดแล้วคิดอีก “เช่นนี้ละกัน เจ้ากลับไปบอกท่านพ่อ ให้คนจ่ายยานอนหลับให้พวกเจ้าเล็กน้อย สามารถนอนได้สักสิบสองชั่วยาม สิบสองชั่วยามยี่สิบสี่ชั่วโมง เรื่องที่พวกเราสามารถทำได้ก็มากมายแล้ว”
“แต่ข้าไม่สามารถรับรองได้ว่าที่มาจะเป็นข้าแน่ๆ น้องชายของข้าพวกเขาไม่สามารถจัดการเรื่องราวได้ ค่อนข้างเขลา อาจจะไม่สามารถช่วยได้ ท่านมีวิธีอะไรสามารถยืนยันได้ว่าที่มาจะเป็นข้าแน่ๆหรือไม่?” ซาลาเปาเอ่ยถามด้วยความเจ้าเล่ห์
ฟางหวูหัวเราะขึ้นมาแล้ว “ดี ซาลาเปาของพวกเราค่อนข้างเฉลียวฉลาด สามารถช่วยเหลือได้ เช่นนี้เถอะ เจ้าทิ้งความตระหนักรู้ไว้ตรงนี้เล็กน้อย เช่นนั้นทั้งสามารถรักษาการเคลื่อนไหวของร่างกายนี้ได้ และสะดวกในการยึดชิงครั้งหน้าของเจ้า”
ดวงตาของซาลาเปาเปล่งประกาย “สอนข้า!”
หลังจากกลับไปครั้งนี้ ซาลาเปาได้เปรียบแล้ว ซาลาเปาและทังหยวนเป็นพวกเดียวกัน พี่ชายมีอำนาจเขาก็มีอำนาจด้วย ร่วมกันดูถูกข้าวเหนียวที่ได้รับความรักความเอ็นดูรอบหนึ่งแต่เรื่องอะไรก็กลับจัดการไม่สำเร็จ
หยู่เหวินเห้าก็คือคนหลักที่ปรับตัวไปตามสถานการณ์ ผู้ใดสามารถไปได้ผู้ใดก็มีความสามารถ ชื่นชมรอบหนึ่ง ก็นับว่าเป็นการไถ่ถามสถานการณ์ได้เข้าใจแล้ว อย่างไรเสียซาลาเปาก็รู้เรื่องกว่าข้าวเหนียวเล็กน้อย บวกกับได้พูดคุยกับเจ้าอาวาสรอบหนึ่ง ข้อมูลที่ได้กลับมาก็ค่อนข้างกระจ่าง ได้รู้ว่าเจ้าอาวาสมีความมั่นใจ จิตใจที่กระวนกระวายก็นับว่าโล่งใจไปครึ่งหนึ่งแล้ว
และเขาได้ยินว่าซาลาเปาสามารถช่วยเหลือเจ้าอาวาสได้ จึงรีบบอกให้คนจ่ายยานอนหลับให้ซาลาเปาทันที ให้ห้องที่โอ่อ่าหรูหราอย่างไร้ที่เปรียบ ไม่อนุญาตให้น้องชายทั้งสองรบกวน ให้เขานอนหลับไปด้วยจิตใจที่สงบ
และตัวเขาเองในที่สุดก็สามารถนอนหลับดีๆได้ ระยะนี้ เหนื่อยล้าจนจะตายไปอย่างฉับพลันอยู่แล้ว นอนอยู่ข้างกายของหยวนชิงหลิง ทอดถอนใจเบาๆ “หยวน ลูกๆโตแล้ว สามารถให้ความช่วยเหลือได้แล้ว ความรู้สึกชนิดนี้แปลกประหลาดมากจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นความดีใจหรือความโศกเศร้า ยังอายุไม่ถึงสามขวบเลย เจ้าว่า ทำไมถึงได้โตแล้วล่ะ? ตอนที่ข้าอายุสามขวบ ยังฉี่รดที่นอนอยู่เลย”
เขาเอียงตัวกอดหยวนชิงหลิง จูบลงบนแก้มของนาง แล้วหลับไปอย่างสนิท ครั้งแรกที่กลับมาโดยรู้สึกว่าจิตใจสงบ