บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 904 เจ้าทำให้ข้าตกใจแทบตาย
ซาลาเปามีปฏิกิริยาตอบสนองไวที่สุด “ข้าจะรีบไปนอนทันที”
ทั้งสามคนวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ทังหยวนก็ไม่ยอมอยู่ท้ายสุด ดูสิว่าใครจะไปถึงก่อน
สมองของหยวนชิงหลิงเกิดเสียงหึ่งๆขึ้นมา เมื่อครู่ไม่รู้สึกวิงเวียน ตอนนี้กลับรู้สึกเวียนหัวมาก บริเวณขมับเต้นตุบๆจนรู้สึกได้ นางล้มตัวไปบนเตียง แทบไม่มีทางใช้ความคิดได้เลย ความรู้สึกหนักอึ้งพุ่งขึ้นมาอีกแล้ว ราวกับจะเป็นลมขึ้นมาอีกครั้ง
นางตบไปที่ศีรษะ พยายามคงความตื่นตัวเอาไว้ หวังว่าเจ้าห้าจะรีบกลับมา สามารถพบหน้าสักครั้งค่อยว่ากัน
แต่ว่า สุดท้ายก็สู้ความมืดมิดไม่ได้ ดวงตาค่อยๆปิดลง ก็ไม่รู้ว่าหลับไปหรือว่าสลบไป
หยู่เหวินเห้ากลับมาถึงจวนพร้อมกับสวีอีในยามไฮ่(21.00 น.- 23.00 น.) ทังหยางยังไม่นอน เฝ้าอยู่ด้านนอก เห็นสวีอีประคองหยู่เหวินเห้ากลับมา รู้ว่าดื่มจนเมาอีกแล้ว อดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “คืนนี้ทำไมจึงดื่มจนเมาได้ สวีอีเจ้าไม่คอยจับตาดูหน่อยหรืออย่างไร”
“ดูแล้วห้ามได้หรือ คนมากมายเข้ามาคารวะเหล้า กู้ซือกับแม่ทัพใหญ่ฮู่ก็ช่วยขวางเอาไว้มากแล้ว ไม่เช่นนั้นคงเมาหนักกว่านี้”สวีอีก็รู้สึกมึนหัวอยู่บ้าง เขาเองก็ดื่มไปไม่น้อย
“เฮ้อ ประคองกลับไปก่อน ข้าจะให้คนต้มน้ำแกงสร่างเมา”ทังหยางรีบไปทันที
สวีอีประคองหยู่เหวินเห้ากลับไปที่ตำหนักเซี่ยวเยว่ โยนไปบนเตียงหลอฮั่น “ท่านอ๋อง ท่านนอนเองเถอะ ข้าน้อยขอออกไปอาเจียนสักครู่……”
เขารีบวิ่งออกไปราวกับลูกศร ไม่นาน ก็มีเสียงอาเจียนส่งมา นั่นเขาเรียกว่าน่าอนาถ
หยู่เหวินเห้าไม่ได้เมาจนไร้สติถึงที่สุด ก็แค่เวียนหัวเป็นอย่างมาก พยายามดิ้นรนลุกขึ้นมา “อ๋อ คืนนี้ต้องช่วยยายหยวนสระผม”
ลู่หยากับหมันเอ๋อเข้ามารับใช้ ได้ยินคำพูดนี้ ฉี่หลอก็รีบพูดขึ้นว่า “ไม่จำเป็นแล้ว สระไปแล้ว ท่านอ๋อง ท่านยืนให้มั่นคง หมันเอ๋อ รีบไปเอากระโถนมา ท่านอ๋องจะอาเจียนแล้ว
หมันเอ๋อรีบวิ่งไป เอากระโถนกลับมา หยู่เหวินเห้ารับไปกอดไว้ในอ้อมอก ความทรมานในกระเพาะรุนแรงจนเหลือทน จะม้วนตัวพุ่งออกมาแล้ว แต่ก็อาเจียนไม่ออก
“ออกไปให้หมด ไม่ต้องรับใช้”เขาพึมพำหนึ่งเสียง
“ข้าน้อยจะเทน้ำชาให้ท่าน”หมันเอ๋อวิ่งออกไป รีบเทน้ำชามาให้ด้วยความรีบร้อน หยู่เหวินเห้ารับไป มือหนึ่งก็จับที่ไหล่ของหมันเอ๋อเอาไว้ หน้าแดงดุจกวนอู เมาจนตาลาย “เจ้ายืนให้มั่นคง อย่าขยับ ขยับตัวแล้วข้าตาลาย ”
หมันเอ๋อทำหน้าไม่ถูก “พี่ฉี่หลอ ไม่สู้พาท่านอ๋องไปนอนห้องข้างๆก่อนดีหรือไม่”
“ก็ดี จะได้ไม่เป็นการรบกวนพระชายารัชทายาท”ฉี่หลอพูด
หยู่เหวินเห้ากลับทำแก้วหลุดมือจนเกิดเสียงดังขึ้นมาหนึ่งเสียง เดินโอนเอนไปที่ข้างเตียง “ไม่ ออกไปให้หมด ข้าจะนอนแล้ว”
เขาสะบัดรองเท้าออกจากเท้าจนปลิว ล้มศีรษะลงนอน จากนั้นก็เลิกผ้าห่มอย่างลวกๆ ในปากยังคงพึมพำ “ต้องระวังหน่อย อย่าให้กระทบลูก”
เขาตะแคงหน้าไป ยื่นมือออกไปคิดจะกอดหยวนชิงหลิง การเคลื่อนไหวเหล่านี้ ย่อมทำให้หยวนชิงหลิงตื่นขึ้นมา ถลึงตามองเขา “เมาเหล้าหรือ”
เสียงที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำเอาหยู่เหวินเห้าตกใจจนร้องเหวอ กระโดดลงมาจากบนเตียง กระโดดตัวลอยไปอยู่บนโต๊ะทันที เหยียบลื่นไปข้างหนึ่ง เขาฉีกขาล้มลงไปอยู่บนพื้น โต๊ะก็เอียงล้มลง กระแทกไปบนเก้าอี้ เก้าอี้ก็เอียงล้มลงด้วย ทับไปบนตัวของเขา
เขาโบกมือและขาทั้งคู่ของขา ราวกับปูขนที่ถูกมัดเอาไว้ อยากจะลุกขึ้นมาให้ได้ ดวงตาสีดำเอาแต่จ้องมองไปบนเตียง แต่ว่าสายตาถูกโต๊ะบดบังเอาไว้ ทำเอาเขาโมโหจนเตะออกไปอย่างแรง
หลังจากหมันเอ๋อกับฉี่หลอนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก็ถอนหายใจอย่างยอมใจ รีบเข้าไปช่วยย้ายโต๊ะเก้าอี้ออก เขารีบกระโดดขึ้นมา หยวนชิงหลิงได้ลงจากเตียงด้วยเท้าเปล่าแล้ว ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา
ผมยาวสยายลงมา ชุดยาวหลวมโคร่งสีขาวปิดเรือนร่างอวบอ้วนที่มีท้องใหญ่นูนออกมาเอาไว้ เท้าเปล่าเปลือยแยกออกจากกันเล็กน้อย ราวกับนกเพนกวินที่ตัวหนักอึ้ง ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนั้นต่อหน้าหยู่เหวินเห้า
หยู่เหวินเห้าตบหน้าตัวเองหนึ่งที จ้องมองไปที่นาง กะพริบตาชั่วครู่ พูดพึมพำว่า “สวรรค์ คืนนี้ข้าดื่มมากไปจริงๆ”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจ ยื่นมือไปจับเขา “คอแข็งเป็นความสามารถหรืออย่างไร ยังจะอยากมีชีวิตหรือไม่”
หยู่เหวินเห้ามองนิ้วเรียวห้านิ้วที่วางอยู่บนแขนของตัวเอง แล้วก็มองใบหน้าที่ซีดขาวแต่สะอาดสะอ้านของหยวนชิงหลิง แสงและเงาไหววูบอยู่ตรงหน้าเขาไม่หยุด หมุนวน เขาเดินตามหยวนชิงหลิงไปที่ข้างเตียงด้วยเสียงพึมพำ ทันใดนั้นก็หันกลับไปมองหมันเอ๋อกับฉี่หลอ “พวกเจ้าเห็นนางหรือไม่ ”
หมันเอ๋อกับฉี่หลอทนต่อไปไม่ไหวแล้วกับผู้ชายที่เมาเหล้าจนสมองเสื่อม พูดขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้ตาบอด”
ทันใดนั้นข้อมือของหยวนชิงหลิงก็ถูกนิ้วมือที่แข็งแรงราวกับเหล็กกล้าจับเอาไว้ ตรงหน้ามืดลง ถูกเขาดึงตัวเขาไปกอดไว้ในอ้อมอก หน้าอกที่แข็งแกร่งปะทะเข้ากับจมูกของนาง เจ็บจนน้ำตาของนางแทบจะไหลออกมาแล้ว เรื่องนี้ก็ช่างเถอะ เขายังกอดรัดเอาไว้แน่นๆ ไม่คลายเลยสักนิด แม้แต่นางจะหายใจยังทำไม่ได้ แม้แต่ท้องก็ถูกกดทับจนเจ็บ คนเมาเหล้านั้นมีพลังมากจริงๆ สมองยังทึบอีกด้วย นางได้แต่ใช้แรงทุบตีไปที่หลังของเขาเพื่อดิ้นรน
ในที่สุดสติสัมปชัญญะที่ถูกเหล้ามอมเมาของหยู่เหวินเห้าก็กลับคืนมาแล้ว กอดนางเอาไว้ จึงรู้สึกได้ถึงความเป็นจริง ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้หัวใจรู้สึกว่างเปล่า เพียงชั่วครู่ก็ถูกเติมเต็มแล้ว
ริมฝีปากของเขาจรดลงไปที่ข้างใบหู เส้นผม หน้าผาก ภายในความร้อนรุ่มมีน้ำตาซ่อนอยู่ สะอึกสะอื้นเบาๆเสียงหนึ่ง “ถ้าเจ้ายังไม่ฟื้นขึ้นมาอีก ข้าคงจะเป็นบ้าไปแล้ว”
หยวนชิงหลิงจับเส้นผมของเขาเอาไว้และดึงอย่างแรง ในที่สุดก็เกิดเป็นช่องว่างเล็กๆสามารถให้หายใจเฮือกใหญ่ๆได้ พูดด้วยเสียงกัดฟันว่า “ถ้าท่านยังไม่ปล่อยอีกละก็ ข้าจะถูกท่านบีบจนตายแน่”
หยู่เหวินเห้านิ่งอึ้งไปชั่วครู่ รีบคลายมือออกทันที มองใบหน้าแดงก่ำของหยวนชิงหลิงและอาการหอบหายใจเฮือกใหญ่ๆ จึงรู้สึกตัวได้ว่าเมื่อครู่ตนเองตื่นเต้นจนใช้พละกำลังมากเกินไป ทั้งรู้สึกสงสารและรู้สึกผิด รีบร้อนพูดขอโทษทันที ลูบหลังให้กับหยวนชิงหลิงช่วยนางให้หายใจสะดวกขึ้น “ขอโทษ ขอโทษ ข้าเห็นเจ้าฟื้นแล้วจึงตื่นเต้นมาก”
“น้องเก้าไม่ได้บอกกับท่านหรือว่าข้าฟื้นแล้ว”หยวนชิงหลิงค่อยรู้สึกว่าความเจ็บที่บีบอัดอยู่ในช่วงอกสลายหายไปแล้ว ถลึงตามองเขา จริงๆเลย คนคนนี้ไม่มีความหวานซึ้งชวนฝันเอาซะเลย เดิมที่คิดว่าการพบหน้ากันครั้งแรกหลังจากผ่านเรื่องราวที่เขาออกรบนางก็สลบไสลไป ต้องเต็มไปด้วยความหวานซึ้งตราตรึงใจแน่ๆ คิดไม่ถึงว่าเกือบจะตายอยู่ในมือของเขาแล้ว
หยู่เหวินเห้าเอียงหน้า ถึงว่าทำไมคืนนี้น้องเก้าจึงเอาแต่พุ่งเข้าหาเขาและพูดพึมพำอยู่ตลอด แต่เพราะเสียงชนแก้วเหล้าปะปนกับเสียงพูดคุยของผู้คนที่ดูสับสนวุ่นวาย ใครจะไปรู้ว่าเขากำลังบ่นอะไร ไม่รู้จักเดินเข้ามาคุยเป็นการส่วนตัวหรืออย่างไร
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นความเคร่งขรึมขึ้นมาทันที โมโหจนด่าออกมายกใหญ่ว่า “น้องเก้ารู้ตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมเขาไม่บอกกับข้า เจ้าเด็กนี้อกตัญญูจริงๆ ถ้าหากข้ารู้แต่แรก จะดื่มเหล้าได้อย่างไร คงต้องรีบกลับมาแน่”
พอดีกับที่ทังหยางยกน้ำแกงสร่างเมาเข้ามา ได้ยินเขาด่าคนอื่นด้วยความโมโหอีกทั้งยังฟังดูชัดเจนมีเหตุผลยิ่งนัก จึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านอ๋อง เห็นทีน้ำแกงสร่างเมาคงไม่จำเป็นต้องดื่มแล้ว ได้สติแล้วนี่นา”
เขาวางน้ำแกงสร่างเมาเอาไว้บนโต๊ะ ยกมือขึ้น “แม่นางทั้งหลาย พวกเราแยกย้ายกันเถอะ ที่นี่ไม่จำเป็นต้องปรนนิบัติรับใช้แล้ว”
ฉี่หลอกับหมันเอ๋อปิดปากหัวเราะคิกคักเดินตามทังหยางออกไป ยังใส่ใจที่จะปิดประตูให้ด้วย
หยู่เหวินเห้าคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าของหยวนชิงหลิง มองนางอย่างเงียบๆ ได้สติขึ้นมากว่าครึ่งแล้ว ศีรษะยังคงรู้สึกวิงเวียนอยู่บ้าง วิญญาณคงไม่อยู่ในร่าง อย่างน้อยก็มีส่วนหนึ่งที่ล่องลอยไปในอากาศ เพราะเขายังคงมีความรู้สึกไม่เป็นความจริงอยู่มาก ทุกสิ่งล้วนคล้ายความฝันอย่างยิ่ง
เขาดึงมือทั้งสองข้างของนางเอาไปวางไว้ที่ใบหน้าของตนเอง มือของนางอบอุ่นมาก แนบอยู่กับใบหน้าที่เย็นเยียบของเขา เขารู้สึกปวดใจ “เจ้าตื่นขึ้นมาแล้วจริงๆ”
หยวนชิงหลิงมองเขาด้วยสายตาอบอุ่น ใช้นิ้วมือค่อยๆถูไถไปมาบนหน้าของเขา เช็ดความเปียกชื้นที่หางตาของเขาออกไปอย่างไร้ร่องรอย การแยกจากกันของนางหยุดอยู่ที่ช่วงเวลาก่อนเขาจะออกรบ เป็นระยะเวลาเกือบจะครึ่งปี
ผู้ชายคนนี้ ได้กลายเป็นความผูกพันในใจและวิญญาณของนาง หยั่งรากลึกลงไปในจิตใจของนางอย่างเอาแต่ใจ
จรดริมฝีปากลงไปบนดวงตาที่หล่อเหลาของเขา ขนตาของเขากะพริบอยู่ชั่วครู่ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยไล่ตามโครงหน้ากัดไปที่คางของนางเบาๆ พูดพึมพำว่า “สิ่งเดียวที่ทำให้ข้ารู้สึกโชคดีในช่วงเวลาที่เราจากกันก็คือ หลีกเลี่ยงช่วงเวลาตั้งครรภ์สามเดือนแรกของเจ้าได้”